การทำความสะอาดหลังน้ำลด เราต้องใช้เวลาและความอดทนอย่างมาก เพราะเป็นงานที่ต้องการความละเอียด
ในการทำความสะอาดสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การทำความสะอาดนั้นต้องคำนึงถึงการกำจัดการฆ่าเชื้อโรคเชื้อราที่เราอาจมอง ไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่าเป็นสำคัญ การสัมผัส หรือหายใจเอาเชื้อเหล่านี้เข้าไปเท่ากับเราอยู่กับภัยร้ายโดยไม่รู้ตัว
ในการทำความสะอาดสิ่ง สำคัญที่ต้องคำนึงถึง คือ การป้องกันตนเองของผู้ทำ เช่น การใส่ถุงมือยาง, รองเท้าบู๊ต ซึ่งสำคัญมากพอๆกับการใส่ผ้าปิดปากปิดจมูกในการทำงาน ใส่ถุงมือยางและรองเท้าบู๊ตช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคเชื้อรา, ป้องกันการสัมผัสสารเคมี รวมถึงป้องกันไฟดูด ส่วนผ้าปิดจมูกและปากช่วยป้องกันการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อราและไอระเหยของ สารเคมีเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ในระหว่างการทำความสะอาดควรเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศระบายได้มากที่สุด อาจเปิดพัดลมเพดานช่วยระบายอากาศ
***** ห้ามเปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะเชื้อต่างๆจะถูกดูดเข้าไปอยู่ในระบบปรับอากาศ และจะกลายเป็นที่เพาะพันธุ์เชื้อราต่อไป เป็นภัยเงียบที่เรามองไม่เห็น
***** หากสิ่งของใดๆ ที่ได้เกิดเชื้อราขึ้นแล้ว ให้นำออกไปทำความสะอาดในที่ๆ อากาศถ่ายเทและห่างออกไปจากตัวบ้าน เพื่อไม่ให้สปอร์ของเชื้อรากระจายเข้าไปอยู่ในบ้าน หากเกิดเชื้อราเกิดขึ้นแล้ว บนพื้นผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้น, ผนัง,เพดาน หรือเฟอร์นิเจอร์ ควรจะต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเพื่อไม่ให้เชื้อฟุ้งกระจาย ก่อนจะล้างทำความสะอาดล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ อย่าลืมที่จะใส่เครื่งป้องกันตนเอง โดยเฉพาะหน้ากากกรองอากาศ ผ้าปิดปากปิดจมูก ถุงมือยาง รองเท้าบู๊ตเพื่อป้องกันตนเอง
เรื่องต่างๆที่ต้องจัดการหลังน้ำลด
หลังจากตรวจดูโครงสร้างต่างๆภายในบ้านแล้ว ( คลิกอ่าน เรื่อง การเตรียมตัวเข้าบ้านหลังน้ำลด)
1. ระบบไฟฟ้า ระบบไฟฟ้าของทั้งบ้านจะต้องถูกปิดทันที ที่น้ำท่วมบ้าน ระบบไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งแรกๆเลยที่จะต้องจัดการทันทีที่น้ำลด โดยการให้ช่างไฟฟ้ามืออาชีพ มาทำการตรวจสอบ และซ่อมแซมให้หมดก่อนที่จะสามารถกลับไปใช้ไฟฟ้าได้อีกอีกครั้งหนึ่ง จำเป็นอย่างมากที่จะต้องเดินสายไฟใหม่ทั้งหมด สายไฟจะต้องแห้งสนิท, สวิทช์ไฟ, เต้าเสียบปลั๊กไฟต่างๆ ที่จมอยู่ใต้น้ำ อาจจะมีโคลนตมและตะกอนที่มากับน้ำเข้าไปอยู่
* การทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ จำเป็นที่จะต้องได้รับการตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆก่อน จะนำกลับไปใช้งาน มิฉะนั้นอาจเกิดไฟฟ้าช๊อตเอาได้ หรือ อาจก่อความเสียหายให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้า การทำความสะอาด, การขจัดคราบสกปรก และการกำจัดกลิ่น เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น วิทยุ, โทรทัศน์, เครื่องซักผ้า, เครื่องล้างจาน, เครื่องดูดฝุ่น ฯลฯ เราอาจสามารถที่จะทำความสะอาดภายนอกตัวเครื่องได้เอง แต่เราจำเป็นต้องให้ช่างมาตรวจเช็คดูข้างใน โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการต่ออะแดปเตอร์ หรือสายดินเพื่อป้องกันไฟดูด ไฟช๊อต เมื่อถูกน้ำท่วมไปแล้ว อาจมีสิ่งสกปรก, โคลน เข้าไปอุดตันอาจทำให้สายดินไม่สามารถทำงานได้ ควรจะให้ช่างมาตรวจเช็คก่อนการใช้งาน มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายได้
เครื่องปรับอากาศ หลังน้ำลดต้องเรียกช่างแอร์อาชีพให้มาตรวจเช็คระบบเครื่อง ปรับอากาศภายในบ้านทั้งหมด พร้อมทั้งทำความสะอาดท่อต่างๆ, แผ่นกรองอากาศ เปลี่ยนฉนวนกันความร้อนที่จมน้ำ เป็นต้น เมื่อช่างแก้ไขให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ซีลปิดไว้ก่อน จึงจะเริ่มการทำความสะอาด การเปิดแอร์คอนดิชั่นจะสามารถทำได้ในกรณีที่เราทำความสะอาดบ้านจนเสร็จเรียบ ร้อยพร้อมกลับเข้าไปอยู่แล้วเท่านั้น
ขั้นตอนในการทำความสะอาดมีดังนี้
1. เริ่มด้วยการขนย้ายสิ่งของต่างๆขั้นแรกให้ขนย้าย สิ่งของต่างๆ ภายในบ้านออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อสะดวกในการจัดการกับโคลนตมที่มากับน้ำ ให้ใช้พลั่วตักดิน โคลนออกจากพื้นบ้านให้ได้มากที่สุด จากนั้นจึงใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง(ถ้ามี) หรือสายยางฉีดน้ำเพื่อชะล้างโคลนออกจากพื้นผิวอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่จะช่วย ผ่อนแรงได้มาก คือ ไม้ปาดน้ำ หากไม่มีและพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก สามารถใช้ผ้าขนหนูทำเป็นผ้าลากน้ำได้ เมื่อกำจัดดินโคลนออกไปได้แล้วจึงค่อยเริ่มขั้นที่ 2
2. เรื่องของพื้น หากพื้นบ้านของท่านมีการใช้วัสดุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไวนิล, เสื่อน้ำมัน, พรม, ปาร์เก้ ปูทับพื้นเดิมอยู่ มีความจำเป็นที่จะต้องรื้อวัสดุปูพื้นเหล่านั้นออกเพื่อให้พื้นด้านล่างแห้ง ซึ่งกว่าจะแห้งสนิทอาจใช้ระยะเวลานานพอสมควร ทั้งนี้ขี้นอยู่กับว่าพื้นด้านล่างของท่านทำจากวัสดุอะไร การเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท, เปิดพัดลม จะช่วยให้พื้นแห้งเร็วขึ้น
การทำความสะอาดพื้นทุกชนิดต้องพิจารณาดูตามความเหมาะสม ของพื้น โดยทั่วไปๆ สามารถใช้น้ำผสมคลอรีนในอัตราส่วน 0.1% ( 1 cc.ต่อน้ำ 1000 cc.)ฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณก่อน แล้วจึงขัดถูพื้น ด้วยน้ำยาล้างจาน, ผงซักฟอก ขัดถูให้ทั่วบริเวณแล้วจึงราดด้วยน้ำร้อนเดือดๆ หรือ ใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาเคมีทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อต่างๆได้ ซึ่งต้องอ่านฉลากวิธีใช้ให้ละเอียดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากเป็นไปได้ อยากแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อกำจัดกลิ่นที่เป็นสารชีวภาพเอนไซม์ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อ กำจัดกลิ่นกำจัดคราบไขมันได้ ซึ่งมีข้อดีกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ คือ สารชีวภาพเอนไซม์นั้น จะยังคงมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อที่จะเกิดขึ้นใหม่จากความชื้นต่อไปได้อีก นานประมาณ 3 - 6 เดือน ตราบที่พื้นยังมีความชื้นอยู่ และที่สำคัญสารชีวภาพเอนไซม์นั้น ไม่่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
พื้นที่ ปูพรม ถ้าพื้นที่ปูพรมจมอยู่ใต้น้ำท่วมน้ำเสีย ควรจะตัดใจกำจัดทิ้งไปเสีย เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพของท่าน พรมเป็นแหล่งเพาะเชื้อราอย่างดี การทำความสะอาดพรมเองเป็นเรื่องยาก ต้องใช้มืออาชีพที่เชื่อถือได้ว่าเขาจะใช้น้ำยาชักพรมที่ฆ่าเชื้อกำจัดกลิ่น ด้วยสารชีวภาพเอนไซม์ และใช้เครื่องมือซักพรมชนิดพิเศษที่มีสามารถทำความสะอาดได้ล้ำลึก สามารถซักและดูดน้ำกลับได้เลย ซึ่งค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดพรมแบบนี้ค่อนข้างสูง ควรพิจารณาให้ดี ส่วนพรมชิ้นๆ บางผืนที่มีมูลค่าสูง อาจจะยังพอที่จะสามารถทำความสะอาดได้ สามารถนำไปตากแดดได้ แต่ก็จำเป็นต้องให้มืออาชีพที่คุณเชื่อใจได้ ว่าจะสามารถทำความสะอาดและกำจัดเชื้อราต่างๆให้คุณได้หมดจริงๆ ซึ่งขอบอกว่าค่าใช้จ่ายสูงมาก จากประสบการณ์ ด้วยการแข่งขันกันในเชิงธุรกิจหลายครั้งได้พบว่าบางคนลืมเรื่องคุณธรรม หรือจรรยาบรรณในการทำงานไป
3. สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆภายในบ้าน
ขอเน้นเป็นพิเศษสำหรับเครื่องใช้ภายในครัวเราอาจแยก ประเภทของสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ภายในบ้านออกเป็นพวกต่างๆ ดังนี้
* พวกที่เป็นเครื่องแก้ว, เครื่องกระเบื้อง, พลาสติก,เมลามีน โดยเฉพาะ แก้วน้ำ จานชามใส่อาหาร ให้ผสม คลอรีน 2 ช้อนโต๊ะต่อ น้ำร้อน 1 แกลลอน ใส่ลงในภาชนะ แล้วนำสิ่งของเหล่านั้น แช่เอาไว้อย่างน้อยเป็นเวลา 10 นาทีเพื่อฆ่าเชื้อต่างๆ จากนั้นนำขึ้นจากน้ำไปพึ่งแดดให้แห้ง 1รอบ ก่อนนำกลับมาทำความสะอาด ด้วยน้ำยาล้างจานอีกครั้งหนึ่ง ( อย่าใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง ควรทิ้งให้แห้งเอง)
* พวกที่เป็นเครื่องเงิน, เครื่องโลหะต่างๆ เช่น ช้อน, ส้อม, มีด, หม้อ, กระทะ ไม่ควรใช้คลอรีน เนื่องจากอาจทำปฏิกิริยา กับโลหะหลายๆชนิดจะทำให้สีเปลี่ยนไป แนะนำให้นำไปต้มในน้ำเดือด อย่างน้อยเป็นเวลา 10 นาทีเพื่อฆ่าเชื้อ แล้วใช้น้ำยาทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อได้แช่ไว้ ที่สำคัญน้ำยาที่ใช้จะต้องไม่เป็นอันตรายต่อคนเรา ( เช่น ห้ามใช้โซดาไฟ ) กรณีที่เป็นเครื่องครัวขอแนะนำให้ใช้น้ำยาล้างจานที่มีส่วนผสมของสารชีวภาพ เอนไซม์ ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อโรคและไม่เป็นอันตราย ทำความสะอาดอีกครั้งหลังจากการต้มในน้ำร้อน
4. เครื่องเรือน และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ
* เฟอร์นิเจอร์บิลด์อินต่างๆ, ตู้ โต๊ะ เคาน์เตอร์ ทั้งหลายภายในบ้านที่ยังสามารถใช้งานได้อยู่ จำเป็นมากๆที่จะต้องมีการทำความสะอาดขัดล้างด้วยสารละลายคลอรีน หรือ ผลิตภัณฑ์น้ำยาเคมีทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อต่างๆ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อคน หรือ ใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อกำจัดกลิ่นที่เป็นสารชีวภาพเอนไซม์ก่อนที่จะนำมาใช้งาน ต่อไป การทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์บิลด์อินต่างๆ ต้องทำไปพร้อมๆกับการทำความสะอาดพื้น ผนัง กำแพงภายในตัวบ้าน ซึงหลังจากเสร็จขั้นตอนในการทำความสะอาดฆ่าเชื้อแล้ว ให้เปิดหน้าต่างให้มีลมโกรก อากาศจะได้ระบายออกไป หากสามารถเปิดพัดลม หรือเครื่องปรับอากาศ(ที่ทำความสะอาดแล้ว)จะช่วยให้เฟอร์นิเจอร์แห้งเร็ว ขึ้น หากมีพัดลมหอยโข่งที่ใช้ในอุตสาหกรรมจะช่วยให้พื้นผิวต่างๆแห้งสนิทเร็ว ขึ้น จำเป็นต้องให้พื้นผิวต่างๆแห้งสนิทจริงๆ จึงจะสามารถนำสิ่งของเข้าไปเก็บไปใส่ได้
* ส่วนเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวต่างๆ เช่น โต๊ะ,ตู้, เตียง, ที่นอนยางพารา ที่สามารถยกออกมาได้ ให้นำออกมาทำความสะอาดในที่โล่งแจ้ง อากาศระบายถ่ายเทได้ดี โดยใช้วิธีเดียวกันกับการทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์บิลด์อิน แล้วจึงนำไปตากแดดผึ่งลมไว้จนแห้งสนิทที่สุดจึงค่อยนำกลับเข้าไปในตัวบ้าน เพื่อใช้งานต่อไป
* เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้เนื้ออ่อน, ไม้วีเนียร์ ,ไม้อัด มักไม่คุ้มค่าในการลงทุนลงแรงทำความสะอาดและซ่อมแซม ต่างจากเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก ส่วนเฟอร์นิเจอร์หุ้มด้วยหนัง, หุ้มด้วยผ้า ที่บุด้วยฟองน้ำข้างใน หากพิจารณาว่าสภาพโครงยังดีอยู่และคุ้มค่าที่จะนำไปหุ้มใหม่ โดยเปลี่ยนฟองน้ำข้างในใหม่หมด จึงสามารถจะนำกลับมาใช้ได้
* วอลล์เปเปอร์ที่แช่อยู่ในน้ำควรจะลอกออกเพื่อเปลี่ยนใหม่ เนื่องจากเชื้อราอาจแฝงตัวอยู่ระหว่างผนังและวอลล์เปเปอร์
* เบ็ดเตล็ด
- สิ่งของเครื่องใช้ที่ทำจากผ้า โดยเฉพาะเสื้อผ้าต้องรีบนำมาซักทำความสะอาดฆ่าเชื้อโดยเร็วก่อนขึ้นรา ให้ซักด้วยน้ำร้อน แล้วตากแดดให้แห้ง
- เอกสารที่สำคัญ, ภาพถ่าย, และหนังสือ ที่เปียกน้ำ ในขั้นแรกให้ล้างเอาสิ่งสกปรกออกก่อนอย่างระมัดระวัง แล้วเก็บใส่ไว้ในถุงพลาสติก จากนั้นให้นำไปแช่ในช่องแช่แข็งของตู้เย็นชนิดที่เป็นแบบไม่มีน้ำแข็งเกาะ เพื่อป้องกันการขึ้นรา เพื่อนำไปทำความสะอาดในภายหลัง เมื่อคุณมีเวลาที่จะค่อยๆทำความสะอาดให้นำออกมาละลายและค่อยปล่อยให้ แห้งอย่างช้าๆ บางครั้งการทำความสะอาดของเหล่านี้อาจต้องใช้คนที่เป็นมืออาชีพ
*** มีของหลายสิ่งที่เมื่อแช่อยู่ในน้ำแล้ว ไม่คุ้มค่าความเสี่ยงในการนำกลับมาใช้งาน ควรตัดใจกำจัดไป เช่น ที่นอนฟูก, หมอน, ของเล่นเด็กตุ๊กตา ฯลฯ (โปรดกรุณาอย่านำไปบริจาคให้ผู้ด้อยโอกาสด้วยนะคะ)
ขอบคุณข้อมูลจาก คุณกมลพรรณ (กอวัฒนา) นุชผ่องใส กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท ฟาร์อีสต์เพียร์เลส (ไทยแลนด์) 1968 จำกัด
Source : Far East Peerless (Thailand) 1968 Co.,Ltd.
29 พ.ย. 2554
“รถถูกน้ำท่วม“ ระวังให้ดีงานนี้มีย้อมแมวขาย (ตอนที่ 2)
ในตอนที่แล้วนั้น เราได้พาเพื่อนๆ ไปรู้จักระดับน้ำท่วมที่จะส่งผลร้ายต่อตัวรถในด้านต่างๆและระดับน้ำต่างๆเหล่านี้นับเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้คุณดูรถที่ถูกน้ำท่วมย้อมแมวขายได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
เราจะมาย้ำกันอีกครั้งว่า "รถถูกน้ำท่วม" นั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด และก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกที่รถเหล่านี่จะเข้าสู่วังวนรถมืองสอง เพราะทุกอย่างเมื่อซ่อมมามันก็ดูจะเป็นปกติดีไม่ผิดเพี้ยน ทว่าสิ่งที่เป็นผลพวงจากน้ำท่วมนั้นจะยังไม่ออกมาจนกว่าจะนานวัน บางคันเป็นปี และผลเสียเหล่านี้เกิดจากการซ่อมแซมที่ไม่ครอบคลุม ที่ทำให้เราอดไม่ได้ที่ต้องมาพูดคุยกัน
ข้างนอกสุกใสข้างในต๊ะติ้งโหน่ง
ภาษิตไทยนี้เราอาจจะได้ยินมาบ่อยครั้ง และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆกับรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมมา หากใครเคยอ่านเรื่องการดูแลรถหลังน้ำท่วม จะพบว่าทุกอย่างนั้นสามารถซ่อมแซมได้เป็นปกติแต่มีอยู่เพียงอย่างเดียวที่ไม่สามารถที่จะซ่อมแซมให้มันเป็นปกติ และมันเปรียบเหมือนเส้นประสาทของรถ
"ระบบไฟฟ้า" นั้นนับเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้างไปเกี่ยวกับรถที่ถูกน้ำท่วม แต่ไม่ว่าอะไรจะซ่อมได้ทุกอย่างแต่กับระบบไฟฟ้าของตัวรถนั้นล้อเล่นไม่ได้ เพราะน้องน้ำนี่ท่านซอกซอนทุกอณูเรียกว่าเก็บทุกเม็ดไม่เหลือจนเป็นความชื้น ท้ายสุดตามด้วยราหรืออาจจะสนิม จนเป็นนิยามคำศัพท์ชาวรถเรียกกับการเจอรถที่ระบบไฟฟ้าไม่อยู่กับร่องกับรอยว่า "รถผีหลอก"
มันไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์แต่ "รถผีหลอก" นั้นเป็นที่เกิดจากระบบไฟฟ้ามีปัญหา โดยส่วนใหญ่แล้วเกิดจากน้ำเข้า ทำให้ไฟฟ้าเกิดการลัดวงจร ผลสุดท้ายก็คือขับๆอยู่ระบบต่างอาจจะทำงานได้เอง ไม่แตกต่างอะไรจากรถที่ถูกผีเข้าสิงห์ แต่นั่นไม่ใช่ผี หากแต่อณุมาณได้เลยว่ารถคันนั้นต้องเคยจมน้ำมา และที่เป็นอย่งนั้นก็เพราถทุกอย่างถูกปรับปรุงหมดเว้นแต่ระบบไฟฟ้า และมันก็มักจะไม่เกิดขึ้นในเร็ววันเสียด้วย นี่แหละเรื่องที่ยากจะคาดเดาที่สุด
เปิดซิงดูรถน้ำท่วมขั้นแรก
จะว่าไปแล้วรถที่ถูกน้ำท่วมกับรถจมน้ำ มันมีวีธีการดูสภาพทีไม่แตกต่างกันนัก เพราะ ทั้ง 2 นั้นต่างมีน้ำเข้ามาเกี่ยวข้อง และ ในหลายๆเรื่องนั้น รถเหล่านี้ก็จะมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัวเหมือนบาดแผลเป็นที่บางครั้งก็ยากจะจางหายไป
"กลิ่น" คือสิ่งที่เราสามารถสัมผัสและรู้สึกได้จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเรา และในขั้นต้นมันก็พอบอกได้ว่ารถคันดังกล่าวน่าจะผ่านน้ำท่วมมาหรือไม่ โดยเฉพาะกลิ่นน้ำเน่านั้นจะทำให้จางหายไปค่อนข้างยาก แม้จะประเคน ยาอมยาดมยาหม่อง กลิ่นสาปน้ำเน่าก็ยากจะจางหายไปอยู่ดี เว้นแต่รถคันนั้นจะผ่านกระบวนการซักพรม-ซักเบาะ นี่ยังต้องรวมถึงการทำความสะอาดระบบแอร์รถยนต์เพื่อขจัดกลิ่นด้วย ซึ่งโดยมากในสเตปนี้ รถที่ไม่ท่วมหนักจะสามารถขจัดกลิ่นได้แทบจะ 100 % ต่มันก็ยังมีจุดให้เราสังเกตคือกลิ่นน้ำยาซัฟอกต่างๆนี่แหละ
ถ้าเมื่อไรก็ตามไปเจอรถที่ถูกซักฟอกขนาดหนักเสียขนาดนั้น รับรองว่ากลิ่นพวกนี้ติดแน่นทนนานมาก ยิ่งรถในเต๊นท์นั้นรับรองได้เลยมันไม่ค่อยได้ไปขับที่ไหน ก็ย่อมจะชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนกรณีเบาะหนังนั้นก็ดูไม่ยาก หนังเทียม/ แท้ต่าง เมื่อโดนน้ำซักฟอกก็มักจะหยาบกร้านกว่าดั้งเดิม
ขั้นที่ 2 ตรวจความเสียหายของพรม
ตามปกติแล้วพรมรถนั้นจะไม่ค่อนถูกถอดประกอบออกมาบ่อยนัก ดังนั้นสิ่งที่คุณสามารถมองหาได้นั้นคือพวกชุดกิ๊บล็อบต่างที่มันมักจะยังใหม่สดเสมอ เพราะ โดยปกติ ร้านล้างรถหรือการบูรณะรถนั้นคนจะมองข้ามในส่วนพวกชุดกิ๊ปพวกนี้ไป
กิ๊ปล็อคเหล่านี้เปรียบเหมือนใบบอกว่าพรมรถคันนี้เคยถอดหรือไม่ ถ้าไม่ก็วางใจได้แน่นอน แต่ถ้าเคย ก็ต้องตรวจกันต่อไป โดยปกติการถอดพรมรถนันมีจุดประสงค์เดียวคือเพื่อนำไปซักทำความสะอาด แต่ในกรณีรถจมน้ำที่คราบต่างๆติดแน่นทนนาน นั้นมันก็บอกเราได้หลายสิ่งพอตัว
ข้อดีของชุดพรมนั้นคือเมื่อผ่านการซักหลายๆครั้งนั้น เนื้อพรมจะไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะพวกผ้ากำมะหยี่ที่แผงประตูข้างนี่ยิ่งชัดเจนมาก นี่ยังรวมถึงการใส่พรมเข้าตัวรถที่บางครั้งมันไม่พอดี หรือยับบางจุดนั้นก็ย่อมจะบอกได้ดีถึงว่า รถคันนี้อาจจะมีเปอร์เซ็นโดนน้ำท่วมมาก็เป็นได้
ขั้นที่ 3 ล้วงในที่ลับ จับในที่แจ้ง
ต้องยอมรับครับว่าการให้รถยนต์จมน้ำสารภาพบาปนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะส่วนหนึ่งคนที่บูรณะรถนั้นก็ไม่อยากให้ลูกค้าจับได้ เนื่องจากเมื่อรู้มันก็เสียชื่อเสียงคาวไปทั่วไม่เพียงแค่รถคันนั้น มันอาจหมายถึงรถคันอื่นในเต้นท์
"ล้วงในที่ลับจับในที่แจ้ง" คือสิ่งที่เราอยากให้ทำเพราะมันไม่ผิดอยู่แล้ว ถ้าคุณจะซื้อรถและมันไม่ทำความเสียหายด้วย เรียกว่าสบายใจทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ การล้วงและจับรถนั้นอย่าใช้วิธีเดาสุ่มแบบขอไปที ยิ่งการดูรถน้ำท่วมนั้น ต้องชัดเจนในการหาคำตอบ และเมื่อพูดถึงน้ำเราก็คงต้องนึกถึงเศษดิน-ฝุ่นที่มากับน้องน้ำซึ่งถ้ารถคันนั้นไม่ได้ทำความสะอาดมาอย่างดี เมื่อคุณล้วงเข้าไปในจุดต่าง โดยเฉพาะซอก-หลืบแล้ว อาจจะจ๊ะเอ๋กับน้องโคลน ลูกของน้องน้ำและนายดิน นั่นบ่งบอกได้ชัดเจนถึงสภาพรถจมน้ำ เพราะไม่มีทางที่คราบเหล่านี้จะตะกายได้สูงขนาดนั้น
ต่อมาภายนอกนั้น โดยมากรถจะโดนเก็บมาเนียน แต่ในที่แจ้งอย่างภายนอกนั้น สิ่งหนึ่งที่มันสามารถบอกได้คือใต้ท้องรถ ซึ่งโดยมากจะไม่ถูกเข้าไปยุ่งเกี่ยวนอกจากล้างคราบโคลนออก ยิ่งท่อไอเสีย ซึ่งเป็นจุดที่เรียกว่าเบาะบางที่สุดนั้นย่อมจะบอกได้ดี เพราะเมื่อน้ำ โดนความร้อนบวกกับอากาศผลคือสนิม ยิ่งสนิมมากก็ยิ่งมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
ขั้นที่ 4 ซับเสียงเชื่อได้และตัวฟันธง
แม้ว่าเราจะบอกวีธีต่างในการดูรถจมน้ำมามากมาย แต่สุดท้ายทางที่ดีสุดคือการเปิดพรมดูให้ละเอียด แน่นอนความเป็นจริงคือการเปิดพรมนั้นคงไม่ใช่อะไรที่ยอมกันได้ง่ายๆ โดยเฉพาะกับเต๊นท์รถ แต่ก็อย่าเพิ่งไปขออะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ให้เมคชัวร์!! สักระดับหนึ่งแล้วอยากจะซื้อตกร่องปล่องชิ้นจริงๆ ค่อยว่ากัน
การเปิดพรมนั้นประเด็นหลักๆ ก็เพื่อดูวัสดุซับเสียงซึ่งโดยมากจะมีลักษณะคล้ายใยแก้ว ซึ่งวัสดุเหล่านี้เมื่อโดนน้ำนั้นจะเปื่อยุ้ย ยิ่งเป็นสีคล้ำนี่ชัดเจน ว่าจมน้ำแน่เพราะคราบสกปรกเอาไม่ออกหรอกเว้นแต่จะเปลี่ยน แต่ถ้าเป็นยางอย่างในรถยุโรปนี่ยากสักนิดเพราะต้องดูพวกคราบกาวเอา ถ้ามีอาการเหมือนหลุดร่อนหรือเป็นคราบเยิ้มๆ ก็มีความเป็นไปได้สูงพอตัวที่จะโดนน้ำท่วมมา
ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญอีกอย่างในการเลือกซื้อรถหรือดูรถที่ถูกน้ำท่วมหลังน้ำท่วมนั้น คงไม่พ้นต้องรีบดูก่อนที่รถถูกน้ำท่วมจะเข้าสู่ตลาด และที่สำคัญอีกประการต้องแม่นในเรื่องของอุปกรณ์ดั้งเดิมต่างๆ ที่ติดมากับรถ ซึ่งท้ายที่สุดนี้เราก็หวังว่าคุณๆจะได้รถมือสองที่ดี และไม่ใช่รถที่ถูกน้ำท่วมมา ..สวัสดี
เราจะมาย้ำกันอีกครั้งว่า "รถถูกน้ำท่วม" นั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด และก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกที่รถเหล่านี่จะเข้าสู่วังวนรถมืองสอง เพราะทุกอย่างเมื่อซ่อมมามันก็ดูจะเป็นปกติดีไม่ผิดเพี้ยน ทว่าสิ่งที่เป็นผลพวงจากน้ำท่วมนั้นจะยังไม่ออกมาจนกว่าจะนานวัน บางคันเป็นปี และผลเสียเหล่านี้เกิดจากการซ่อมแซมที่ไม่ครอบคลุม ที่ทำให้เราอดไม่ได้ที่ต้องมาพูดคุยกัน
ข้างนอกสุกใสข้างในต๊ะติ้งโหน่ง
ภาษิตไทยนี้เราอาจจะได้ยินมาบ่อยครั้ง และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆกับรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมมา หากใครเคยอ่านเรื่องการดูแลรถหลังน้ำท่วม จะพบว่าทุกอย่างนั้นสามารถซ่อมแซมได้เป็นปกติแต่มีอยู่เพียงอย่างเดียวที่ไม่สามารถที่จะซ่อมแซมให้มันเป็นปกติ และมันเปรียบเหมือนเส้นประสาทของรถ
"ระบบไฟฟ้า" นั้นนับเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้างไปเกี่ยวกับรถที่ถูกน้ำท่วม แต่ไม่ว่าอะไรจะซ่อมได้ทุกอย่างแต่กับระบบไฟฟ้าของตัวรถนั้นล้อเล่นไม่ได้ เพราะน้องน้ำนี่ท่านซอกซอนทุกอณูเรียกว่าเก็บทุกเม็ดไม่เหลือจนเป็นความชื้น ท้ายสุดตามด้วยราหรืออาจจะสนิม จนเป็นนิยามคำศัพท์ชาวรถเรียกกับการเจอรถที่ระบบไฟฟ้าไม่อยู่กับร่องกับรอยว่า "รถผีหลอก"
มันไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์แต่ "รถผีหลอก" นั้นเป็นที่เกิดจากระบบไฟฟ้ามีปัญหา โดยส่วนใหญ่แล้วเกิดจากน้ำเข้า ทำให้ไฟฟ้าเกิดการลัดวงจร ผลสุดท้ายก็คือขับๆอยู่ระบบต่างอาจจะทำงานได้เอง ไม่แตกต่างอะไรจากรถที่ถูกผีเข้าสิงห์ แต่นั่นไม่ใช่ผี หากแต่อณุมาณได้เลยว่ารถคันนั้นต้องเคยจมน้ำมา และที่เป็นอย่งนั้นก็เพราถทุกอย่างถูกปรับปรุงหมดเว้นแต่ระบบไฟฟ้า และมันก็มักจะไม่เกิดขึ้นในเร็ววันเสียด้วย นี่แหละเรื่องที่ยากจะคาดเดาที่สุด
เปิดซิงดูรถน้ำท่วมขั้นแรก
จะว่าไปแล้วรถที่ถูกน้ำท่วมกับรถจมน้ำ มันมีวีธีการดูสภาพทีไม่แตกต่างกันนัก เพราะ ทั้ง 2 นั้นต่างมีน้ำเข้ามาเกี่ยวข้อง และ ในหลายๆเรื่องนั้น รถเหล่านี้ก็จะมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัวเหมือนบาดแผลเป็นที่บางครั้งก็ยากจะจางหายไป
"กลิ่น" คือสิ่งที่เราสามารถสัมผัสและรู้สึกได้จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเรา และในขั้นต้นมันก็พอบอกได้ว่ารถคันดังกล่าวน่าจะผ่านน้ำท่วมมาหรือไม่ โดยเฉพาะกลิ่นน้ำเน่านั้นจะทำให้จางหายไปค่อนข้างยาก แม้จะประเคน ยาอมยาดมยาหม่อง กลิ่นสาปน้ำเน่าก็ยากจะจางหายไปอยู่ดี เว้นแต่รถคันนั้นจะผ่านกระบวนการซักพรม-ซักเบาะ นี่ยังต้องรวมถึงการทำความสะอาดระบบแอร์รถยนต์เพื่อขจัดกลิ่นด้วย ซึ่งโดยมากในสเตปนี้ รถที่ไม่ท่วมหนักจะสามารถขจัดกลิ่นได้แทบจะ 100 % ต่มันก็ยังมีจุดให้เราสังเกตคือกลิ่นน้ำยาซัฟอกต่างๆนี่แหละ
ถ้าเมื่อไรก็ตามไปเจอรถที่ถูกซักฟอกขนาดหนักเสียขนาดนั้น รับรองว่ากลิ่นพวกนี้ติดแน่นทนนานมาก ยิ่งรถในเต๊นท์นั้นรับรองได้เลยมันไม่ค่อยได้ไปขับที่ไหน ก็ย่อมจะชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนกรณีเบาะหนังนั้นก็ดูไม่ยาก หนังเทียม/ แท้ต่าง เมื่อโดนน้ำซักฟอกก็มักจะหยาบกร้านกว่าดั้งเดิม
ขั้นที่ 2 ตรวจความเสียหายของพรม
ตามปกติแล้วพรมรถนั้นจะไม่ค่อนถูกถอดประกอบออกมาบ่อยนัก ดังนั้นสิ่งที่คุณสามารถมองหาได้นั้นคือพวกชุดกิ๊บล็อบต่างที่มันมักจะยังใหม่สดเสมอ เพราะ โดยปกติ ร้านล้างรถหรือการบูรณะรถนั้นคนจะมองข้ามในส่วนพวกชุดกิ๊ปพวกนี้ไป
กิ๊ปล็อคเหล่านี้เปรียบเหมือนใบบอกว่าพรมรถคันนี้เคยถอดหรือไม่ ถ้าไม่ก็วางใจได้แน่นอน แต่ถ้าเคย ก็ต้องตรวจกันต่อไป โดยปกติการถอดพรมรถนันมีจุดประสงค์เดียวคือเพื่อนำไปซักทำความสะอาด แต่ในกรณีรถจมน้ำที่คราบต่างๆติดแน่นทนนาน นั้นมันก็บอกเราได้หลายสิ่งพอตัว
ข้อดีของชุดพรมนั้นคือเมื่อผ่านการซักหลายๆครั้งนั้น เนื้อพรมจะไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะพวกผ้ากำมะหยี่ที่แผงประตูข้างนี่ยิ่งชัดเจนมาก นี่ยังรวมถึงการใส่พรมเข้าตัวรถที่บางครั้งมันไม่พอดี หรือยับบางจุดนั้นก็ย่อมจะบอกได้ดีถึงว่า รถคันนี้อาจจะมีเปอร์เซ็นโดนน้ำท่วมมาก็เป็นได้
ขั้นที่ 3 ล้วงในที่ลับ จับในที่แจ้ง
ต้องยอมรับครับว่าการให้รถยนต์จมน้ำสารภาพบาปนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะส่วนหนึ่งคนที่บูรณะรถนั้นก็ไม่อยากให้ลูกค้าจับได้ เนื่องจากเมื่อรู้มันก็เสียชื่อเสียงคาวไปทั่วไม่เพียงแค่รถคันนั้น มันอาจหมายถึงรถคันอื่นในเต้นท์
"ล้วงในที่ลับจับในที่แจ้ง" คือสิ่งที่เราอยากให้ทำเพราะมันไม่ผิดอยู่แล้ว ถ้าคุณจะซื้อรถและมันไม่ทำความเสียหายด้วย เรียกว่าสบายใจทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ การล้วงและจับรถนั้นอย่าใช้วิธีเดาสุ่มแบบขอไปที ยิ่งการดูรถน้ำท่วมนั้น ต้องชัดเจนในการหาคำตอบ และเมื่อพูดถึงน้ำเราก็คงต้องนึกถึงเศษดิน-ฝุ่นที่มากับน้องน้ำซึ่งถ้ารถคันนั้นไม่ได้ทำความสะอาดมาอย่างดี เมื่อคุณล้วงเข้าไปในจุดต่าง โดยเฉพาะซอก-หลืบแล้ว อาจจะจ๊ะเอ๋กับน้องโคลน ลูกของน้องน้ำและนายดิน นั่นบ่งบอกได้ชัดเจนถึงสภาพรถจมน้ำ เพราะไม่มีทางที่คราบเหล่านี้จะตะกายได้สูงขนาดนั้น
ต่อมาภายนอกนั้น โดยมากรถจะโดนเก็บมาเนียน แต่ในที่แจ้งอย่างภายนอกนั้น สิ่งหนึ่งที่มันสามารถบอกได้คือใต้ท้องรถ ซึ่งโดยมากจะไม่ถูกเข้าไปยุ่งเกี่ยวนอกจากล้างคราบโคลนออก ยิ่งท่อไอเสีย ซึ่งเป็นจุดที่เรียกว่าเบาะบางที่สุดนั้นย่อมจะบอกได้ดี เพราะเมื่อน้ำ โดนความร้อนบวกกับอากาศผลคือสนิม ยิ่งสนิมมากก็ยิ่งมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
ขั้นที่ 4 ซับเสียงเชื่อได้และตัวฟันธง
แม้ว่าเราจะบอกวีธีต่างในการดูรถจมน้ำมามากมาย แต่สุดท้ายทางที่ดีสุดคือการเปิดพรมดูให้ละเอียด แน่นอนความเป็นจริงคือการเปิดพรมนั้นคงไม่ใช่อะไรที่ยอมกันได้ง่ายๆ โดยเฉพาะกับเต๊นท์รถ แต่ก็อย่าเพิ่งไปขออะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ให้เมคชัวร์!! สักระดับหนึ่งแล้วอยากจะซื้อตกร่องปล่องชิ้นจริงๆ ค่อยว่ากัน
การเปิดพรมนั้นประเด็นหลักๆ ก็เพื่อดูวัสดุซับเสียงซึ่งโดยมากจะมีลักษณะคล้ายใยแก้ว ซึ่งวัสดุเหล่านี้เมื่อโดนน้ำนั้นจะเปื่อยุ้ย ยิ่งเป็นสีคล้ำนี่ชัดเจน ว่าจมน้ำแน่เพราะคราบสกปรกเอาไม่ออกหรอกเว้นแต่จะเปลี่ยน แต่ถ้าเป็นยางอย่างในรถยุโรปนี่ยากสักนิดเพราะต้องดูพวกคราบกาวเอา ถ้ามีอาการเหมือนหลุดร่อนหรือเป็นคราบเยิ้มๆ ก็มีความเป็นไปได้สูงพอตัวที่จะโดนน้ำท่วมมา
ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญอีกอย่างในการเลือกซื้อรถหรือดูรถที่ถูกน้ำท่วมหลังน้ำท่วมนั้น คงไม่พ้นต้องรีบดูก่อนที่รถถูกน้ำท่วมจะเข้าสู่ตลาด และที่สำคัญอีกประการต้องแม่นในเรื่องของอุปกรณ์ดั้งเดิมต่างๆ ที่ติดมากับรถ ซึ่งท้ายที่สุดนี้เราก็หวังว่าคุณๆจะได้รถมือสองที่ดี และไม่ใช่รถที่ถูกน้ำท่วมมา ..สวัสดี
“รถถูกน้ำท่วม“ ระวังให้ดีงานนี้มีย้อมแมวขาย (ตอนที่ 1)
คงต้องเรียกว่าผ่านวิกฤติการณ์กันไปอย่างเป็นทางการเสียทีกับ "มหาอุทกภัยไทยแลนด์" ที่ล่อเราๆท่านๆ ลำบากไปตามๆกัน และหนึ่งในปัญหาที่ใหญ่สุดพาโกลาหลไปตามๆกันนั้นก็ไม่พ้นรถยนต์ที่พากันจอดหนีน้ำท่วม จนกลายเป็นมหกรรมแห่งความวุ่นวาย แต่นั่นก็ยังนับว่ายังดีกว่ารถที่โดนน้ำท่วมจนได้รับความเสียหายไปตามๆกัน
ที่ผ่านมา เรากล่าวถึงการดูแลรถยนต์หลังน้ำท่วมกันไปพอสมควร แต่ในห้วงเวลาดังกล่าวนี้หลายคนก็คงคิดจะเปลี่ยนรถยนต์ไปในตัว และมันเป็นที่มาของช่องทางหากินของพ่อค้าหัวใสบางคนที่จับรถโดนน้ำท่วมมาย้อมแมวขาย กันทำกำไรงามๆ เข้ากระเป๋า
ความจริงแล้ว "รถโดนน้ำท่วม" นั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่รถที่เสียหายในลักษณะนี้มักไม่เหมาะสมที่จะมาใช้งานต่อ โดยเฉพาะ รถที่เสียหายหนักๆ ซึ่งวันนี้เราจะไปรู้จักรถถูกน้ำท่วม และ การดูรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมว่า มันจะมีลักษณะเป็นเช่นไรกัน
รู้จักความเสียหาย
รถโดนน้ำท่วมนันไม่ว่าจะทางใดมากหรือน้อยเพียงใด เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่ารถโดนน้ำท่วมนั้น มักจะได้รับความเสียหายเสมอ แต่ทั้งหมดทั้งปวงนั้นต้องอาศัยการพินิจพิจารณา โดยเฉพาะการดูเป็นอย่างดี เพราะบางครั้งรถโดนน้ำท่วมบางคันก็อาจจะไม่เสียหายมาก ถ้าเงินถึงงบมีทำดีๆ กลับมาขับได้เหมือนใหม่เช่นกัน
หากพูดถึงรถโดนน้ำท่วมแล้วความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น โดยส่วนใหญ่เรามักจะต้องพิจารณาจากกระดับน้ำที่รถคันนั้นถูกแช่เอาไว้ก่อน ซึ่งโดยมากและรถที่ถูกนำมาย้อมแมวขายต่อนั้น มักจะผ่านระดับน้ำมาเพียง 3 ระดับเท่านั้น เพราะระดับที่ 4 ในระดับมิดคัน โดยมากเจ้าของรถมักจะได้รับเงินชดเชยจากประกัน และถูกตีขายเป็นอะไหล่สู่เชียงกง หรืออย่างแย่สุดก็ทุบทิ้งกลับบ้านเก่ากันไป
1.ระดับครึ่งล้อถึงใต้ประตู
ระดับครึ่งล้อหรือใต้ประตูนั้นเป็นระดับน้ำที่จะว่าไปก็ไม่อันตรายอะไรมากมายนัก รถเก๋งวิ่งใด้กระบะฉลุย ระดับน้ำ ไม่เกิน 1 ฟุตหรือ 30 ซ.ม. นั้น ถือว่าไม่น่าจะทำความเสียหายอะไรได้ แน่นอนนั่นคือเวลาที่คุณขับผ่านที่อาจจะพาเสียวๆบ้าง แต่เมื่อมันแช่ในน้ำเป็นคนละเรื่องกัน
รถที่จมน้ำระดับครึ่งล้อนั้นถือว่าเป็นความเสียหายที่น้อยที่สุดดูแล้ว จะว่าไม่เสียหายเลยก็คงไม่ใช่ เพราะ โดยมากยิ่งนานน้ำยิ่งซึม อาจจะเกิดสนิมใต้ท้องรถได้ ยิ่งจุดไหนเคยผ่านการกระแทกมานั้น ไม่ต้องพูดถึง น้องสนิมถามหา ส่วนในรถนั้นอาจจะเจอพรมแฉะอย่างมากก็เลาะพรมออกมาตากแดดถอดซักดูและพวกขาเบาะต่างๆ ตากแดด-2 แดด ไม่นานก็หายและไม่มีกลิ่นติด ถือเป็นรถที่ดูยากพอสมควร ยิ่งเจ้าของคนไหนเงินถึง ทำกลับดีๆ แทบไม่รู้ประวัติกันเลยทีเดียว
2. ระดับครึ่งประตูรถ / มิดล้อ
ระดับนี้เป็นระดับน้ำปานกลางถ้าเทียบกับเก๋งก็ประมาณไม่เกิน 50 ซ.ม. ระดับครึ่งประตูนี้ค่อนข้างเสียหายเริ่มจะรุนแรง ที่ประกันเขาว่าๆ เอาเงินมาให้ซ่อม 2- 3 หมื่นนั้น บอกตามตรงในทางปฏิบัติเลยว่ายาก เพราะ สิ่งที่เสียหายนั้น เกินกว่า 50 % ของตัวรถ กล่าวคือ น้ำเข้ารถ ได้ซักทั้งพรม ทั้งเบาะ และเมื่อน้ำเข้ารถท่วมแช่ ก็หมายถึงน่าจะเข้าในส่วนของเครื่องยนต์ ยิ่งรถเก๋ง ฟันธงได้เลยว่าเจอแน่ นี่ยังไม่นับพวกชิ้นส่วนพลาสติกต่างๆ ไปยันระบบปรับอากาศที่ต้องดูแลทำความสะอาดกันยกใหญ่ และที่ลืมไม่ได้จนเรียกว่า "เน่าใน" นั้น คงไม่พ้นระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะชุดปลั๊กต่างๆนั้นจะเกิดความชื่นเสียหายยากแก่การซ่อมแซม เว้นแต่ยกเปลี่ยนอย่างเดียว
ที่กล่าวมานั้นคือสิ่งที่รถโดนน้ำท่วมในระดับนี้จะต้องซ่อม ที่ยังมีพวกชุดลูกยางช่วงล่าง ระบบเบรค ที่ต้องไล่ความชื้นกันยกใหญ่ จึงกล้าพูดว่าไม่มีทางที่เงินน้อยขนาดนั้นจะซ่อมได้หมดอย่างแน่นอน และกับรถประเภทนี้สังเกตง่ายมาก เพราะถ้าเจ้าของเดิมหรือเต๊นท์ทำไม่ถึง มีจุดตำหนิมาให้เราได้ดูศึกษาเป็นวิทยาทานแน่นอน
3.ระดับมิดคอนโซลหน้า
ระดับนี้เป็นระดับที่เรียกว่าเสียหายหนักสุดๆ แล้วที่จะนำมาย้อมแมวขาย เพราะ เรียกว่ามีแต่โคลงรถมาให้ทำอย่างเดียว อย่างอื่นแทบจะต้องยกเซทเปลี่ยนใหม่หมด แต่ก็อีกนั่นแหละคนไทยหัวดัดแปลงก็น่าจะมีหลุดมาบ้าง แต่ความจริงแล้วความเสียในระดับนี้กับระดับมิดล้อนั้น แทบไม่ต่างกันเลย จะหนักกว่าก็ตรงเครื่องยนต์ ซึ่งในต่างประเทศนั้น ถ้ารถโดนน้ำท่วมเกินคอนโซลหน้า จะตีเป็นเสียหายทั้งหมดหรือ total lost ทันที เพราะซ่อมไม่คุ้ม แต่ในบ้านเรานั้นต้องขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท
เอาเป็นว่าในตอนนี้เราก็มารู้จักกับระดับน้ำความเสียหายที่มีต่อตัวรถกันไปแล้ว ในตอนต่อไปนั้น เราจะพาเพื่อนๆไปรู้วิธีดูรถย้อมแมวขายจากน้ำท่วมกันว่า ตรงไหนที่พอจะให้คุณช่วยสังเกตได้
ที่ผ่านมา เรากล่าวถึงการดูแลรถยนต์หลังน้ำท่วมกันไปพอสมควร แต่ในห้วงเวลาดังกล่าวนี้หลายคนก็คงคิดจะเปลี่ยนรถยนต์ไปในตัว และมันเป็นที่มาของช่องทางหากินของพ่อค้าหัวใสบางคนที่จับรถโดนน้ำท่วมมาย้อมแมวขาย กันทำกำไรงามๆ เข้ากระเป๋า
ความจริงแล้ว "รถโดนน้ำท่วม" นั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่รถที่เสียหายในลักษณะนี้มักไม่เหมาะสมที่จะมาใช้งานต่อ โดยเฉพาะ รถที่เสียหายหนักๆ ซึ่งวันนี้เราจะไปรู้จักรถถูกน้ำท่วม และ การดูรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมว่า มันจะมีลักษณะเป็นเช่นไรกัน
รู้จักความเสียหาย
รถโดนน้ำท่วมนันไม่ว่าจะทางใดมากหรือน้อยเพียงใด เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่ารถโดนน้ำท่วมนั้น มักจะได้รับความเสียหายเสมอ แต่ทั้งหมดทั้งปวงนั้นต้องอาศัยการพินิจพิจารณา โดยเฉพาะการดูเป็นอย่างดี เพราะบางครั้งรถโดนน้ำท่วมบางคันก็อาจจะไม่เสียหายมาก ถ้าเงินถึงงบมีทำดีๆ กลับมาขับได้เหมือนใหม่เช่นกัน
หากพูดถึงรถโดนน้ำท่วมแล้วความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น โดยส่วนใหญ่เรามักจะต้องพิจารณาจากกระดับน้ำที่รถคันนั้นถูกแช่เอาไว้ก่อน ซึ่งโดยมากและรถที่ถูกนำมาย้อมแมวขายต่อนั้น มักจะผ่านระดับน้ำมาเพียง 3 ระดับเท่านั้น เพราะระดับที่ 4 ในระดับมิดคัน โดยมากเจ้าของรถมักจะได้รับเงินชดเชยจากประกัน และถูกตีขายเป็นอะไหล่สู่เชียงกง หรืออย่างแย่สุดก็ทุบทิ้งกลับบ้านเก่ากันไป
1.ระดับครึ่งล้อถึงใต้ประตู
ระดับครึ่งล้อหรือใต้ประตูนั้นเป็นระดับน้ำที่จะว่าไปก็ไม่อันตรายอะไรมากมายนัก รถเก๋งวิ่งใด้กระบะฉลุย ระดับน้ำ ไม่เกิน 1 ฟุตหรือ 30 ซ.ม. นั้น ถือว่าไม่น่าจะทำความเสียหายอะไรได้ แน่นอนนั่นคือเวลาที่คุณขับผ่านที่อาจจะพาเสียวๆบ้าง แต่เมื่อมันแช่ในน้ำเป็นคนละเรื่องกัน
รถที่จมน้ำระดับครึ่งล้อนั้นถือว่าเป็นความเสียหายที่น้อยที่สุดดูแล้ว จะว่าไม่เสียหายเลยก็คงไม่ใช่ เพราะ โดยมากยิ่งนานน้ำยิ่งซึม อาจจะเกิดสนิมใต้ท้องรถได้ ยิ่งจุดไหนเคยผ่านการกระแทกมานั้น ไม่ต้องพูดถึง น้องสนิมถามหา ส่วนในรถนั้นอาจจะเจอพรมแฉะอย่างมากก็เลาะพรมออกมาตากแดดถอดซักดูและพวกขาเบาะต่างๆ ตากแดด-2 แดด ไม่นานก็หายและไม่มีกลิ่นติด ถือเป็นรถที่ดูยากพอสมควร ยิ่งเจ้าของคนไหนเงินถึง ทำกลับดีๆ แทบไม่รู้ประวัติกันเลยทีเดียว
2. ระดับครึ่งประตูรถ / มิดล้อ
ระดับนี้เป็นระดับน้ำปานกลางถ้าเทียบกับเก๋งก็ประมาณไม่เกิน 50 ซ.ม. ระดับครึ่งประตูนี้ค่อนข้างเสียหายเริ่มจะรุนแรง ที่ประกันเขาว่าๆ เอาเงินมาให้ซ่อม 2- 3 หมื่นนั้น บอกตามตรงในทางปฏิบัติเลยว่ายาก เพราะ สิ่งที่เสียหายนั้น เกินกว่า 50 % ของตัวรถ กล่าวคือ น้ำเข้ารถ ได้ซักทั้งพรม ทั้งเบาะ และเมื่อน้ำเข้ารถท่วมแช่ ก็หมายถึงน่าจะเข้าในส่วนของเครื่องยนต์ ยิ่งรถเก๋ง ฟันธงได้เลยว่าเจอแน่ นี่ยังไม่นับพวกชิ้นส่วนพลาสติกต่างๆ ไปยันระบบปรับอากาศที่ต้องดูแลทำความสะอาดกันยกใหญ่ และที่ลืมไม่ได้จนเรียกว่า "เน่าใน" นั้น คงไม่พ้นระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะชุดปลั๊กต่างๆนั้นจะเกิดความชื่นเสียหายยากแก่การซ่อมแซม เว้นแต่ยกเปลี่ยนอย่างเดียว
ที่กล่าวมานั้นคือสิ่งที่รถโดนน้ำท่วมในระดับนี้จะต้องซ่อม ที่ยังมีพวกชุดลูกยางช่วงล่าง ระบบเบรค ที่ต้องไล่ความชื้นกันยกใหญ่ จึงกล้าพูดว่าไม่มีทางที่เงินน้อยขนาดนั้นจะซ่อมได้หมดอย่างแน่นอน และกับรถประเภทนี้สังเกตง่ายมาก เพราะถ้าเจ้าของเดิมหรือเต๊นท์ทำไม่ถึง มีจุดตำหนิมาให้เราได้ดูศึกษาเป็นวิทยาทานแน่นอน
3.ระดับมิดคอนโซลหน้า
ระดับนี้เป็นระดับที่เรียกว่าเสียหายหนักสุดๆ แล้วที่จะนำมาย้อมแมวขาย เพราะ เรียกว่ามีแต่โคลงรถมาให้ทำอย่างเดียว อย่างอื่นแทบจะต้องยกเซทเปลี่ยนใหม่หมด แต่ก็อีกนั่นแหละคนไทยหัวดัดแปลงก็น่าจะมีหลุดมาบ้าง แต่ความจริงแล้วความเสียในระดับนี้กับระดับมิดล้อนั้น แทบไม่ต่างกันเลย จะหนักกว่าก็ตรงเครื่องยนต์ ซึ่งในต่างประเทศนั้น ถ้ารถโดนน้ำท่วมเกินคอนโซลหน้า จะตีเป็นเสียหายทั้งหมดหรือ total lost ทันที เพราะซ่อมไม่คุ้ม แต่ในบ้านเรานั้นต้องขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท
เอาเป็นว่าในตอนนี้เราก็มารู้จักกับระดับน้ำความเสียหายที่มีต่อตัวรถกันไปแล้ว ในตอนต่อไปนั้น เราจะพาเพื่อนๆไปรู้วิธีดูรถย้อมแมวขายจากน้ำท่วมกันว่า ตรงไหนที่พอจะให้คุณช่วยสังเกตได้
18 พ.ย. 2554
ปีชง ปี2555 และวิธีแก้ชง ปรับดวงชง เสริมดวงชะตา
ปีพ.ศ.2555 นี้เป็นปีมะโรง (มังกรน้ำ : ยิ่มซิ้ง)
ตามประเพณีการไหว้องค์ไท้ส่วยหรือไท้ส่วยเอี๊ยเป๋าส่วยกุงเผ่งอัง ในช่วงเริ่มต้นปีใหม่(ตรุษจีน) ของทุกๆปี หรือที่ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนรู้จักกันดีในนามของ "เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา" เป็นเทพผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ และมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในแต่ละปี ซึ่งในความเป็นจริงในปัจจุบันนี้คนเข้าใจเกี่ยวกับองค์ไท้ส่วยน้อยมากจน กล่าวได้ว่าแทบไม่มีใครรู้ประวัติความของไท้ส่วยว่าเป็นใครมาจากไหน จนหลายคนรู้สึกหวาดผวาเมื่อได้ยินคำว่า "ชงไท้ส่วย" หรือหลายๆ คนเข้าใจเอาเองว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการลงโทษทัณฑ์ เป็นปีศาจร้าย หรือเป็นอะไรก็ตามที่จะต้องเอาอกเอาใจกราบไหว้อ้อนวอน
"ไท้ส่วย" เป็นอีกชื่อหนึ่งของดาวพฤหัสบดีในภาษาจีนโบราณ ซึ่งรวมความถึงเทพเจ้าผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ทำหน้าที่คุ้มครองให้คุณให้โทษแก่ดวง ชะตาทุกดวงในผืนพิภพแห่งนี้ และในศาสตร์เรื่องของฮวงจุ้ย ไท้ส่วยก็มีอิทธิพลอีกไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งในการประกอบกิจการใดๆ ก็ตามไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมบ้าน ตกแต่งบ้าน สร้างบ้านคนจีนมักจะพึงซินแสในการหาฤกษ์ยามอันเหมาะสมและจะต้องหลีกเลี่ยงมิ ให้กระทบกับทิศทางที่สถิตของไท้ส่วยในปีนั้นๆ หากไม่แล้วก็จะต้องถูกลงโทษทัณฑ์ ต้องปะสบกับเคราะห์หามยามร้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างที่กล่าวมาแล้ว "ไท้ส่วย" ก็คือดาวพฤหัสบดี ซึ่งในทางโหราศาสตร์ถือว่าเป็นประธานแห่งดาวศุภเคราะห์ทั้งมวล เป็นดาวแห่งคุณธรรม ความดี โชคลาภ โภคทรัพย์ เป็นดาวแห่งคุรุผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งแสดงความรู้ความสามารถ เป็นดาวแห่งตุลาการ ความยุติธรรม และการแผ่ขยายอันไม่มีที่สิ้นสุด ในทางโหราศาสตร์ไทย ท่านว่าหากมีดาวบาปเคราะห์ใดที่ร้ายๆ เช่น ดาวอังคาร ดาวราหู หรือร้ายหนักๆอย่างดาวเสาร์ซึ่งเป็นดาวประธานแห่งบาปเคราะห์จะให้โทษแก่ ลัคนาแล้ว แต่ในดวงเดิมหรือดวงจรมีดาวพฤหัสบดีโคจรมาทำมุมที่ดีต่อลัคน์แล้ว ท่านว่า สามารถคุ้มครองและสลายภัยร้ายในดวงชะตาได้ แต่ในทางกลับกันหากในดวงชะตามีดาวพฤหัสบดีจรมาและให้โทษแล้วละก็ ดาวศุภเคราะห์ดวงไหนๆ จะกี่สิบดาวก็ไม่สามารถคุ้มภัยหรือปกป้องได้เลย
คติความเชื่อของจีนเอง ความหมายของดาวพฤหัสบดีก็ไม่ต่างไปจากข้างต้น ฉะนั้นไท้ส่วยเองก็เช่นเดียวกันในสมัยโบราณระบบโหราศาสตร์ และดาราศาสตร์คือสิ่งที่แยกกันไม่ออก โชคเคราะห์ของบุคคลมีเทพเจ้าประจำดวงดาวเป็นผู้กำหนด ลัทธิเต๋าเป็นลัทธิหนึ่งเดียวที่ผสานความเชื่อทางเทววิทยา เทพและปีศาจ การบันดาลโชคและเคราะห์ ความดีความชั่ว ดำและขาว โหราศาสตร์และดาราศาสตร์เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน
ไท้ส่วย ทั้ง 60 องค์คือการผสมผสาน และการตกผลึกทางภูมิปัญญาของจีนในสมัยโบราณ รวมถึงคติความเชื่อขนบธรรมเนียมประเพณี และค่านิยมกระทั่งปรัชญาการปกครองไว้อย่างยอดเยี่ยม โดยการคำนวณตามหลักของโป๊ยหยี่ซี้เถียวมาจากการคำนวณหาราศีบนเทียงถัง 10 ตัว มาผสมกับราศีล่าง (ตี่กี่) หรือ 12 นักษัตร ซึ่งไล่เรียงจับคู่กันได้ 60 คู่ เรียกว่า "หลักจับก๊ะจื้อ" นำมากำหนดเป็นรอบปีหมุนเวียนต่อเนื่องกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพื่ออธิบายการก่อกำเนิดและเชื่อมโยงของกันและกันของทุกสรรพสิ่งตามทฤษฎี แห่งเต๋า
ปีทั้ง 60 ปีนี้แสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ดีโดยการใช้บุคลาฐิษฐาน หรือการใช้บุคคลทั้ง 60 คนมาแทนจำนวนปีทั้ง 60 นั้นเรียกว่า "ไท้ส่วยเอี๊ย" ที่มาที่ไปของแต่ละองค์รวมถึงประวัติความเป็นมา ได้มาจากบุคคลที่มีเกียรติศักดิ์และฐานันดรต่างกัน ต่างเวลาต่างสถานที่กัน แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ ต่างก็ได้เป็นผู้มีคุณูปการอันยิ่งใหญ่ และทำคุณประโยชน์อันใหญ่หลวงให้แก่แผ่นดินมีความซื่อสัตย์สุจริต กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ได้รับการสดุษฎีกล่าวขวัญในเกียรติคุณความดีมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานนับ พันปี อีกทั้งเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับอนุชนรุ่นหลัง แม้ภายหลังเมื่อเสียชีวิตไปแล้วก็ยังได้รับการสถาปนาอวยยศให้เป็น "เซียน" หรือเทพเจ้าที่คุ้มครองบ้านเมืองในสมัยนั้น
วีรบุรุษและขุนพลที่มีชื่อเสียงในสมัยโบราณทั้ง 60 ท่านนั้นจะได้รับการสถาปนาเป็นเทพเจ้าแห่งดาวพฤหัสบดีผู้ซึ่งคุ้มครองดวง ชะตา หรือ "ไท้ส่วยเอี๊ย" นั้น เมื่อใดไม่ปรากฏชัด แต่อารามในลัทธิเต๋าทุกอารามต่างก็มีรูปปั้นของท่านเหล่านั้นสถิตอยู่เนิ่น นานแล้ว มีการกราบไหว้บูชาขอพรกันสืบเนื่องมาเป็นประเพณีนับพันปี ซึ่งทุกท่านต่างก็ได้รับการสถาปนาเป็น "ไต่เจียงกุง" หรือ "จอมทัพ" ทำหน้าที่คุ้มครองดวงชะตาชาวประชาทั้งมวล
ในรอบ 60 ปีนี้ จะมีเทพเจ้าไท้ส่วยประจำอยู่ในแต่ละปี ซึ่งจะมีชื่อเรียกขานต่างๆกัน ทำหน้าที่รักษาและคุ้มครองดวงปี หรือที่เรียกว่า "เฝ้าปี" อยู่ ซึ่งจะถือว่าแต่ละองค์จะมีอำนาจให้คุณดลบันดาลความสุข โชคเคราะห์ทุกข์ภัยหรือให้โทษแก่ผู้ใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับพระเมตตาของท่าน โดยเฉพาะท่านที่มีเคราะห์หรือดวงชะตาอ่อน ทำอะไรก็ติดขัดไม่ราบรื่นสมหวัง ท่านก็จะช่วยปัดเป่าเคราะห์ภัยบังเกิดแต่ความเป็นสิริมงคลมาสู่ตัวท่านและ ครอบครัว
องค์ไท้ส่วย ปี 2555 "แผ่ไท่ไต่เจียงกุง" สำหรับปีมะโรง พ.ศ.2555นี้ องค์ไท้ส่วยที่ลงมาสถิตเฝ้าปีมีพระนามว่า "แผ่ไท่ไต่เจียงกุง" เป็นชาวเมืองฟ่งเสียง (ปัจจุบันคือ อำเภอฟ่งเสียง มณฑลซ่านซี) ในสมัยราชวงศ์หมิง (พศ.1911 – 2187) ท่านเป็นคนรูปงาม มีการศึกษาสูง ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ขยันหมั่นเพียร ประหยัดมัธยัสถ์ และมีความรับผิดชอบในหน้าที่ราชการสูง ในการดำเนินชีวิตของท่านจะนำคติพจน์ที่มีมาแต่โบราณมาเป็นแนวทางในการดำเนิน ชีวิตและเป็นเยี่ยงอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น ในชีวิตคู่ขุนพลแผ่ไท่ก็ได้รับการยกย่องว่าครองเรือนผาสุกโดยตลอดลอดฝั่ง ด้วยความรักและเมตตา แม้ว่าท่านจะพบว่าเจ้าสาวของท่านเป็นหญิงอัปลักษณ์ จากการหมั้นหมายแบบคลุมถุงชนในสมัยโบราณ ท่านก็มิได้แสดงอาการรังเกียจเจ้าสาวของท่านแต่อย่างใด และยังยืนยันในการหมั้นหมาย จนได้แต่งงานอยู่กินกันอย่างผาสุก
เหตุที่ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนให้ความเคารพบูชากราบไหว้ เพราะมีความเชื่อว่าเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยจะบันดาลความสุขความทุกข์ให้เกิดแก่ ใครนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเมตตาของท่าน หากใครมีเกณฑ์ชะตาที่ดีอยู่แล้วจะได้ดียิ่งขึ้น หากใครมีดวงชะตาที่ไม่ดีทำอะไรก็มีปัญหาติดขัด ก็อธิฐานขอพรจากท่านให้ช่วยปัดเป่าทุกข์ภัยให้ ดังนั้นในแต่ละปีจึงมีผู้คนไปกราบไหว้บูชาขอพร ให้อยู่เย็นเป็นสุขมีดวงชะตาที่ดีตลอดทั้งปี ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนจึงมีประเพณีในการไหว้ฝากดวงเพื่อสะเดาะเคราะห์ ต่อเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย โดยเฉพาะ "ท่านที่เกิดปีชงกับองค์ไท้ส่วย ปีทับไท้ส่วย ปีร่วมชงไท้ส่วย ปีเฮ้งไท้ส่วย ปีไห่ไท้ส่วย ปีผั่วไท้ส่วย" ซึ่งจากเกณฑ์ทั้ง 6 รูปแบบ ต่างก็มีอิทธิพลร้ายต่อดวงชะตาทั้งนั้น อย่างน้อยที่สุดก็อาจจะร่างกายไม่แข็งแรงเจ็บป่วยง่าย จิตใจไม่เป็นสุข งานการหยุดชะงัก การลงทุนเสียหาย ทะเลาะเบาะแว้งกับคนรอบข้างถึงกระทั้งอาจมีคดีความ ผิดหวังในความรัก หรืออาจจะหนักขึ้นถึงขั้นเลือดตกยางออก กระทั่งถึงแก่ชีวิต และปีเกิดที่ผู้เขียนได้เขียนว่าเข้าเกณฑ์ทั้ง 6 รูปแบบ ผู้เขียนได้เน้นเขียนให้เฉพาะหลักปีเกิด (เนื่องจากเป็นไท้ส่วยของบุคคลส่งผลกับดวงชะตามากที่สุด)
ซึ่งหากจะให้ละเอียดจะต้องเอา วัน เดือน ปีเกิด และเวลาตกฟากมาคำนวณดวงชะตาตามแบบโหราศาสตร์จีน (โป๊ยหยี่ซี้เถียว) เพื่อจะได้คำนวณว่าในดวงชะตาของท่านในปีนี้จะเข้าเกณฑ์ในรูปแบบไหนเกี่ยวพัน กับเรื่องอะไร เพื่อจะได้ตั้งสติคอยระวังป้องกันตัวมิให้เรื่องร้ายต่างๆ เกิดขึ้นได้กับตัวท่านเองหรืออย่างน้อยที่สุดก็เป็นการผ่อนหนักเป็นเบา โดยเมื่อท่านทราบว่าในปีนี้ดวงชะตาของท่านตกอยู่ในเกณฑ์ใดรูปแบบใดรูปแบบ หนึ่งใน 6 รูปแบบท่านสามารถเดินทางไปไหว้สะเดาะเคราะห์ฝากดวงชะตากับองค์ไท้ส่วยเอี๊ย ด้วยตนเองต่อเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยได้ที่ วัดจีนใกล้บ้านคุณที่มี "องค์ไท้ส่วยเอี๊ย" ประดิษฐานอยู่
ท่านที่มีปีเกิดที่ชงกับปีนี้ และควรไปไหว้ "องค์ไท้ส่วย" คือ ท่านที่เกิดปี ดังต่อไปนี้
1.ปีจอ (สุนัข)ชง(ปะทะ)โดยตรงกับเทพเจ้า "ไท้ส่วยเอี๊ย" และเป็นอริกับปีมะโรงโดยตรง
2.ปีมะโรง(มังกร) ทับไท้ส่วย และยัง "เฮ้ง(เบียดเบียน)" กับปีมะโรงเองด้วย
3.ปีฉลู(วัว) ปีร่วมชงไท้ส่วย และยัง "ผั่ว(แตกแยก)" กับปีมะโรงด้วย
4.ปีมะแม(แพะ) ปีร่วมชงไท้ส่วย
5.ปีเถาะ "ไห่(ให้ร้าย)" กับปีมะโรง
และท่านที่ห้ามไปเป็นเจ้าภาพหรือเข้าร่วมพิธีทั้งงานมงคล(แต่งงาน) และอัปมงคล(งานศพ รวมถึงการเยี่ยมไข้คนป่วยด้วย) แต่ถ้าหากไม่สามารถเลี่ยงได้ก็ขอให้ละเว้นการไปดูศพเวลาฝังศพ (เผาศพ) หรือแม้แต่การส่งศพ และควรติดกิ่งทับทิมไปด้วย พร้อมทั้งเตรียมน้ำใส่กิ่งทับทิมไว้ด้วยสำหรับล้างหน้าก่อนที่จะเข้าบ้าน เมื่อกลับถึงบ้านหลังจากไปร่วมงานกลับมาแล้ว เพื่อป้องกันสิ่งอัปมงคลต่างๆ จะปะทะให้เจ็บป่วยได้คือ ท่านที่เกิดในปีนักษัตร ในรอบปีต่อไปนี้
1.ปีจอ ท่านที่เกิด ปี 2489 (อายุ 66 ปี) ปี 2513(อายุ 42 ปี) ปี2549 (อายุ 6 ปี)
2.ปีมะโรง ท่านที่เกิด ปี 2471 (อายุ 84 ปี) ปี 2531(อายุ 24 ปี)
3.ปีมะแม ท่านที่เกิด ปี 2462 (อายุ 93 ปี) ปี 2522 (อายุ 33 ปี)
4.ปีฉลู ท่านที่เกิด ปี 2480 (อายุ 75 ปี) ปี 2504(อายุ 51 ปี) ปี2540 (อายุ 15 ปี)
เพราะทั้ง 10 ปีนี้เป็น "ไท้ส่วยเฮี้ยบจี่จู้" แปลว่า "ไท้ส่วยตรงเจ้าพิธี" นอกจากจะนำพาสิ่งอัปมงคลทั้งหลายมาให้แล้ว ยังถือเป็น การหมิ่น และลบหลู่ต่อองค์ไท้ส่วยอีกด้วย
ถ้าหากท่านมีความจำเป็นต้องไปร่วมงานอัปมงคลต่าง ๆ (รวมถึงการเยี่ยมไข้คนป่วยด้วย) วันที่ท่านควรหลีกเลี่ยงการไปร่วมกิจกรรมดังกล่าวในปี 2555 มี 36 วัน ดังนี้
10 มค. 19 มค. 22 มค. 11 กพ. 23 กพ. 24 กพ.
10 มีค. 19 มีค. 22 มีค. 11 เมย. 23 เมย.
24 เมย. 9 พค. 18 พค. 21 พค. 10 มิย. 22 มิย. 23 มิย.
8 กค. 17 กค. 20 กค. 9 สค. 21 สค. 22 สค.
6 กย. 15 กย. 18 กย. 8 ตค. 20 ตค. 21 ตค.
5 พย. 14 พย. 17 พย. 7 ธค. 19 ธค. 20 ธค.
(หากหลีกเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่ยงเพื่อความเป็นมงคลแก่ตัวท่าน)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2555 นี้ บ้านที่หน้าบ้าน หรือโต๊ะทำงาน หรือหัวเตียงหันไปทาง ทิศใต้(ทิศอัปมงคล) ควรหาทางป้องกันแก้ไข โดยการจัดตั้งวัตถุมงคลเสริมทิศ "น้ำเต้าดูดทรัพย์" หรือทิศตะวันตกเฉียงเหนือ(ทิศอัปมงคล ดาว7) ควรหาทางป้องกันแก้ไข โดยการจัดตั้งวัตถุมงคลเสริมทิศ "พยัคฆ์คำราม เสริมโชคลาภบารมี" หรือทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ทิศอัปมงคล ดาว5) ควรหาทางป้องกันแก้ไข โดยการจัดตั้งวัตถุมงคลเสริมทิศ "สิงโตมีปีก คุ้มภัย พิทักษ์ทรัพย์" และทิศเหนือ(ทิศอัปมงคล ดาว2) ควรหาทางป้องกันแก้ไข โดยการจัดตั้งวัตถุมงคลเสริมทิศ "หอยสังข์ หยวนเปา ดอกบัว เสริมส่งโชคลาภ" เพื่อเป็นการแก้ไขทิศทางฮวงจุ้ยที่ไม่ดีให้ดีขึ้น ช่วยคุ้มครองปัดเป่าความทุกข์ บันดาลความสุขมาสู่ตัวท่าน และครอบครัวไปตลอดทั้งปี
วิธีบูชาเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย จุดธูป 9 ดอก ไหว้พระประธานในวัดก่อน (ปักธูปกระถางละ 3 ดอก) จากนั้นจึงไปไหว้เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย จุดธูป 3 ดอกวิงวอนขอพรท่าน ให้ท่านช่วยปกป้องคุ้มครองจากภยันอันตรายต่าง ๆ ที่ท่านอาจประสบพบเจอในปีนี้ จากหนักให้กลายเป็นเบา จากเบาก็ให้มลายสูญสิ้นไป
เครื่องบูชาเทพเจ้าไท้ส่วย มีดังนี้ (ถ้าไปทำพิธีที่วัดจีนใกล้บ้านคุณที่มี "องค์ไท้ส่วยเอี๊ย" ประดิษฐานอยู่ ทางวัดมักมีจัดบริการไว้ให้แล้วเป็นชุด : ให้เข้าไปซื้อในวัดถึงจะเป็นของวัดแท้จริง)
1. ธูป 3 ดอก ต่อ 1 ท่าน
2. เทียนแดง 1 คู่
3. หงิ่งเตี๋ย 12 คู่
4. ตั่วกิม 12 แผ่น (กระดาษทอง)
5. ทุกหลั่งจี๊ 12 แผ่น
6. เป๋าอุ่งจี๊ 12 แผ่น
7. เผ่งอังจี๊ 12 แผ่น
8. กระดาษแดง (อั่งเถียบ) 1 แผ่น
9. ขนมจันอับ (จับกิ้มทึ้ง) 1 จาน อันประกอบด้วย....
- ถั่วเคลือบน้ำตาลสีขาว - ถั่วเคลือบน้ำตาลสีชมพู - ฟักเชื่อม - ถั่วตัด - ข้าวพอง
10. ส้ม 4 ผล 1 จาน
1. นำกระดาษแดงที่เขียน ชื่อ-นามสกุล วัน เดือน ปีเกิด (และเวลาตกฟาก) วางลงบนกระดาษไหว้ ใช้หนังสติ๊ก หรือเชือกแดงมัดไว้
2. จัดส้ม 4 ผล และขนมจันอับใส่จานจัดวางต่อหน้าองค์เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย
3. จุดเทียนแดงปักไว้ข้างๆ กระถาง จากนั้นจุดธูป 3 ดอก อธิษฐาน.....
คำอธิษฐานขอพรไหว้เทพเจ้าไท้ส่วย
วันนี้ตรงกับวันที่...เดือน.....พ.ศ. ... ข้าพเจ้าชื่อ....นามสกุล.....วันเดือนปีเกิด....ที่อยู่... ขออัญเชิญเทพเจ้า "แผ่ไท่ไต่เจียงกุง" โปรดเสด็จมารับเครื่องสักการบูชาทั้งหลาย เมื่อรับแล้วโปรดประทานพรให้ข้าพเจ้าและครอบครัวประสบแต่สรรพสิริมงคล มีความสุขความเจริญก้าวหน้าอุดมด้วยโชคลาภ ทำมาค้าขึ้น เงินทองไหลมาเทมา ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย สิ่งอัปมงคลทั้งหลายอย่าได้แผ้วพาน ขอให้สมความปรารถนาด้วยมงคลทั้งปวงเทอญ
4. ถ้าเป็นของตนเองให้หยิบชุดสะเดาะเคราะห์ที่เตรียมไว้ตามข้อ 1 ปัดตั้งแต่ศรีษะลงมาจนสุดแขน 12 ครั้ง (หมายเหตุ ถ้าท่านไปไหว้แทนบุคคลอื่น ก็ไม้ต้องทำพิธีปัดตัว แต่ให้กระทำโดยปัดเสื้อของบุคคลนั้นแทน) ขณะปัดตัวให้กล่าวว่า "บังเกิดแต่สิ่งรุ่งเรืองก้าวหน้า สิ่งอัปมงคลให้ปัดเป่าหายไป"
5. นำชุดสะเดาะเคราห์วางลงในกล่องรับฝากที่ทางวัดจัดไว้ให้ ก็เป็นอันเสร็จพิธี ของเซ่นไหว้ต่าง ๆ ถวายให้วัดไม่ต้องนำกลับบ้าน (ของไหว้ที่รับประทานได้ ไม่ต้องเก็บกลับบ้านให้วางไว้ที่วัดเพื่อความเป็นสิริมงคล)
หมายเหตุ ท่านสามารถไปทำพิธีได้ทุกวันที่ท่านสะดวก (ควรเป็นช่วงเวลาเช้า ๆ ก่อนเที่ยง) และ
-ผู้หญิงขณะมีประจำเดือนไม่ควรทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ให้งดเว้นไปก่อน
-เจ้าชะตาปีมะโรง และเจ้าชะตาปีจอ ขณะนำชุดกระดาษไหว้มาปัดตัว ต้องให้ผู้มีอาวุโสกว่าเราปัดให้เท่านั้น
ช่วงปีใหม่ และตรุษจีน ปี2555 ควรหาโอกาสไปไหว้เทพเจ้าต่างๆ ตามแต่ที่จะเสริมปีนักษัตรตนเอง ตามศาลเจ้าหรือวัดจีนต่างๆ หรือทำบุญ 9 วัดตามความสามารถและความสะดวกที่จะสามารถทำได้ และหาวัตถุมงคลหรือเครื่องรางที่เป็นสิริมงคลมาเสริมดวงชะตาโดยตั้งไว้ที่ บ้าน(ที่ทำงาน) หรือพกพาติดตัว(ติดรถ) เพื่อเป็นการแก้ชง ปรับดวงชง หรือเสริมดวงชะตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีนักษัตรที่ชงทั้ง 5 ปี
1.ปีจอ(หมา) (ชง : ปะทะ) โดยตรงกับเทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา "ไท้ส่วยเอี๊ย" และเป็นอริกับปีมะโรงโดยตรง
เกณฑ์นี้เป็นเกณฑ์ร้ายที่สุดในบรรดา "ฆาตดวงชะตา" ทั้งหลาย เป็นเกณฑ์ที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงครั้งใหญ่ในชีวิต รวมทั้งในเรือนชะตาของท่านยังมีกลุ่มดาวอัปมงคลโคจรเข้ามาก่อกวนสร้างความ เสียหาย โดยเฉพาะดาวร้าย "ซุ่ยภ่อ" ที่จะทำให้เกิดเคราะห์ภัยบาดเจ็บได้ กับดาวเสียทรัพย์ "ต้าห้าว" ที่จะสร้างปัญหารุมเร้าจนทำให้ต้องสูญเสียทรัพย์ เงินทองรั่วไหล จึงต้องระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการลงทุนที่มีความเสี่ยง รวมทั้งต้องละเว้นการพนันเสี่ยงโชคอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ยังมีดาวลูกกรง "หลันกัน" และดาวหางเสือดาว "เป้าเหวย" เข้ามาคุกคามเพ่งเล็ง จึงต้องพยายามอยู่อย่างสงบเสงี่ยม อย่าไปยุแหย่ท้าทายมีปากเสียงทะเลาะเบาะแว้งกับผู้อื่นหรือกระตุ้นให้เกิด ปัญหาใดๆ และต้องประพฤติปฏิบัติตัวให้อยู่ในทำนองคลองธรรม อย่าริอาจทำเรื่องผิดกฎหมายเป็นอันขาด มิเช่นนั้นจะนำพาความเดือนร้อนมาสู่ตนเองอย่างไม่รู้จักจบสิ้น
วัตถุปีหมานำโชค 2012 จี้ปีหมานำโชค 2012
ฉะนั้นจึงควรหาทางป้องกันแก้ไข ขจัดภัย สลายเคราะห์ ปรับเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี โดยการจัดตั้ง "วัตถุปีหมานำโชค 2012" หรือพกพาติดตัว(ติดรถ) "จี้ปีหมานำโชค 2012" เพื่อปกป้องคุ้มครองให้ชาวปีจอแคล้วคลาดปลอดภัย เสริมส่งให้การงานการค้าเจริญรุ่งเรือง โชคลาภสดใส มั่งคั่งร่ำรวย มีสุขภาพแข็งแรง อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี
โดยวัตถุเสริมความมงคลสำหรับคนปีจอในปี 55 นี้จะประกอบไปด้วย สุนัขเทพ ซึ่งมีความสง่างามของรูปร่างหน้าตา และขนที่หัวคล้ายสิงโตยืนเชิดอกอย่างองอาจกล้าหาญ กำลังจ้องมองไปข้างหน้าทำให้เหล่าภูตผีปีศาจร้าย และสิ่งอัปมงคลต่างๆ เกรงกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ ส่วนขาคู่หน้ายืนเหยีบกลองศึกสลักหัวเสือที่ดุร้ายไว้ และด้านข้างของกลองทั้งสองข้างยังสลัก ยันต์ 8 ทิศพร้อมสัญลักษณ์ หยิน-หยางไว้ เพื่อป้องกันภัย และข่มขวัญเหล่าปีศาจสิ่งอัปมงคลทั้งหลายทั้งปวงไม่ให้กล้ำกรายเข้ามา นอกจากนี้ยังมี กระต่าย(นักษัตรคู่สมพงศ์) คู่หนึ่งถือถุงทองอยู่ด้านหน้าเพื่อคอยกระตุ้นเปิดรับโชคลาภ เสริมส่งความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับเจ้าชะตาชาวปีจออีกด้วย หรือจะหาบูชาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลยได้ดังนี้
ปีขาล (เสือ) เสริมดวงเรื่องการงาน
ปีเถาะ (กระต่าย) เสริมดวงเรื่องความคิด
ปีมะเมีย (ม้า) เสริมดวงเรื่องความสุข
"พระยูไล" องค์เทพเสริมราศีปีจอ 2555"จี้พระยูไล" จี้องค์เทพเสริมราศีปีจอ 2555 และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ฝากดวงชะตาต่อ "องค์ไท้ส่วยเอี๊ย" และควรไปกราบสักการะองค์เทพ "พระยูไล" หรือถ้าไม่สะดวกที่จะเดินทางไปสามารถเช่าบูชาองค์เทพ "พระยูไล" หรือ "จี้พระยูไล" ไปกราบสักการะที่บ้านได้ตลอดทั้งปี ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเป็นไปได้หลังจากทำพิธีเสร็จแล้วให้ไปทำบุญไหว้พระ 9 วัด พร้อมทั้งถือปฏิบัติตนในปีชงตลอดทั้งปี (มีคำแนะนำด้านท้ายบทความ)
2. ปีมะโรง(มังกร) ทับไท้ส่วย และยัง "เฮ้ง (เบียดเบียน)" กับปีมะโรงเองด้วย เกณฑ์นี้เป็นเกณฑ์เรื่องคดีความ บางสิ่งที่ทำแล้วคิดว่าดีแต่กลับเป็นผลร้าย
ในปีนี้ทั้งปีห้ามเป็นนายประกันให้ใคร นอกจากต้องรอบคอบเรื่องกฎหมายคดีความแล้ว การเข้าใจผิดระหว่างพี่น้องเพื่อนฝูงก็มีโอกาสกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตต้อง ระวังให้มากด้วยเช่นกัน รวมทั้งในเรือนชะตาของท่านมีดาวอัปมงคลหลายดวงเพ่งเล็งอยู่ โดยเฉพาะดาวกระบี่คม "เจี้ยนฟง" คอยจ้องทำร้ายให้บาดเจ็บเลือดตกยางออก การงานการค้าไม่เจริญก้าวหน้า และต้องระวังอุบัติเหตุเคราะห์ภัยต่างๆ ให้ดี ฉะนั้นท่านจะต้องเตรียมการให้พร้อมแต่เนิ่นๆ ควรเฟ้นหามาตรการต่างๆ หรือเสาะหาผู้ที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ เพื่อเป็นที่ปรึกษาในยามที่เกิดปัญหารุมเร้าเข้ามา ซึ่งคนเหล่านั้นอาจจะช่วยท่านขจัดอุปสรรคและแก้ปัญหาต่างๆได้ ไม่ควรปล่อยปละละเลยปัญหาเอาไว้ เพราะมันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นทำให้แก้ไขได้ยากลำบาก สิ่งสำคัญท่านต้องใช้สติปัญญาในการคิดไตร่ตรองสิ่งต่างๆให้ละเอียดถี่ถ้วน พร้อมทั้งมีความอดทนมุมานะอุตสาหะในการทำงาน อย่าละทิ้งไปกลางคัน ก็จะสามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ (อ่านดวงปีมะโรง 2555 คลิ๊กที่นี่!)
วัตถุปีงูใหญ่นำโชค 2012จี้ปีงูใหญ่นำโชค 2012
ฉะนั้นจงอย่าประมาท หากคิดป้องกันแก้ไขกลับร้ายให้เป็นดี จึงควรจัดตั้ง "วัตถุปีงูใหญ่นำโชค 2012" หรือพกพาติดตัว(ติดรถ) "จี้ปีงูใหญ่นำโชค 2012" เพื่อสลายพลังร้าย ขจัดต้านภัย เสริมส่งให้การงานการค้ารุ่งเรือง โชคลาภเงินทองเพิ่มพูน สุขภาพแข็งแรง ปราศจากอุบัติเหตุเภทภัย อยู่เย็นเป็นสุข โดยวัตถุเสริมความมงคลสำหรับคนปีมะโรงในปี 55 นี้จะประกอบไปด้วยนักษัตร 4 ปีรวมตัวกันอยู่ในท่วงท่าเตรียมพร้อม เพื่อจะคอยปกป้องคุ้มครองและเสริมส่งให้เจ้าชะตามะโรงมีความสุขความเจริญ รุ่งเรือง
โดยมีมังกรเทพ ตัวแทนของเจ้าชะตาปีมะโรงหมอบอยู่อย่างสงบสบายท่ามกลางเงินทองจำนวนมากมาย ทางขวามีมิตรแท้อย่างเจ้าหนูที่คอยดักช่วยแก้ไขพลิกสถานการณ์ที่เลวร้ายให้ กลับกลายเป็นดี พร้อมทั้งอุ้มน้ำเต้าวิเศษมาช่วยขจัดโรคภัยต่างๆ และดูดซับกักขังสิ่งอัปมงคลพลังร้ายที่จะกล้ำกรายเข้ามาคุกคามอีกด้วย ส่วนด้านซ้ายก็มีสหายลิงที่มีปัญญาเลิศล้ำมาช่วยให้มีชัยต่ออุปสรรคทั้งหลาย ทั้งปวง พร้อมทั้งช่วยให้หลบหลีกเคราะห์ภัยต่างๆ และยังอุ้มลูกท้อมาช่วยเสริมส่งให้เจ้าชะตาปีมะโรงมีสุขภาพแข็งแรงปราศจาก โรคภัยและมีอายุยืนยาว นอกจากนี้ยังมีไก่ชนที่เก่งกล้าแข็งแรงอยู่ด้านบน เตรียมพร้อมที่จะจิกทำลายศัตรูที่แผ้วพานเข้ามา เพื่อป้องกันไม่ให้เข้ามาทำร้าย อีกทั้งยังมีก้อนทองคำอยู่บนหลังไก่ ซึ่งสื่อความหมายถึงนอกจากจะเฝ้าระวังคุ้มครองแล้ว ยังนำพาโชคลาภเงินทองมาให้กับเจ้าชะตาปีมะโรงอีกด้วย หรือจะหาบูชาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงคนเกิดปีมะโรงเฉพาะเรื่อง ดังนี้
ปีมะโรง, ปีมะเส็ง เสริมดวงเรื่องการเงิน
ปีชวด (หนู) เสริมดวงเรื่องความคิด
ปีวอก (ลิง) เสริมดวงเรื่องความรู้ซึ่งกันและกัน
ปีระกา (ไก่) เสริมดวงเรื่องการเงิน
"องค์ลื่อต่งปิง" องค์เทพเสริมราศีปีมะโรง 2555 "จี้องค์ลื่อต่งปิง" จี้องค์เทพเสริมราศีปีมะโรง 2555 และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ฝากดวงชะตาต่อ "องค์ไท้ส่วยเอี๊ย" และควรไปกราบสักการะองค์เทพ "องค์ลื่อตงปิง" หรือถ้าไม่สะดวกที่จะเดินทางไปสามารถเช่าบูชาองค์เทพ "องค์ลื่อตงปิง" หรือ "จี้องค์ลื่อตงปิง" ไปกราบสักการะที่บ้านได้ตลอดทั้งปี ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเป็นไปได้หลังจากทำพิธีเสร็จแล้วให้ไปทำบุญไหว้พระ 9 วัด พร้อมทั้งถือปฏิบัติตนในปีชงตลอดทั้งปี (มีคำแนะนำด้านท้ายบทความ)
3.ปีฉลู(วัว) ปีร่วมชงไท้ส่วย และยัง "ผั่ว (แตกแยก)" กับปีมะโรงด้วย
ในเรือนชะตาของคนปีฉลูในปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดี เนื่องจากมีดาวมงคลหลายดวงเปล่งประกายสดใสอยู่ในเรือนชะตา โดยเฉพาะดาวมงคลแห่งความร่ำรวย "ฟู่ซิง" กับดาวคุณธรรมแห่งสวรรค์ "เทียนเต๋อ" และดาวอานม้า "ปั่นอาน" ส่งผลให้โชคชะตาในปีนี้สดใสกว่าปีที่ผ่านมา ทุกสิ่งมีความเจริญรุ่งเรือง มีผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนคอยช่วยเหลือชี้แนะให้ประสบความสำเร็จไม่ว่าด้านการงาน หรือการค้าล้วนราบรื่นไร้อุปสรรคขวากหนาม แต่เนื่องจากในความโชคดีนั้นก็ยังมีเคราะห์ภัยซ่อนเร้นแอบแฝงอยู่ อันเนื่องจากการแทรกแซงคุกคามของดาวร้ายที่โคจรเข้ามา โดยเฉพาะดาวภัยเพราะปากที่ชื่อม้วนลิ้น "เจวี่ยนเสอ" กับดาวทุกข์ลาภ "พี๋ม๋า" และดาวหม้าย "กว่าซู่" รวมทั้งดาวสระน้ำเค็ม "เสียนฉือ" จึงต้องระมัดระวังคำพูดคำจาที่อาจไปกระทบกระเทือนความรู้สึกของผู้อื่น โดยพลั้งเผลอไม่ได้ยั้งคิด ส่งผลให้คนที่อยู่ใกล้ไม่สบอารมณ์เกิดความเกลียดชังท่านจนเป็นเหตุทำให้เสีย การเสียงาน (ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์ "ผั่ว(แตกแยก)" ประจำปีด้วย) ทำให้บรรยากาศสิ่งแวดล้อมที่ดีเสียหายได้
นอกจากนี้ต้องระวังดูแลสุขภาพของตนเองและผู้อาวุโสในครอบครัวให้ดีเป็นพิเศษ อย่าได้ประมาทเป็นอันขาด อีกทั้งต้องประพฤติปฏิบัติตัวให้ดี อย่าทำสิ่งไม่ถูกต้องพึงระมัดระวังการคบหาสมาคมกับผู้อื่น และไม่ควรเที่ยวกลางคืนดื่มสุราเคล้านารี เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ดวงชะตาที่ดีของท่านกลับกลายเป็นตรงกันข้ามได้
วัตถุปีวัวนำโชค 2012จี้ปีวัวนำโชค 2012
ฉะนั้นเพื่อความไม่ประมาท หากคิดป้องกันแก้ไข ควรจัดตั้ง "วัตถุปีวัวนำโชค 2012" หรือพกพาติดตัว(ติดรถ) "จี้ปีวัวนำโชค 2012" เพื่อสลายพลังร้าย ขจัดเคราะห์ภัย เสริมส่งให้การงานการค้าเจริญรุ่งเรือง โชคลาภเพิ่มพูน สุขภาพแข็งแรง ปราศจากอุบัติเหตุเภทภัย อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี โดยวัตถุเสริมความมงคลสำหรับคนปีฉลูในปี 55 นี้จะประกอบไปด้วย วัวกระทิงเทพ ที่มีทั้งความสง่างาม ดุดันและแข็งแกร่งสื่อถึงสุขภาพที่แข็งแรงมีความบึกบึนแข็งแกร่งที่กำลัง พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อไขว้คว้าโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยในปีนี้ นอกจากนี้ที่ปากกระทิงยังคาบเหรียญทองมามากมาย อีกทั้งยังมีโอ่งบรรจุก้อนทองคำจนล้นเหลือ ส่วนด้างล่างก็มีนักษัตรคู่สมพงศ์ได้แก่ ปีชวดคือหนูสองตัวที่คอยกระตุ้นเปิดรับโชคลาภด้วยการขะมักเขม้นช่วยกันขน สมบัติทองคำ เพื่อให้เพื่อนฉลูที่ในปีนี้โชคค่อนข้างสดใสมีความอุดมสมบูรณ์มั่งคั่งร่ำ รวยยิ่งขึ้นตลอดปี หรือจะหาบูชาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงคนเกิดปีฉลูเฉพาะเรื่อง ดังนี้
ปีชวด (หนู) เสริมดวงเรื่องการเงิน
ปีมะเส็ง (งูเล็ก) เสริมดวงเรื่องการงาน
ปีระกา (ไก่) เสริมดวงเรื่องความสุข
"องค์ซักบ่อเซียน" องค์เทพเสริมราศีปีฉลู 2555"จี้องค์ซักบ่อเซียน" จี้องค์เทพเสริมราศีปีฉลู 2555 และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ฝากดวงชะตาต่อ "องค์ไท้ส่วยเอี๊ย" และควรไปกราบสักการะองค์เทพ "องค์ซักบ่อเซียน" หรือถ้าไม่สะดวกที่จะเดินทางไปสามารถเช่าบูชาองค์เทพ "องค์ซักบ่อเซียน" หรือ "จี้องค์ซักบ่อเซียน" ไปกราบสักการะที่บ้านได้ตลอดทั้งปี ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเป็นไปได้หลังจากทำพิธีเสร็จแล้วให้ไปทำบุญไหว้พระ 9 วัด พร้อมทั้งถือปฏิบัติตนในปีชงตลอดทั้งปี (มีคำแนะนำด้านท้ายบทความ)
4.ปีมะแม(แพะ) ปีร่วมชงไท้ส่วย ท่านที่เกิดปีมะแมปีนี้มีดาวมงคลดาวพระจันทร์ "ไท่อิน" และดาวสวรรค์ยินดี "เทียนสี่" โคจรเข้ามา
เสริมส่งสร้างบรรยากาศในเรื่องความรักความสัมพันธ์ของท่านกับผู้อื่นให้มี ความสดชื่นก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งช่วยให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคปัญหาต่างๆ จนประสบความสำเร็จได้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีดาวอัปมงคลแทรกแซงเข้ามาคุกคามสร้างปัญหา โดยเฉพาะดาวร้ายชื่อมอดม้วยมลาย "ฉูเป้า" และดาวเกี่ยวให้สะดุด "โกวเจียว" ปรากฏขึ้นจึงต้องระวังเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ดูแลสุขภาพและอาหารการกินให้ถูกสุขลักษณะรวมทั้งความปลอดภัยต่างๆ ในการดำเนินชีวิตประจำให้ดี นอกจากนี้ยังมีดาวกับดักมรณะ "กวงโซ่" มาซ้ำเติมทำให้หน้าที่การงานธุรกิจการค้าติดขัดเสียหาย การงานไม่ก้าวหน้ายอดขายตกต่ำ และต้องระวังกับดักหลุมพรางของคู่แข่งปรปักษ์ให้ดี มิเช่นนั้นอาจล้มลุกคลุกคลานพ่ายแพ้จนหมดรูปได้
วัตถุปีแพะนำโชค 2012จี้ปีแพะนำโชค 2012
ฉะนั้นเพื่อเป็นความไม่ประมาท จึงควรจัดตั้ง "วัตถุปีแพะนำโชค 2012" หรือพกพาติดตัว(ติดรถ) "จี้ปีแพะนำโชค 2012" เพื่อขจัดพลังร้ายของดาวอัปมงคลให้หมดสิ้นไปพร้อมทั้งเสริมส่งให้การงานการ ค้าเจริญก้าวหน้า กระตุ้นโชคลาภให้สดใส เงินทองไหลมาเทมา สุขภาพแข็งแรง ปราศจากอุบัติเหตุเคราะห์ภัยตลอดปี โดยวัตถุเสริมความมงคลสำหรับคนปีมะแมในปี 55 นี้จะประกอบไปด้วย ม้าเทพคู่ (ซึ่งเป็นนักษัตรที่ถูกโฉลกสมพงศ์กับเจ้าชะตาปีมะแมมากที่สุด) ซึ่งมีลักษณะพิเศษเป็นม้าที่ปราดเปรียวแข็งแรงกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า อย่างมั่นอกมั่นใจที่จะเอาชนะอุปสรรคปัญหาต่างๆ ให้จงได้ จึงหมายถึงความเจริญก้าวหน้ามีชัยอย่างก้าวกระโดด และมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จมีชัยชนะ นอกจากนี้ระหว่างทางที่ก้าวกระโดดไปนั้นยังนำพาถุงทองที่บรรจุทรัพย์สมบัติ ล้ำค่ามากมายกลับมาด้วย ยิ่งกว่านั้นยังมี พระจันทร์ดาวมงคลประจำปีของเจ้าชะตาปีมะแม คอยส่องแสงนำทางให้ไปถึงจุดหมายปลายทางจนประสบความสำเร็จด้วยความปลอดภัยอีก ด้วย หรือจะหาบูชาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงคนเกิดปีมะแมเฉพาะเรื่อง ดังนี้
ปีเถาะ (กระต่าย) เสริมดวงเรื่องความคิด
ปีมะเมีย (ม้า) เสริมดวงเรื่องความร่ำรวย
ปีกุน (หมู) เสริมดวงเรื่องการเงิน
"พระไภษัชยคุรุ" องค์เทพเสริมราศีปีมะแม 2555"จี้พระไภษัชยคุรุ" จี้องค์เทพเสริมราศีปีมะแม 2555 และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ฝากดวงชะตาต่อ "องค์ไท้ส่วยเอี๊ย" และควรไปกราบสักการะองค์เทพ "พระไภษัชยคุรุ" หรือถ้าไม่สะดวกที่จะเดินทางไปสามารถเช่าบูชาองค์เทพ "พระไภษัชยคุรุ" หรือ "จี้พระไภษัชยคุรุ" ไปกราบสักการะที่บ้านได้ตลอดทั้งปี ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเป็นไปได้หลังจากทำพิธีเสร็จแล้วให้ไปทำบุญไหว้พระ 9 วัด พร้อมทั้งถือปฏิบัติตนในปีชงตลอดทั้งปี (มีคำแนะนำด้านท้ายบทความ)
5.ปีเถาะ(กระต่าย) "ไห่(ให้ร้าย)" กับปีมะโรง ในปีนี้ดวงชะตาของท่านยังตกอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่สู้ดีนัก
เนื่องจากถูกครอบงำจากดาวอัปมงคลหลายดวงที่โคจรเข้าสู่เรือนชะตา โดยเฉพาะดาวป่วยไข้ "ปิ้งฝู" และดาวหกร้าย "ลิ่วห้าย" จึงต้องระวังเรื่องสุขภาพและการเจ็บป่วย รวมทั้งเรื่องธุรกิจการค้าต้องใส่ใจเป็นพิเศษ (ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์ "ไห่(ให้ร้าย)" ประจำปีด้วย) ฉะนั้นปีนี้ยังคงต้องระมัดระวังให้มาก ด้านหน้าที่การงานจะมีอุปสรรคปัญหาถาโถมเข้ามา แต่ก็ควรพยายามดำเนินการแก้ไขด้วยความสุขุมรอบคอบจึงจะสามารถทำให้เหตุการณ์ ต่างๆ พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นได้ ท่านต้องอดทนต่อความเหนื่อยยาก อีกทั้งต้องทุ่มเทสติปัญญา ในการฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามต่างๆ ให้ผ่านพ้นไป ต้องใช้ความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ จึงจะสามารถพลิกสถานการณ์ กลับร้ายให้กลายเป็นดี นอกจากนี้สุขภาพของท่านในปีนี้ก็ไม่สู้ดีนัก ท่านควรเอาใจใส่ดูแลตนเองให้ดี อย่าปล่อยให้ตนเองเหน็ดเหนื่อยตรากตรำ จนต้องล้มหมอนนอนเสื่อ อีกทั้งยังต้องระวังหลุมพรางที่มีผู้ไม่หวังดีขุดดักรอท่านเอาไว้ จงอย่าได้ผลีผลามไปติดกับ จนทำให้ท่านต้องเสียการงาน และอนาคต แต่ก็นับว่ายังโชคดีอยู่บ้างที่มีดาวมงคลหอหยก "ยู่ถาง" โคจรเข้ามาช่วยเหลือเสริมส่งผ่อนหนักให้เป็นเบา
วัตถุปีกระต่ายนำโชค 2012จี้ปีกระต่ายนำโชค 2012
ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท หากคิดป้องกันแก้ไข ขจัดภัยสลายเคราะห์ จึงควรจัดตั้ง "วัตถุปีกระต่ายนำโชค 2012" หรือพกพาติดตัว(ติดรถ) "จี้ปีกระต่ายนำโชค 2012" เพื่อเสริมส่งให้การงานการค้าเจริญก้าวหน้า กระตุ้นเปิดรับโชคลาภให้เงินทองหลั่งไหลเข้ามา มีสุขภาพแข็งแรง อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี โดยวัตถุเสริมความมงคลสำหรับคนปีเถาะในปี 55 นี้จะประกอบไปด้วย หมูป่าเทพ ที่แข็งแรงสง่างามกำลังอยู่ในท่าที่เตรียมพร้อมจะพุ่งทะยานไปข้างหน้า เพื่อปกป้องคุ้มครองให้กับ เจ้ากระต่าย (ซึ่งเป็นนักษัตรที่มีความปราดเปรียวเฉลียวฉลาดและถูกโฉลกกับหมู่ป่าซึ่ง เป็นตัวแทนของนักษัตรปีกุนที่สมพงศ์กัน) ที่นั่งอยู่บนหลังซึ่งแบกตะกร้าสมบัติมาอย่างล้มหลาม และที่มือยังคว้าเอาเห็ดหลินจือซึ่งเป็นยาสมุนไพรอายุวัฒนะมาช่วยเสริมส่ง ให้มีสุขภาพแข็งแรงอีกด้วยส่วนด้านล่างข้างตัวหมูป่าก็มีทั้งถั่วลิสง ดอกไม้มงคลและเหรียญกับก้อนทองโปรยปรายอยู่ซึ่งสื่อความหมายรวมกันถึง การมีทายาทลูกหลานสืบทอด มีโชคลาภมั่งคั่งร่ำรวยเงินทอง หรือจะหาบูชาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงคนเกิดปีเถาะเฉพาะเรื่อง ดังนี้
ปีมะแม (แพะ) เสริมดวงเรื่องความสุข
ปีกุน (หมู) เสริมดวงเรื่องการเงิน
ปีจอ (สุนัข) เสริมดวงเรื่องความคิด
"พระกษิติครรภ์" องค์เทพเสริมราศีปีเถาะ 2555"จี้พระกษิติครรภ์" จี้องค์เทพเสริมราศีปีเถาะ 2555 และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ฝากดวงชะตาต่อ "องค์ไท้ส่วยเอี๊ย" และควรไปกราบสักการะองค์เทพ "พระกษิติครรภ์" หรือถ้าไม่สะดวกที่จะเดินทางไปสามารถเช่าบูชาองค์เทพ "พระกษิติครรภ์" หรือ "จี้พระกษิติครรภ์" ไปกราบสักการะที่บ้านได้ตลอดทั้งปี ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเป็นไปได้หลังจากทำพิธีเสร็จแล้วให้ไปทำบุญไหว้พระ 9 วัด พร้อมทั้งถือปฏิบัติตนในปีชงตลอดทั้งปี (มีคำแนะนำด้านท้ายบทความ)
6.ปีชวด(หนู) ในปีนี้มีดาวนายพล "เจียงซิง" โคจรเข้ามาอยู่ในเรือนชะตา
จะช่วยเสริมส่งเรื่องอำนาจบารมี หน้าที่การงาน ธุรกิจการค้าให้เจริญรุ่งเรือง แต่น่าเสียดายที่มีดาวอัปมงคลเบียดบังเข้ามาทำให้ด่างพร้อย โดยเฉพาะดาวผมสยาย "พีโถว" และดาวเสือขาว "ไป๋หู่" ที่สร้างความเสียหาย ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังความปลอดภัยของสมาชิกในครอบครัว โดยเฉพาะเด็กๆ ต้องดูแลเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังต้องระวังอันตราย อาจถูกทำร้ายโดยไม่รู้ตัว
วัตถุปีหนูนำโชค 2012จี้ปีหนูนำโชค 2012
ฉะนั้นจงอย่าประมาทชะล่าใจ ควรหาวิธีเสริมส่งดาวดีนายพล "เจียงซิง" ให้มีอานุภาพแก่กล้ายิ่งขึ้น เพื่อขจัดพลังร้ายของดาวอัปมงคลให้สูญสลายหมดสิ้นไป โดยการจัดตั้ง "วัตถุปีหนูนำโชค 2012" หรือพกพาติดตัว(ติดรถ) "จี้ปีหนูนำโชค 2012" เพื่อสลายพลังร้าย ขจัดเคราะห์ภัย เสริมส่งให้การงานการค้าเจริญรุ่งเรืองโชคลาภเงินทองเพิ่มพูน สุขภาพแข็งแรง ปราศจากอุบัติเหตุเภทภัย อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี โดยวัตถุเสริมความมงคลสำหรับคนปีชวดในปี 55 นี้ประกอบไปด้วย หัวช้างคู่พร้อมงา ที่สง่างามสื่อถึงอำนาจบารมี เปี่ยมด้วยโชคลาภวาสนาตั้งตระหง่านอยู่บนหลังค้างคาวโชคลาภที่จะนำโชคลาภมา สู่เจ้าชะตาชาวปีชวดทั้งหลายในปีนี้ นอกจากนี้เหนือขึ้นไปบนหัวช้างยังมีก้อนทองก้อนใหญ่ปรากฏอยู่ ซึ่งสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์มั่งคั่งร่ำรวย อีกทั้งยังมีอักษรมงคล "สวัสติกะ" และหัวหนูเจ้าชะตาปีชวดอยู่ด้วย
ฉะนั้นเมื่อสิ่งมงคลทั้งหลายเหล่านี้มา ประสานรวมกันเป็นวัตถุมงคลที่วิเศษมีพลังอานุภาพที่สูงส่ง ก็สามารถที่จะช่วยขจัดเคราะห์ภัยอันตรายต่างๆ ให้สูญสลายไปได้ พร้อมทั้งเสริมส่งกระตุ้นให้เกิดโชคลาภ มีความสดใสเจริญรุ่งเรือง มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว หรือจะหาบูชาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย ได้ดังนี้
ปีฉลู (วัว) เสริมดวงเรื่องการเงิน
ปีมะโรง (งูใหญ่) เสริมดวงเรื่องความคิด
ปีวอก (ลิง) เสริมดวงเรื่องความสุข
"พระสมันตภัทร" องค์เทพเสริมราศีปีชวด 2555"จี้พระสมันตภัทร" จี้องค์เทพเสริมราศีปีชวด 2555 และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปกราบสักการะองค์เทพ "พระสมันตภัทร" หรือถ้าไม่สะดวกที่จะเดินทางไปสามารถเช่าบูชาองค์เทพ "พระสมันตภัทร" หรือ "จี้พระสมันตภัทร" ไปกราบสักการะที่บ้านได้ตลอดทั้งปี
7.ปีขาล(เสือ) ปีนี้ดวงชะตาของท่านยังไม่ค่อยสดใส เนื่องจากมีดาวอัปมงคลหลายดวงโคจรเข้ามาคุกคามรังควาน
โดยเฉพาะมีดาวหมาสวรรค์ "เทียนโก่ว" ดาวแห่งการสูญเสีย "เตี๊ยวเคอะ" และดาวสวรรค์ร้องไห้ "เทียนคู" ซึ่งส่งผลทำให้มีคู่แข่งทางการค้าถูกอิจฉาริษยา มีปรปักษ์ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ธุรกิจการงานประสบอุปสรรคปัญหา จึงต้องต่อสู้ด้วยความขยันและอดทน ทำสิ่งใดต้องระมัดระวังให้รอบคอบอย่าได้ประมาทเป็นอันขาด นอกจากนี้พึงใส่ใจระวังเรื่องสุขภาพ และอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินชีวิตประจำวันของตัวท่านและสมาชิก ในครอบครับ โดยเฉพาะสุขภาพความเป็นอยู่ของผู้อาวุโสต้องระวังดูแลเป็นพิเศษ หากเจ็บไข้ได้ป่วยต้องรีบพาไปหาหมอเพื่อทำการรักษาโดยเร็ว อย่าปล่อยปละละเลยเป็นอันขาด
ด้านหน้าที่การงาน และธุรกิจการค้าปีนี้มักมีอุปสรรคและย่ำอยู่กับที่ไม่เจริญก้าวหน้า จึงต้องเพิ่มความขยันหมั่นเพียรกระตือรือร้นให้มากขึ้น เสาะแสวงหาแนวทางใหม่ๆ หรือเดินทางติดต่อทำธุรกิจการค้าในที่ต่างๆ ให้กว้างไกลขึ้นจึงจะประสบความสำเร็จได้ เนื่องจากในเกณฑ์ชะตามีดาวมงคลม้าเดินทาง "อี้หม่า" คอยส่งเสริมช่วยเหลืออยู่ (อ่านดวงปีขาล 2555 คลิ๊กที่นี่!)
วัตถุปีเสือนำโชค 2012จี้ปีเสือนำโชค 2012
ฉะนั้นเพื่อความไม่ประมาท จึงควรจัดตั้ง "วัตถุปีเสือนำโชค 2012" หรือพกพาติดตัว(ติดรถ) "จี้ปีเสือนำโชค 2012" เพื่อขจัดเคราะห์ภัย พร้อมทั้งเสริมส่งให้สุขภาพแข็งแรง การงานการค้าเจริญรุ่งเรือง กระตุ้นโชคลาภให้สดใส ปราศจากอุบัติเหตุเคราะห์ภัย อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี โดยวัตถุเสริมความมงคลสำหรับคนปีขาลในปี 55 นี้ประกอบไปด้วย "อูฐสวรรค์" เมื่อยามเดินทางไกลจะมีความเข้มแข็งอดทนอย่างมาก สามารถเดินทางในที่ธุระกันดารได้อย่างยาวนาน โดยดื่มน้ำเพียงครั้งเดียวก็สามารถอยู่ได้นานถึงหกวัน อีกทั้งยังมีสัญชาตญาณในเรื่องทิศทางดี จึงสามารนำพาเจ้าชะตาปีขาลให้เดินทางกลับบ้านด้วยความสวัสดีภาพ และยังถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์ในการเสริมส่งการงานให้รุ่งเรืองเจริญก้าวหน้า มีโชคลาภสดใสอีกด้วย
ส่วน "แรดเทพ" เป็นสัตว์ใหญ่ลำดับสองรองจากช้าง มีความน่าเกรงขาม และประสาทรับกลิ่นกับประสาทหูที่ดีเยี่ยม จึงสามารถรู้ล่วงหน้าถึงภัยอันตรายต่างๆ ที่จะกล้ำกรายเข้ามา ฉะนั้นแรดจึงถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์ในการป้องกันเคราะห์ภัยต่างๆ รวมถึงโจรขโมย และการถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ไม่หวังดีอีกด้วย ฉะนั้นเมื่อนำเอา "อูฐสวรรค์และแรดเทพ" มารวมอยู่ในวัตถุเสริมความมงคลเดียวกัน จึงมีอานุภาพสูงส่งในการคุ้มครองให้เจ้าชะตาปีขาลแคล้วคลาดปลอดภัย เสริมส่งโชคลาภ ยศถาบรรดาศักดิ์ หน้าที่การงาน ธุรกิจการค้าให้เจริญก้าวหน้าตลอดปี หรือจะหาบูชาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย ได้ดังนี้
ปีมะเมีย (ม้า) เสริมดวงเรื่องการเงิน
ปีจอ (สุนัข) เสริมดวงเรื่องความคิด
ปีกุน (หมู) เสริมดวงเรื่องความร่ำรวย
"เจ้าแม่กวนอิม" องค์เทพเสริมราศีปีขาล 2555"จี้เจ้าแม่กวนอิม" จี้องค์เทพเสริมราศีปีขาล 2555 และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปกราบสักการะองค์เทพ "เจ้าแม่กวนอิม" หรือถ้าไม่สะดวกที่จะเดินทางไปสามารถเช่าบูชาองค์เทพ "เจ้าแม่กวนอิม" หรือ "จี้เจ้าแม่กวนอิม" ไปกราบสักการะที่บ้านได้ตลอดทั้งปี
8.ปีมะเส็ง(งูเล็ก) ท่านที่เกิดปีมะเส็งในปีนี้จะบังเกิดแต่สิ่งมงคลเข้ามามากมาย
แม้ว่าจะพบอุปสรรคปัญหาเกิดขึ้นบ้าง แต่ก็สามารถคลี่คลายปรับเปลี่ยนจากร้ายให้กลายเป็นดีได้ และจะผ่านพ้นอุปสรรคนั้นไปได้ด้วยดี ในปีนี้หากท่านมีความขยันหมั่นเพียร มุ่งมั่นในการทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ โอกาสจะประสบความสำเร็จสมดังใจปรารถนานั้นก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม ท่านจะมีผลงานที่โดดเด่นกว่าผู้อื่นอย่างแน่นอน เนื่องจากปีนี้มีดาวมงคลพระอาทิตย์ "ไท้หยาง" โคจรเข้ามาเปล่งรัศมีเรืองรองอยู่ในเรือนชะตาของท่าน โชคชะตาจึงรุ่งโรจน์สดใส นอกจากนี้ยังมีดาวสวรรค์ยินดี "เทียนสี่" เข้ามาเสริมส่งในเรื่องความรักความสัมพันธ์อันดีกับเพศตรงข้าม ฉะนั้นปีนี้ท่านจึงค่อนข้างมีเสน่ห์ตรึงใจเพศตรงข้าม
แต่ในขณะเดียวกันก็มีดาวอัปมงคลสุรุ่ยสุร่าย "เทียนคง" โคจรเข้าฉุดรั้งดวงการเงินของท่าน จึงส่งผลให้เงินทองรั่วไหล เกิดการใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง เงินทองไหลเข้ามาแล้วก็ไหลออกไปอย่างรวดเร็ว จึงต้องควบคุมดูแลการเงินให้ดี อีกทั้งยังมีดาวปล้นสะดม "เจี๋ยซา" เข้ามาคุกคามจึงต้องระมัดระวังอย่าเดินทางไปในที่เปลี่ยวโดยลำพัง เพราะอาจถูกปล้นชิงวิ่งราวและทำร้ายได้ นอกจากนี้ก่อนเข้านอนหรือออกจากบ้านควรปิดประตูใส่กลอนให้แน่นหนา เพื่อป้องกันโจรขโมยขึ้นบ้าน
วัตถุปีงูเล็กนำโชค 2012จี้ปีงูเล็กนำโชค 2012
ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท หากคิดป้องกันแก้ไขควรจัดตั้ง "วัตถุปีงูเล็กนำโชค 2012" หรือพกพาติดตัว(ติดรถ) "จี้ปีงูเล็กนำโชค 2012" ที่มีอานุภาพในการเสริมส่งความรัก และหน้าที่การงานการค้าให้เจริญก้าวหน้า กระตุ้นเปิดรับโชคลาภ ขจัดปัดเป่าเคราะห์ภัย ให้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี โดยวัตถุเสริมความมงคลสำหรับคนปีมะเส็งในปี 55 นี้ประกอบด้วย "หงส์คู่" ซึ่ง หงส์ เป็นสัตว์สิริมงคลและศักดิ์สิทธิ์ มีรูปร่างสวยงาม สะโอดสะองมีบุคลิกที่สุภาพอ่อนหวาน สามารถหยั่งรู้ความทุกข์สุขของมนุษย์ได้ นอกจากนี้ในด้านโหราศาสตร์จีน หงส์ ยังถูกจัดเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องดูแลรักษาทิศใต้ เพื่อให้โลกมนุษย์มีความสงบสุข
นอกจากนี้ยังสามารถหยั่งรู้ล่วงหน้าถึงความเป็นไปในโลกมนุษย์ ชาวจีนยังถือว่า หงส์ เป็นสัญลักษณ์แห่งพระอาทิตย์ที่ให้ความอบอุ่นแก่โลกมนุษย์และเป็นเครื่อง หมายแห่งคุณความดีอีกด้วย หงส์ ยังเป็นสัตว์มงคลที่สูงส่งมีความสง่างามคู่กับมังกรมาตั้งแต่โบราณ เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดินีผู้มีความงามและบุญญาธิการ พร้อมทั้งมีความดีประจำตัว คือ มีคุณธรรม ความยุติธรรม ศีลธรรม มนุษยธรรม และสัจธรรม ซึ่งมนุษย์ทุกคนควรมีไว้ประจำใจก็จะเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง
ดังนั้นวัตถุเสริมความมงคลนี้จึงมีพลังอำนาจในการสลายอิทธิพลพลังร้ายของดาว อัปมงคลให้สูญสิ้นไป จึงแคล้วคลาดปลอดภัยจากเคราะห์ภัยต่างๆ พร้อมทั้งเสริมส่งให้ ความรักก้าวหน้าสมหวัง หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า ธุรกิจการค้าราบรื่นรุ่งเรือง อีกทั้งกระตุ้นเปิดรับโชคลาภให้เงินทองไหลมาเทมา มีสุขภาพแข็งแรง อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี หรือจะหาบูชาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย ได้ดังนี้
ปีฉลู (วัว) เสริมดวงเรื่องการเงิน
ปีระกา (ไก่) เสริมดวงเรื่องความสุข
ปีวอก (ลิง) เสริมดวงเรื่องความคิด
"ไฉ่ซิ่งเอี๊ยประทับเสือ" องค์เทพเสริมราศีปีมะเส็ง 2555"จี้ไฉ่ซิ่งเอี๊ยประทับเสือ" จี้องค์เทพเสริมราศีปีมะเส็ง 2555 และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปกราบสักการะองค์เทพ "ไฉ่ซิ้งเอี้ยประทับเสือ" หรือถ้าไม่สะดวกที่จะเดินทางไปสามารถเช่าบูชาองค์เทพ "ไฉ่ซิ้งเอี้ยประทับเสือ" หรือ "จี้ไฉ่ซิ้งเอี้ยประทับเสือ" ไปกราบสักการะที่บ้านได้ตลอดทั้งปี
9.ปีมะเมีย(ม้า) ปีนี้มีดาวมงคลแปดองครักษ์ "ปาจั๊ว" โคจรเข้ามาอยู่ในเรือนชะตา
ส่งเสริมให้เกิดมีพลังความมุ่งมั่นในการทำงาน และประกอบธุรกิจการค้าจนประสบความสำเร็จ มีกำไรเป็นกอบเป็นกำ สำหรับผู้ที่ทำงานประจำหรือรับราชการก็จะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง อีกทั้งยังมีดาวสวรรค์ช่วยให้พ้นภัย "เทียนเจี่ย" และดาวเทพเจ้าช่วยแก้ไข "เจี่ยเสิน" โคจรเข้ามาคุ้มครองให้ทุกสิ่งสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แต่น่าเสียดายที่มีดาวอัปมงคลหลายดวงเบียดบังเข้ามาทำให้โชคชะตาของท่านด่าง พร้อย โดยเฉพาะดาวประตูมรณะ "ซั่งเหมิน" ดาวลูกกรง "ฉิวอี้" และดาวเลือดตกยางออก "เส่วเยิ่น" กับดาวผลุบโผล่ "ฝู่เฉิน" ที่จะแผ่อิทธิพลส่งผลร้ายทำให้อาจประสบเคราะห์ภัยที่ไม่คาดคิด จึงต้องระมัดระวังตัวเองและสมาชิกในครอบครัวให้ดี โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้อาวุโสต้องดูแลเป็นพิเศษ และต้องพยายามอย่าสร้างปัญหาที่เป็นการท้าทายผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในตำแหน่งอำนาจ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ท่านต้องเดือดร้อนอย่างหนัก นอกจากนี้ยังต้องระวังการดำเนินชีวิตประจำวันให้ดี อย่าให้เกิดภัยอันตรายต่างๆ เพราะในเกณฑ์ชะตาบ่งบอกว่าอาจมีภัยถึงขั้นเลือดตกยางออก รวมทั้งภัยอันตรายจากทางน้ำด้วย (อ่านดวงปีมะเมีย 2555 คลิ๊กที่นี่!)
วัตถุปีม้านำโชค 2012จี้ปีม้านำโชค 2012
ฉะนั้นจงอย่าประมาท ควรหาวิธีป้องกันแก้ไข ขจัดภัยสลายเคราะห์ โดยการจัดตั้ง "วัตถุปีม้านำโชค 2012" หรือพกพาติดตัว(ติดรถ) "จี้ปีม้านำโชค 2012" เพื่อขจัดอิทธิพลร้ายของดาวอัปมงคลให้หมดสิ้นไป พร้อมทั้งเสริมส่งให้การงานการค้าเจริญรุ่งเรือง กระตุ้นโชคลาภให้สดใส เงินทองไหลมาเทมา สุขภาพแข็งแรง ปราศจากอุบัติเหตุเคราะห์ภัยตลอดปี โดยวัตถุเสริมความมงคลสำหรับคนปีมะเมียในปี 55 นี้ประกอบด้วย "ปลาทองคู่" ชาวจีนเชื่อว่า ปลาทอง เป็นสัญลักษณ์แห่งความร่ำรวย มีกินมีใช้ไม่รู้หมด
นอกจากนี้หากมีปลาทองและดอกบัวอยู่ด้วยกัน ก็จะสื่อความหมายถึง ทองคำและหยกอยู่คู่กันด้วย ส่วนปลาทองคู่เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญเติบโต และปลาทองยังอาจใช้เป็นตัวแทนของคนรักได้ด้วย กล่าวกันว่าการมอบปลาทองคู่ให้เป็นของขวัญพิเศษในวันแต่งงานปลาจะมีพลัง วิเศษด้านความคุ้มครองที่เข้มแข็งและช่วยกระตุ้นพลังงานชี่ (พลังด้านการเสริมส่งหน้าที่การงานและอาชีพของท่าน) ดังนั้นปลาทองมงคลจึงเป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภอันยิ่งใหญ่และความสุขในชีวิต สมรสอีกด้วย และยังเชื่ออีกว่าถ้าบ้านเรือนใดเลี้ยงปลาทองอยู่ในบ้านก็จะเปรียบเสมือนมี ทองอยู่ในบ้าน เพราะการเลี้ยงปลาทองต้องมีน้ำ ซึ่งน้ำก็คือความร่มเย็นเป็นสุข และการไหลเวียนของน้ำก็จะส่งเสริมให้การค้าราบรื่น และท้ายสุดคือปลาทองจะนำความมั่งคั่งมาสู่คนเลี้ยง ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าผู้ใดเลี้ยงปลาทองไว้ในบ้านจะนำความร่มเย็นเป็นสุข เสริมสร้างอำนาจบารมี มีโชคลาภที่สดใส ทำมาค้าขึ้น เงินทองไหลมาเทมา
ดังนั้นวัตถุเสริมความมงคลนี้ จึงมีพลังมงคลที่สามารถสลายอิทธิพลพลังร้ายของดาวอัปมงคลให้สูญสิ้นไป ทำให้ท่านหลุดพ้นจากเคราะห์ภัยต่าง ๆ พร้อมทั้งเสริมส่งหน้าที่การงานให้เจริญก้าวหน้า ธุรกิจการค้าราบรื่นรุ่งเรือง กระตุ้นเปิดรับโชคลาภให้เงินทองไหลมาเทมา มีสุขภาพแข็งแรง หมดเคราะห์หมดภัย สวัสดีมีชัยตลอดปี หรือจะหาบูชาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย ได้ดังนี้
ปีขาล (เสือ) เสริมดวงเรื่องการเงิน
ปีมะแม (แพะ) เสริมดวงเรื่องความคิด
ปีจอ (สุนัข) เสริมดวงเรื่องความรัก
"องค์ไท้เสียงเหล่ากุง" องค์เทพเสริมราศีปีมะเมีย 2555"จี้องค์ไท้เสียงเหล่ากุง" จี้องค์เทพเสริมราศีปีมะเมีย 2555 และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปกราบสักการะองค์เทพ "องค์ไท้เสียงเหล่ากุง" หรือถ้าไม่สะดวกที่จะเดินทางไปสามารถเช่าบูชาองค์เทพ "องค์ไท้เสียงเหล่ากุง" หรือ "จี้องค์ไท้เสียงเหล่ากุง" ไปกราบสักการะที่บ้านได้ตลอดทั้งปี
10.ปีวอก(ลิง) ปีนี้มีดาวมงคลสามพลับพลา "ซันไถ" โคจรเข้ามาเสริมส่งให้หน้าที่การงาน ธุรกิจการค้าเจริญก้าวหน้าสำเร็จตามเป้าหมาย
แม้จะมีอุปสรรคคอยขวางกั้นก็สามารถแก้ไขให้ลุล่วงไปได้ แต่น่าเสียดายที่มีดาวอัปมงคลหลายดวงเบียดบังเข้ามาทำให้ด่างพร้อยเสียหาย โดยเฉพาะดาวร้ายห้าปีศาจ "อู๋กุ่ย" ดาวคดีความ "กวันฝู" และดาวศัตรูที่ซ่อนเร้น "จื่อเป้ย" กับดาวปฐพีพิฆาต "ตี้ซา" ส่งผลร้ายทำให้อาจประสบเคราะห์ภัยที่ไม่คาดคิด จึงต้องระมัดระวังตัวไว้ให้ดี ต้องพยายามอย่าสร้างปัญหาที่เป็นการท้าทายผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในตำแหน่งอำนาจ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ท่านต้องเดือดร้อน นอกจากนี้ยังต้องระวังความประพฤติของตนเองให้ดี รวมทั้งจัดการเรื่องต่างๆ ให้ถูกต้องอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านกฎหมายและคดีความ จนนำไปสู่การสูญเสียทรัพย์สินเงินทองจำนวนมาก อีกทั้งต้องใส่ใจหน้าที่การงานและดูแลธุรกิจการค้าให้ดี เพราะเนื่องจากมีศัตรูที่แอบแฝงซ่อนเร้นอยู่คอยจ้องจับผิดนินทาให้ร้าย จึงต้องเข้มแข็งอย่าเผยจุดอ่อนแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น นอกจากนี้ยังต้องระวังเรื่องการสัญจรขับขี่ยวดยานพาหนะบนท้องถนนให้ดีเป็น พิเศษ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ จงอย่าได้ประมาทเป็นอันขาด (อ่านดวงปีวอก 2555 คลิ๊กที่นี่!)
วัตถุปีลิงนำโชค 2012จี้ปีลิงนำโชค 2012
ฉะนั้นจึงควรหาวิธีป้องกันแก้ไข ขจัดภัย สลายเคราะห์ ปรับเปลี่ยนเหตุร้ายให้เป็นดี โดยการจัดตั้ง "วัตถุปีลิงนำโชค 2012" หรือพกพาติดตัว(ติดรถ) "จี้ปีลิงนำโชค 2012" เพื่อปกป้องคุ้มครองให้ชาวปีวอกแคล้วคลาดปลอดภัย เสริมส่งให้การงานการค้าเจริญรุ่งเรือง โชคลาภสดใส มั่งคั่งร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี โดยวัตถุเสริมความมงคลสำหรับคนปีวอกในปี 55 นี้ประกอบด้วย "งูขาวคู่" ซึ่งเป็นสัตว์มงคลที่ชาวจีนสมัยโบราณบูชามากที่สุด
ทั้งนี้เนื่องจากหนังที่สวยงามเปรียบเสมือนแพรพรรณที่ล้ำค่า และความเชื่อในเรื่องความโชคดีต่างๆ ที่เกิดจากการบูชางูขาวนี้ นอกจากนี้การเคลื่อนไหวพุ่งฉกอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด และสายตาที่จ้องมองยังก่อให้เกิดความเชื่อในเรื่องญาณวิเศษของงูขาวว่า สามารถสะกดดึงดูดให้เหยื่อเดินเข้ามาหาอีกด้วย
นอกจากนี้ตัวงูขาวยังถือว่าเป็นสัญลักษณ์แทนนักษัตรปีมะเส็งซึ่งเป็นเพื่อน คู่สมพงศ์ถูกโฉลกกับชาวปีวอกที่สุด จึงสามารถเกื้อหนุนช่วยเหลือให้เจ้าชะตาชาวปีวอกประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ นอกจากนี้ที่ใต้งูขาวทั้งคู่ยังรองรับด้วยก้อนทองก้อนใหญ่ ซึ่งสื่อถึงโชคลาภความมั่งคั่งร่ำรวยเงินทอง ดังนั้นวัตถุเสริมความมงคลนี้ จึงมีอานุภาพในการเสริมส่งอำนาจบารมี คุ้มครองให้ชาวปีวอกพ้นเคราะห์ พ้นภัย ช่วยกระตุ้นเปิดโชคลาภ ส่งเสริมการงานการค้าให้เจริญก้าวหน้า มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว หรือจะหาบูชาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย ได้ดังนี้
ปีชวด (หนู) เสริมดวงเรื่องการงาน
ปีมะโรง (มังกร) เสริมดวงเรื่องการเงิน
ปีมะเส็ง (งูเล็ก) เสริมดวงเรื่องความคิด
"เจ้าพ่อกวนอู" องค์เทพเสริมราศีปีวอก 2555"จี้เจ้าพ่อกวนอู" จี้องค์เทพเสริมราศีปีวอก 2555 และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปกราบสักการะองค์เทพ "เจ้าพ่อกวนอู" หรือถ้าไม่สะดวกที่จะเดินทางไปสามารถเช่าบูชาองค์เทพ "เจ้าพ่อกวนอู" หรือ "จี้เจ้าพ่อกวนอู" ไปกราบสักการะที่บ้านได้ตลอดทั้งปี
11.ปี ระกา(ไก่) ปีนี้เรือนชะตาของท่านมีดาวมงคลคุณธรรมพระจันทร์ "ย่วยเต๋อ" ดาวหอหยก "ยู่ถัง" และดาวแห่งความสามัคคี "ซุ่ยเฮอะ" โคจรเข้ามา
ส่งผลให้การศึกษาเรียนรู้ดี หน้าที่การงานธุรกิจการค้าเจริญก้าวหน้า ได้รับผลกำไรเป็นกอบเป็นกำ และได้รับการสนับสนุนจนมีเกียรติยศชื่อเสียงเกรียงไกร แต่ก็มีดาวอัปมงคลหลายดวงโคจรเข้ามาแทรกแซงสร้างปัญหา โดยเฉพาะดาวมนต์ชั่วร้าย "สื่อฝู" กับดาวละลายทรัพย์ "เสี่ยวห้าว" และดาวทะเลสาบน้ำเค็ม "เสียนฉือ" ส่งผลทำให้สุขภาพร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยง่าย และอาจเกิดอุบัติเหตุเคราะห์ภัยจากการดำเนินชีวิตประจำวัน จึงไม่ควรประมาท นอกจากนี้มีเกณฑ์ว่าจะประสบปัญหาเรื่องเงินทองรั่วไหล และการใช้จ่ายที่เกินตัว จึงควรหลีกเลี่ยงการเสี่ยงโชค เล่นการพนันต่างๆ มิเช่นนั้นจะเป็นการซ้ำเติมให้ต้องเดือดร้อนหนักจนนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการ เงินได้ อีกทั้งต้องละเว้นการเที่ยวกลางคืนดื่มสุราเคล้านารี เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ดวงชะตาที่ดีของท่านกลับกลายเป็นตรงกันข้ามได้ (อ่านดวงปีระกา 2555 คลิ๊กที่นี่!)
วัตถุปีไก่นำโชค 2012จี้ปีไก่นำโชค 2012
ฉะนั้นจงอย่าได้ประมาท ควรหาวิธีป้องกันแก้ไข ขจัดภัยสลายเคราะห์ โดยการจัดตั้ง "วัตถุปีไก่นำโชค 2012" หรือพกพาติดตัว(ติดรถ) "จี้ปีไก่นำโชค 2012" เพื่อป้องกันสลายพลังพิฆาตของดาวอัปมงคล พร้อมทั้งเสริมส่งให้การงานการค้าเจริญก้าวหน้า ตำแหน่งลาภยศสูงส่ง มีโชคลาภเงินทองเพิ่มพูน สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว โดยวัตถุเสริมความมงคลสำหรับคนปีระกาในปี 55 นี้ประกอบด้วย ค้างคาว กวาง ลูกท้อ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทน เทพฮกลกซิ่ว ซึ่งเป็นความเชื่อของชาวจีนที่ยึดถือกันมาตั้งแต่โบราณว่า ความสุขสมบูรณ์ในชีวิตของคนธรรมดาทั่วไปจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องมีองค์ประกอบ ที่สำคัญสามประการด้วยกัน คือ ความมั่งคั่งร่ำรวย ความเจริญก้าวหน้า และการมีสุขภาพดีอายุยืนยาว ซึ่งความหมายทั้งสามประการนี้อยู่ในรูปลักษณ์ของ ค้างคาวที่บินคาบเหรียญมาเป็นพวง ซึ่งสื่อถึงความมั่งคั่งร่ำรวย
ส่วนกวางที่สง่างามยืนอยู่ท่ามกลางก้อนทองมากมาย ก็สื่อถึงความเจริญรุ่งเรือง มีบารมีสูงส่ง และลูกท้อ ผลไม้ทิพย์ในความเชื่อของชาวจีน ก็สื่อถึงการมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง มีอายุยืนยาว ฉะนั้นวัตถุเสริมความมงคลนี้ จึงมีอานุภาพช่วยส่งเสริมให้เจ้าชะตาชาวปีระกามีความสุขสมปรารถนา บุญบารมี มั่งคั่งร่ำรวยเงินทอง สุขภาพแข็งแรง มีอายุยืนยาว หรือจะหาบูชาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย ได้ดังนี้
ปีฉลู (วัว) เสริมดวงเรื่องการเงิน
ปีมะเส็ง (งูเล็ก) เสริมดวงเรื่องการงาน
ปีมะโรง (มังกร) เสริมดวงเรื่องความรัก
"เจ้าแม่ทับทิม" องค์เทพเสริมราศีปีระกา 2555"จี้เจ้าแม่ทับทิม" จี้องค์เทพเสริมราศีปีระกา 2555 และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปกราบสักการะองค์เทพ "เจ้าแม่ทับทิม" หรือถ้าไม่สะดวกที่จะเดินทางไปสามารถเช่าบูชาองค์เทพ "เจ้าแม่ทับทิม" หรือ "จี้เจ้าแม่ทับทิม" ไปกราบสักการะที่บ้านได้ตลอดทั้งปี
12. ปีกุน(หมู) ปีนี้มีแต่ดาวมงคลหลายดวงเปล่งประกายสดใสอยู่ในเรือนชะตา
โดยเฉพาะดาวมหามงคล "หงหลวน" (นกคู่แห่งรัก) และดาวดอกไม้จักรพรรดิ "จื่อเวย" กับดาวคุณธรรมมังกร "หลงเต๋อ" โคจรเข้ามาเปล่งรัศมีสดใสอยู่ในเรือนชะตา ส่งผลให้มีสิ่งมงคลที่น่ายินดีเกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความรักความสัมพันธ์กับผู้อื่นจะพัฒนาก้าวหน้ามีสีสันสดใสนับ เป็นปีแห่งความรักที่หวานชื่นจนน่าอิจฉา หน้าที่การงานประสบความสำเร็จ มีชัยต่ออุปสรรคทั้งปวง จนได้รับการสนับสนุนส่งเสริมให้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง มีอำนาจวาสนา ส่วนผู้ที่ทำธุรกิจการค้าก็จะได้รับความช่วยเหลือค้ำจุนจากผู้คนรอบข้าง โดยเฉพาะจากผู้ใต้บังคับบัญชาจนประสบความสำเร็จ ได้รับผลตอบแทนกำไรอย่างงดงาม แต่เนื่องจากในความโชคดีนั้นก็ยังมีเคราะห์ภัยซ่อนเร้นแอบแฝงอยู่ อันเนื่องจากการแทรกแซงคุกคามของดาวร้ายตัวฉกาจสมญานามว่า ทำลายให้พ่ายแพ้ "เป้าป้าย" ที่โคจรเข้ามาคอยซุ่มดักรอหาโอกาสทำลายให้ท่านต้องพ่ายแพ้ล้มครืนลงทันที
ดังนั้นจึงต้องระวังคู่แข่งปรปักษ์ให้ดี และต้องหมั่นเอาใจใส่เรื่องยอดขายการผลิตอย่าให้ผิดพลาด รวมทั้งเรื่องสัญญาซื้อขายต่าง ๆ ให้ละเอียดรอบคอบ ไม่เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังสดใสอาจล้มครืนเสียหายเกินกว่าจะแก้ไข ธุรกิจก็จะติดขัดหยุดชะงัก ทำให้ถูกคู่แข่งแย่งชิงโอกาสไป และทำให้ท่านต้องเสียท่าพ่ายแพ้ไปอย่างยับเยิน นอกจากนี้ต้องใส่ใจอย่างยิ่งในเรื่องความปลอดภัยต่างๆ ทั้งในบ้านและนอกบ้าน เพราะในเกณฑ์ชะตาบ่งบอกว่าอาจเกิดอันตรายขึ้นได้จากอิทธิพลพลังร้ายของดาว อัปมงคลเทพแห่งหายนะ "หวันสึน" จึงไม่ควรประมาท (อ่านดวงปีกุน 2555 คลิ๊กที่นี่)
วัตถุปีหมูนำโชค 2012 จี้ปีหมูนำโชค 2012
ฉะนั้นหากคิดป้องกันแก้ไข และเสริมส่งให้ดาวมงคลของท่านมีพลังแก่กล้ายิ่งขึ้น เพื่อขจัดอิทธิพลพลังร้ายของดาวอัปมงคลให้สูญสลายหมดสิ้นไป พร้อมทั้งส่งเสริมนำพาให้ความรัก และโชคชะตารุ่งโรจน์สดใส จึงควรจัดตั้ง "วัตถุปีหมูนำโชค 2012" หรือพกพาติดตัว(ติดรถ) "จี้ปีหมูนำโชค 2012" โดยวัตถุเสริมความมงคลสำหรับคนปีกุนในปี 55 นี้ประกอบด้วย "นกคู่แห่งรัก (หงหลวน)" ที่เชื่อกันว่ายามใดที่นกหงหลวนปรากฏขึ้นในเรือนชะตา เจ้าชะตาผู้นั้นก็จะสามารถเก็บเกี่ยวสิ่งดีงามต่างๆ ทั้งเรื่องความรัก และโชคลาภต่าง ๆ ไว้ได้ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้เกิดความรักความสักพันธ์ที่ดีต่อกัน ได้ครองคู่แต่งงาน ในครอบครัวมีบรรยากาศของความปรองดองสมัครสมานสามัคคีกัน จนนำไปสู่ความสำเร็จเจริญก้าวหน้า มีเกียรติยศชื่อเสียง โชคลาภเงินทองจึงหลั่งไหลเข้ามากอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้บนหลังของนกมงคลทั้งคู่ยังมีรูปหัวใจที่เติมเต็มไปด้วยก้อนทอง และดอกไม้ทอง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความรักที่มีหัวใจเดียวกันที่จริงใจมั่นคงไม่พราก จากกัน บนรากฐานของความโชคดี มั่งมีศรีสุขอย่างเพียบพร้อม และเมื่อสิ่งมงคลทั้งหลายเหล่านี้มาประสานรวมพลังสิ่งที่ดีงามต่างๆ เข้าด้วยกัน ก็จะกลายเป็นวัตถุเสริมมงคลที่มีอานุภาพในการเสริมส่งดวงชะตาคนปีกุนในปี 55 ให้มีความรักความสัมพันธ์ที่ดีและมั่นคง มีโชคลาภล้นเหลือ ธุรกิจการงานเจริญก้าวหน้า สุขภาพแข็งแรง มีความสุขตลอดปี หรือจะหาบูชาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย ได้ดังนี้
ปีขาล (เสือ) คบแล้วพารวย หรือมีบุตรเกิดปีนี้จะทำให้พ่อแม่รวยหรือหารูปเสือมาไว้ที่บ้าน ทางทิศตะวันออกจะเสริมดวง
ปีเถาะ (กระต่าย) เสริมดวงเรื่องการเงิน
ปีมะแม (แพะ) เสริมดวงเรื่องความคิด
"องค์ตั่วเหล่าเอี๊ย" องค์เทพเสริมราศีปีกุน 2555 "จี้องค์ตั่วเหล่าเอี๊ย" จี้องค์เทพเสริมราศีปีกุน 2555 และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปกราบสักการะองค์เทพ "ตั่วเหล่าเอี้ย" หรือถ้าไม่สะดวกที่จะเดินทางไปสามารถเช่าบูชาองค์เทพ "ตั่วเหล่าเอี้ย" หรือ "จี้ตั่วเหล่าเอี้ย" ไปกราบสักการะที่บ้านได้ตลอดทั้งปี
ถ้าท่านไม่สามารถไปไหว้เทพเจ้าเสริมดวงชะตาตามที่แนะนำได้ก็ให้ไปไหว้พระ ประธานในวัดหรือเทพเจ้าที่คุณเคารพบูชาที่ศาลเจ้าใดก็ได้ที่อยู่ใกล้บ้านคุณ โดยนำเทพเจ้าที่เสริมดวงชะตาตามปีเกิดของคุณ ไปวางไว้เบื้องหน้าของคุณแล้วอธิฐานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชาดังนี้
ข้าพเจ้าขอกราบบูชา "..........(ชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไปสักการะที่วัดหรือศาลเจ้า)" ขอพระองค์จงช่วยประทานอำนาจบารมีแด่ "....(ชื่อเทพเจ้าที่เสริมดวงชะตาประจำปี 2555 ตามปีเกิดคุณ)" ซึ่งมาสถิตในเรือนชะตาของข้าพเจ้า (ชื่อ....นามสกุล.....วันเดือนปีเกิด....ที่อยู่...) ด้วยความศรัทธายิ่ง ขอได้โปรดประทานพรให้ข้าพเจ้า ปราศจากอุปสรรคแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง พร้อมทั้งประทานความสำเร็จ ความสุขความเจริญ มีสิริมงคล สุขภาพแข็งแรงและโชคดีตลอดปี 2555 นี้ แก่ข้าพเจ้าเทอญ....สาธุ
หากวัดหรือศาลเจ้านั้นมีเทพเจ้าเสริมดวงชะตาตามปีเกิดของคุณก็ให้ไปอธิษฐานขอพรจากองค์เทพนั้นโดยตรงโดยอธิฐาน ดังนี้
ขอกราบบูชา และต้อนรับ "....(ชื่อเทพเจ้าที่เสริมดวงชะตาประจำปี 2555 ตามปีเกิดคุณ)" ซึ่งมาสถิตในเรือนชะตาของข้าพเจ้า (ชื่อ....นามสกุล.....วันเดือนปีเกิด....ที่อยู่...) ด้วยความศรัทธายิ่ง ขอได้โปรดประทานพรให้ข้าพเจ้า ปราศจากอุปสรรค แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง พร้อมทั้งประทานความสำเร็จ ความสุขความเจริญ มีสิริมงคล สุขภาพแข็งแรงและโชคดีตลอดปี 2555 นี้ แก่ข้าพเจ้าเทอญ....สาธุ
ส่วนผู้ที่มีแนวโน้มที่ดวงชะตาชีวิตจะสดใสขึ้นในปี 2555 เพื่อเป็นการเสริมส่งให้ดวงชะตาของท่านพุ่งสุดขีดไม่ถูกบั่นทอนลง และท่านมีเกณฑ์ชงทั้ง 5 ปีที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น (หลังจากที่ท่านไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์ฝากดวงที่วัดจีนเรียบร้อยแล้ว) ให้ท่านทำบุญดังนี้ (ถ้าเป็นได้ให้ทำทั้งปี 2554 และปี 2555 ตลอดทั้งปี)
1. ปล่อยนกปล่อยปลาเท่าอายุ
2. ทำบุญสังฆทานทุก 2 เดือน
3. ถือศีล กินเจ ทุกเดือน (เดือนละกี่วันก็ได้ตามสะดวก)
4. ทำบุญซื้อโลงศพ
5. นั่งสมาธิหมั่นทำบุญตักบาตร
6. ไหว้พระ 9 วัด
7. ร่วมทำบุญซื้อวัวควาย
ไหว้พระ 9 วัด เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล (ถ้าเป็นไปได้ให้ไปช่วงปีใหม่ หรือตรุษจีนหลังจากไปทำพิธีที่วัดจีนเสร็จแล้ว)
1. ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร (เวลาเปิด-ปิด 05.30 - 19.30 น.)
ไปสักการะ "เทพารักษ์ทั้ง 5" คือ พระเสื้อเมือง, พระทรงเมือง, พระกาฬไชยศรี, เจ้าพ่อเจตคุปต์, เจ้าพ่อหอกลอง เพื่อ "ตัดเคราะห์ ต่อชะตา เสริมวาสนาบารมี" ไหว้ เสาหลักเมืององค์จำลอง ด้วยธูป 3 ดอก เทียน 1 เล่ม ผ้าแพร 3 สี ดอกบัว และไหว้องค์จริงด้วยพวงมาลัย
สถานที่ตั้ง อยู่บริเวณหัวมุมสวนหลวง ข้างพระบรมมหาราชวัง ถนนหลักเมือง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 39, 43, 44, 47, 53, 64, 80, 82, 91,201, 203 รถปรับอากาศ สาย 503,508, 512
2. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (เวลาเปิด-ปิด 08.30 - 16.00 น.)
ไหว้พระแก้วมรกต พระพุทธรูปสำคัญในภูมิภาคเอเชีย เป็นศูนย์กลางความศรัทธาไทย - ลาว เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระแก้วมรกต แก้วแหวน เงินทองไหลมาเทมาตลอดปี" ด้วยธูป เทียน ดอกบัวคู่
สถานที่ตั้ง อยู่ในพระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 39, 43, 44, 53, 59, 64, 80, 82,91,201, 203 รถปรับอากาศ สาย 501, 503, 508, 512
3. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)
นมัสการพระพุทธไสยาสน์อันศักดิ์สิทธิ์ (ที่ฝ่าพระบาททั้งสองข้างประดับมุก ลวดลายภาพมงคล 108 ประการ) เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระนอนวัดโพธิ์ ร่มเย็นเป็นสุข อยู่ดีกินดีตลอดปี" ด้วยธูป 9 ดอก เทียนแดงคู่ ทองคำเปลว 11 แผ่น
สถานที่ตั้ง หลังพระบรมมหาราชวัง ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 6, 9, 12, 25, 43, 44, 47, 53, 60, 82, 91, 123,รถปรับอากาศ สาย 501, 508
4. ศาลเจ้าพ่อเสือ (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)
ไป สักการะ เจ้าพ่อเสือ เจ้าพ่อกวนอู เจ้าแม่ทับทิม ฯลฯ เพื่อเสริม "อำนาจบารมี" ด้วยธูป 18 ดอก ปัก 6 กระถาง เทียนแดง 1 คู่ พวงมาลัย 1 พวง "ศาลเจ้าเก่าแก่ของลัทธิเต๋า" หนึ่งในสามมหาสถานของพระนครที่ชาวจีนต้องสักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล "เสริมอำนาจบารมี"
สถานที่ตั้ง ถนนตะนาว แขวงเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 10, 12, 19, 35, 42, 56, 96
5. วัดสุทัศน์เทพวราราม (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)
ไหว้พระองค์ประธาน (พระศรีศากยมุณี) ที่เก่าแก่ ซึ่งอดีตเคยประดิษฐานอยู่ที่วิหารหลวงวัดมหาธาตุของกรุงสุโขทัย เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระวัดสุทัศนฯ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีเสน่ห์แก่บุคคลทั่วไป" ด้วยธูป 3 ดอก เทียน 2 เล่ม ดอกบัวหรือพวงมาลัย
สถานที่ตั้ง บริเวณเสาชิงช้า ตรงข้ามศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 10, 12
6. วัดชนะสงคราม (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)
ต้องไปสักการะ "พระประธาน" ในพระอุโบสถ และ "สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (บุญมา)" ผู้นับถือความซื่อสัตย์ ด้วย ธูป 5 ดอก เทียน 1 เล่ม ดอกบัว 1 ดอก มีความเชื่อว่า "จะมีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง" "ไหว้พระวัดชนะสงคราม อุปสรรคร้ายพ่ายแพ้"
สถานที่ตั้ง ถนนจักรพงษ์ แขวงบางลำพู เขตพระนคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 3, 6, 9, 15, 30, 32, 33, 43, 53, 64, 65, 82, 123 รถปรับอากาศ สาย ปอ. 6, 509
7. วัดระฆังโฆษิตาราม (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)
สักการะสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และพระประธานที่วัดระฆัง อ่านคาถาชินบัญชร เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระวัดระฆัง มีชื่อเสียงโด่งดังตลอดปี" ด้วยธูป 3 ดอก เทียนคู่ ทองคำเปลว 3 แผ่น หมากพลู
สถานที่ตั้ง ถนนอรุณอัมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย
การเดินทาง เดิน ทางโดยรถประจำทาง สาย 19, 57, 83 ท่าเรือ เรือด่วนเจ้าพระยา ลงท่ารถไฟหรือท่าวังหลังก็ได้ หรือลงเรือข้ามฟากจากท่าช้างไปท่าวัดระฆัง
8. วัดอรุณราชวราราม (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)
ไหว้พระปรางค์วัดอรุณฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระวัดอรุณ ชีวิตโรจน์รุ่ง ทุกวันคืน" ต้องไปสักการะ "พระประธาน" ด้วยธูป 3 ดอก เทียนคู่ และต้องไปเดินทักษิณาวัตรรอบ "พระปรางค์" อีก 3 รอบ เพื่อ "ชีวิตรุ่งโรจน์"
สถานที่ตั้ง ข้างกองทัพเรือ ถนนอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทางสาย 19, 57, 83 ทางเรือ ลงเรือข้ามฟากที่ท่าเตียนขึ้นที่ท่าวัดอรุณ
9. วัดกัลยาณมิตร (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)
ไหว้หลวงพ่อซำปอกง (พระพุทธไตรรัตนนายก) พระโตริมน้ำตามตำนาน กรุงศรีอยุธยา ณ วัดกัลยาณมิตร เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้หลวงพ่อซำปอกง โชคดีมีชัยปลอดภัยตลอดปี" ด้วยธูป 3 ดอก เทียนแดงคู่
สถานที่ตั้ง แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี
การเดินทาง โดย รถประจำทาง สาย 3, 4, 7, 7ก, 9, 21, 37, 56, 82 รถปรับอากาศ สาย ปอ. 7, 21, 82 (นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างจากโรงเรียนศึกษานารี เข้ามาที่วัดเพราะรถ ประจำทางเข้าไม่ถึง) ทางเรือ ลงเรือข้ามฟากที่ท่าปากคลองตลาดขึ้นท่าวัดกัลยาณมิตร เพื่อความสะดวกควรเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง หรือบริการขนส่งสาธารณะ เนื่องจากสถานที่จอดรถมีจำกัดมาก
บางคนเคร่งครัดจัดถึงขนาดที่จะต้องไปสักการะให้ครบทั้ง 9 แห่งในวันเดียว !!!
การได้ไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนั้นไม่จำเป็นต้องไปในวัน พิเศษทางศาสนาเท่านั้น หากสามารถไปนมัสการได้ทุกเมื่อ ซึ่งการไปนมัสการนี้ ไม่เพียงจะก่อให้เกิดความสบายใจเท่านั้น หากยังเป็นกุศโลบายที่สร้างความเชื่อมั่นในการพาชีวิตก้าวเดินต่อไปในอนาคต ด้วยสัญญาใจที่ให้ไว้กับตัวเอง และถ้าไม่มุ่งมั่นในการโกย "มงคล" เกินไป เวลานั้นน่าจะเป็นเวลาทองที่ได้ซึมซับความสงบสุข ความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ได้อีกด้วย
13 พ.ย. 2554
Social Media Etiquette มารยาทในโลกออนไลน์
ไม่ว่าสังคมไหน ๆ เราก็ต้องมีกฎกติกามารยาท ตั้งแต่เด็กจนโต คนไทยเคยชินกับคำว่ามารยาทมากพอสมควร จนมาถึงในยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่ทุกคนบนโลกมาอยู่ร่วมกันบนอินเทอร์เน็ต ก็ยิ่งจำเป็นต้องมีมารยาทในการเล่นเว็บฯ เหล่านี้เช่นกัน
มารยาทในที่นี้แบ่งออกเป็น 2 สถานะคือ เป็นเจ้าของแบรนด์และเป็นผู้ใช้งาน โดยลักษณะในการสื่อสารก็จะแตกต่างกัน
ในฐานะผู้ใช้
อย่าเปิดเผยข้อมูลของตัวเองมากเกินไปนัก ไม่ต้องบอกให้รู้ว่าบ้านเลขที่เท่าไร ทำงานอะไร เงินเดือนเท่าไร บอกในสิ่งที่พอจะบอกได้ว่าคุณมีตัวตนจริง ๆ ก็พอ ถ้ารู้ตัวว่าชีวิตมีด้านมืดที่เพื่อนร่วมงานอาจไม่อิน แนะนำให้เปิดอีกชื่อหนึ่ง บอกให้เพื่อนร่วมงานและเจ้านายรู้ เพื่อแยกเรื่องส่วนตัวออกจากเรื่องงาน
ถ้าเราเข้าไปตีสนิทกับคนแปลกหน้าทางออนไลน์รวดเร็วเกินไป อาจทำให้เขาหวาดระแวงว่าคุณจะเป็นมิจฉาชีพ หรือชักชวนไปขายตรง (โดยที่คุณไม่เต็มใจ) ในทำนองเดียวกัน ถ้ามีเพื่อนใหม่อยากตีสนิทกับคุณเร็วเกินไป ก็ต้องระวังว่าจุดประสงค์คือ อยากมีเพื่อนใหม่จริงๆ หรือมาขอยืมเงิน
ใช้รูปจริงเป็นอวาตาร์ย่อมหาความจริงใจได้มากกว่ารูปอื่น ๆ บางครั้งเราอาจไม่ตอบรับเป็นเพื่อนกับบางคนที่ไม่เห็นหน้า เพราะมีแค่รูปการ์ตูนตัวโปรดของคุณ ใช่ค่ะ...เวลาที่เรามีกระแสอะไรที่ทำตามกันในโซเชียล เราก็ควรร่วมสนุก แต่ไม่ควรใช้อวาตาร์รูปคุณตอนเด็ก ที่เขาแห่เล่นกันตอนวันเด็กแห่งชาติ เมื่อ 8 เดือนที่แล้วอาจนานเกินไป ถ้าเป็นไปได้ ควรใช้รูปที่มีคุณอยู่คนเดียว เพราะบางที เพื่อนคุณอาจจำไม่ได้ว่า คนไหนเพื่อนเรา
อีกประเภทคือ ตัดเอาหน้าตัวเองจากรูปหมู่มาเป็นอวาตาร์ จุดนี้เพื่อนคุณหรือแฟนที่ถ่ายคู่กับคุณอาจจะงอนก็ได้นะ ขนาดของรูปก็ตัดให้พอดีกับหน้า ไม่ใช่ว่ารูปอวาตาร์มองไม่เห็นว่าคนนั้นคือใคร แต่เห็นคนทั้งตัวราง ๆ
ไม่ควรกดส่งคำร้องขอ (Request) ให้เพื่อนมาเล่นเกม หรือแอพฯ กับคุณมากเกินไป เพื่อนคุณอาจ Unfriend คุณเพราะรำคาญ Request เหล่านี้
ถ้าคนที่คุณกดเพิ่มเพื่อนไปเขาไม่ตอบรับคำขอของคุณ ก็อย่าโมโหโวยวาย เขาอาจมีเหตุผลส่วนตัว เช่น แอ็คเคานต์นี้ไม่เปิดรับเพื่อน หรือเขาสมัครไว้อ่านแต่ไม่เล่นอย่างอื่นก็มี
อย่าเอาทุกอย่างไปใส่มาก ถึงลบไปแล้ว ก็ยังกู้กลับมาได้ใหม่ เพราะฉะนั้นคิดให้ดีก่อนเขียนอะไรลงไป อย่าคิดว่าแค่ลบคนจะจำไม่ได้ เดี๋ยวนี้คนเก่งคอมฯ มีเยอะแยะ และเร็วพอที่จะถ่ายหน้าจอไว้ทันนะจ๊ะ
อย่าอินกับสิ่งที่มองไม่เห็น ปิดคอมฯ แล้วก็จบ อย่าเก็บเอาไปคิด โลกนี้ไม่ได้มีแค่อินเทอร์เน็ตกับเฟซบุ๊ก เอาเวลาออกไปใช้ชีวิตจริงบ้าง
เวลาเราไปตามใครในทวิตเตอร์ อาจบอกเหตุผลว่าที่ตามเพราะอะไร เนื้อหาที่เขาโพสต์นั้นทำให้คุณชื่นชอบ เพื่อให้เขารู้สึกว่าเขามีคนชื่นชม แต่เวลาจะ Unfollow ก็ไม่ต้องบอกเหตุผลก็ได้ ทำเงียบ ๆ ไม่ให้เสียอารมณ์ดีกว่า เชื่อว่าทุกคนคงมีเหตุผล อาจจะเลิกตามเพราะทวีตมากเกินไป เนื้อหาไม่น่าสนใจ หรือไม่ค่อยอัพเดตเท่าที่ควร หลายคนบอกว่ารับได้กับคำวิจารณ์และการเลิกรา แต่ร้อยละ 90 คงเสียความมั่นใจอยู่ไม่ใช่น้อย ที่อยู่ ๆ คนที่ตามคุณก็ไม่อยากตามคุณแล้ว
อย่าคาดหวังให้ดารา หรือเซเลบคนดัง (Celebrity) มาสนใจคุณ เขาอาจมีหน้าที่ที่ต้องทำอีกมากมาย เกินกว่าจะมาตอบคำถามของคุณ ยกเว้นเสียแต่ว่าเป็นช่วง เวลานาทีทอง คนดังบอกว่า อยากตอบคำถามแฟนคลับ คุณก็ต้องรีบฉกฉวยโอกาสนี้ คนดังเองก็ต้องตอบประชาชนบ้าง เพื่อสร้างความสัมพันธ์และเข้าถึงประชาชน คงจะทำให้แฟนคลับเพิ่มขึ้นอีกมาก ที่รู้ว่าดาราหรือเซเลบของเขามองเห็นตัวตน
ถ้าไม่อยากให้ใครมาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว ก็เซ็ต Privacy ไว้ ทั้งใน Facebook และ Twitter
เครดิตเป็นสิ่งสำคัญ เวลาเรานำข้อความของใครมา อย่าลืมให้เครดิตหรืออ้างอิง และเวลาที่มีคนมารีทวีต หรือแชร์เนื้อหาที่คุณเขียน ก็อย่าลืมขอบคุณ (ถ้าคุณมีเวลา)
หัดให้มากกว่ารับ ถ้าเจอข้อความหรือบทความที่ดี โดนใจ และเป็นประโยชน์ เสียเวลาไปกดปุ่มคลิกสักนิด เพื่อทำให้เรื่องราวนั้นได้ไปสู่วงกว้างขึ้น เพื่อนของเราจะได้รู้ในสิ่งที่มีประโยชน์ บล็อกเกอร์บางคนเคยตัดพ้อว่า อุตส่าห์เขียนบล็อกมาตั้งยาว และตั้งใจค้นคว้าหาเนื้อหามาเขียน แต่ไม่มีคนคอมเมนต์หรือกดแชร์ก็รู้สึกท้อใจบ้างเหมือนกัน ดังนั้น ถ้าใครเขียนดี อย่าลืมแวะมาทิ้งความเห็นที่บอกให้เขารู้บ้าง และในทางกลับกัน ถ้าคุณไม่เห็นด้วย ก็ควรบอกให้เขารู้ด้วยการเขียนคอมเมนต์ไปตอบเขาเพื่อแลกเปลี่ยน ความคิดกันในเชิงสร้างสรรค์ค่ะ
ในฐานะเจ้าของแบรนด์
แบรนด์ในโลกของโซเชียลก็เหมือนเป็นบุคคลคนหนึ่งที่จับต้องได้ เข้าถึงได้ และมีชีวิตจริง ๆ ซึ่งบุคลิกภาพนั้นก็ต้องสอดคล้องกับแบรนด์ ในทุกๆ กิจกรรมที่ทำด้วย ไม่ว่าจะโพสต์ข้อความ รูปภาพ หรือเนื้อหาอื่น ๆ ต้องมี Tone of Voice ที่สะท้อนความเป็นแบรนด์ ระวังวิธีการสื่อสารให้สอดคล้องกับบุคลิกภาพของแบรนด์ด้วย
ตอนนี้มีบริษัทสื่อออนไลน์มากมายหันมาจับอาชีพทางด้านการบริหารโซเชียลมีเดีย แต่ประเด็นสำคัญ นอกจากความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคแล้ว การใช้คำพูดและการจัดการปัญหาก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาควบคู่กัน
บางแฟนเพจละเลยการให้ความสำคัญกับวิธีการใช้คำพูดซึ่งไม่สื่อตัวตน บุคลิกภาพของแบรนด์ออกมาหรือใช้ภาษาที่ไม่ถูกต้องตามหลักภาษา จึงอาจทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้อยลงไปเลยก็มี
มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด
หากมีแฟนเพจเข้ามาสอบถาม หรือพยายามก่อกวนในลักษณะชวนทะเลาะ ทางแบรนด์ไม่ควรตอบโต้ด้วยอารมณ์ ควรชี้แจงด้วยเหตุผลเท่าที่ให้ได้ เพราะบางเรื่องค่อนข้างอ่อนไหว แต่หากแฟนท่านนั้นยังไม่หยุด เราก็ควรปล่อยไป บางครั้งแฟนท่านอื่น ๆ ก็จะช่วยเราในการจัดการเอง แต่ไม่ควรลบความเห็นของคนที่ก่อเรื่องและคนที่เถียง เพราะยิ่งลบก็เหมือนยิ่งสาดน้ำมันเข้ากองไฟ เรื่องจะลุกลามใหญ่โต เป็นดราม่าโดยไม่จำเป็น และไม่ควรกล่าวถึงคู่แข่งในทางที่ไม่ดี ถ้าไม่กล่าวถึงเลยจะดีกว่า
ไม่มากไม่บ่อยแต่ไม่หาย
อย่าอัพเดตบ่อยเกินไป ควรมีช่วงให้คนได้ร่วมสนุกบ้าง วันหนึ่งไม่ควรโพสต์เกิน 2 ครั้ง และช่วงเวลาที่คนเล่นเฟซบุ๊กมากที่สุดก็คือ 10 .00 น. และ 15.00 น. ส่วนวันที่มีผู้เล่นใช้งานมากที่สุดก็คือ วันจันทร์ เพราะฉะนั้น หากมีเรื่องสำคัญที่ต้องการให้มี Impression มาก ๆ ก็ควรเลือกช่วงเวลาในการโพสต์ให้ดี
เราสามารถศึกษาความเคลื่อนไหวของแฟนเพจเราได้จากแถบ Insight ที่จะมีกราฟวิเคราะห์ช่วงเวลาและจำนวนการโพสต์ที่ได้รับความนิยม ซึ่งแต่ละเพจจะมีความแตกต่างกันไป เราก็ใช้ข้อมูลที่ได้มาใช้งานสำหรับความถี่ และเวลาในการโพสต์
หาเนื้อหาที่แปลกใหม่บ้าง
จุดประสงค์ของการสร้างแฟนเพจก็คือ บอกกล่าวเรื่องของเราให้แฟนรู้ แต่เราก็ควรสอดแทรกเรื่องที่เป็นประโยชน์ที่ลูกค้าควรรู้ไว้บ้าง ว่ากันว่าสัดส่วนของการแชร์กับการโปรโมตเรื่องของแบรนด์อยู่ที่ 3-4 โพสต์ต่อ 1 เรื่อง เรื่องโปรโมตที่ว่าก็คือ การขายของหรือขายสินค้าของแบรนด์เรา การแชร์เนื้อหาที่เป็นประโยชน์จะทำให้แฟนรู้สึกว่าเราไม่ขายของโจ่งแจ้งเกินไป แล้วเราก็ต้องดูว่าแฟน ๆ ของเรามีอะไรมาแชร์ร่วมกับเราหรือไม่
และควรมีลักษณะของการโพสต์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ตั้งสถานะเป็นข้อความ โพสต์รูป โพสต์ลิงก์ อัพวิดีโอ หรือสร้างโพลให้คนเข้ามาตอบ ถ้าเราใช้แต่วิธีการโพสต์ลิงก์มากเกินไปก็จะน่าเบื่อ โดยเฉพาะบางเพจที่มักนำเอาเนื้อหาในเว็บไซต์มาลงแล้วให้คนคลิกเข้าไป จากการสำรวจพบว่า คนที่คลิกลิงก์ประเภทนี้มีน้อย แทนที่จะช่วยดึงคนให้เข้าไปเว็บไซต์ทางการของแบรนด์ กลับยิ่งทำให้แฟนๆ รู้สึกเบื่อ
ควรใช้เนื้อหาจากเว็บไซต์ทางการของบริษัทให้น้อยที่สุด เพราะข้อมูลบางอย่าง ไม่ต้องเป็นแฟนเพจก็เข้าเว็บฯ ไปอ่านได้เองอยู่แล้ว และควรใช้เนื้อหาที่สร้างขึ้นเอง ไม่ใช่เอามาจากเว็บไซต์
สร้างช่องว่างเล็กน้อยระหว่างแอดมินและแฟน ๆ
ไม่จำเป็นต้องตอบทุกคำถามในหน้า Wall ควรเลือกตอบแต่คำถามที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวมและไม่ดูเป็นการตอบแบบตัวต่อตัวเกินไป และไม่ต้องเขียนคำว่า ขอบคุณ หรือสวัสดี ตลอดทุกข้อความ เพราะจะดูน่าเบื่อเหมือนเป็นหุ่นยนต์ตั้งโปรแกรมให้มาตอบ
ภาษาพาจน
ต้องระวังการใช้ภาษา เพราะคนที่ดูแลเปรียบเหมือนเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์ที่คนภายนอกจะมองมา ถ้าสะกดคำผิด หรือเขียนผิดไวยากรณ์ จะทำให้ลูกค้าของเรารู้สึกไม่ดี เราอาจต้องใช้ตัวช่วย เช่น
ตัวช่วยสะกดคำในโปรแกรม Words หรือให้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดูให้ก่อนที่จะโพสต์ลงไป บางเพจต้องเป็นผู้ชายแต่แอดมินเป็นผู้หญิง แล้วเป็นเป็นผู้หญิงแบบไหนก็ต้องศึกษาวิธีการเขียนให้เข้าถึงตัวตน ที่สำคัญ คำท้ายประโยค เช่น ครับ ค่ะ นะคะ น่ะค่ะ ต้องใช้ให้ถูกต้อง
พยายามใช้ภาษาสแลงให้น้อยที่สุด เพราะยิ่งมีคำสะกดผิดหรือสแลงก็ยิ่งแสดงถึงความไม่เป็นมืออาชีพของคน ทำแฟนเพจที่ถือว่าเป็นสื่ออีกชนิดหนึ่งในยุคนี้
เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับทวิตเตอร์
เวลาทวีตให้คนที่ติดตามเราตอบ ก็อย่าลืมเว้นที่ไว้ให้เขาตอบบ้าง
เราจะทวีตทุกนาทีที่ AF ร้องเพลงคล้ายการรายงานสดก็ได้ แต่ต้องทำใจไว้เสมอว่า บางคนก็รำคาญคนที่ทวีตเยอะไปได้เหมือนกัน
การโปรโมต ก็ทำให้พอเหมาะพอดี ไม่น่ารำคาญ
การส่งข้อความส่วนตัว หรือข้อความใน Inbox เพื่อโปรโมตนั้น สร้างความรำคาญและหงุดหงิดให้มากกว่าการมาฝากแชร์ในหน้า Wall เสียอีก ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย อย่าใช้วิธีนี้เพื่อเรียกเสียงโหวต หรือเรียกการกดไลค์ เพราะมันไม่เวิร์กและดูไม่เป็นมืออาชีพ ดีไม่ดีก็ส่งผลเสียต่อแบรนด์มากกว่าเดิม
เชื่อว่าหลาย ๆ ข้อ นักท่องโลกออนไลน์ก็คงยึดเป็นมารยาทอันพึงปฏิบัติอยู่แล้ว แต่สำหรับบางข้อ ก็น่าจะลองเอาไปปรับใช้กับชีวิตส่วนตัวและแบรนด์ที่ดูแลอยู่ เพื่อให้เกิดสังคมที่ดีทั้งออนไลน์และออฟไลน์กันนะคะ
12 สาเหตุอาการเครียด ที่คุณอาจคาดไม่ถึง
ปัจจุบันความเครียดดูจะเป็นปัญหาใกล้ตัวคนในยุคนี้เหลือเกิน สาเหตุหลักของความเครียดเกิดจากหลายประการ เช่น น้ำท่วม ตกงาน สภาพบอบช้ำทางจิตใจ ความเศร้าโศก ฯลฯ แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ คนที่มีอาการเครียดโดยไม่ได้เกิดจากปัจจัยเหล่านี้ บางทีเรื่องเล็ก ๆ ก็กลับกลายเป็นสาเหตุของอาการเครียดได้โดยที่เราคาดไม่ถึง ถ้าอย่างนั้นลองมาดูกันว่า สาเหตุของอาการเครียดที่เราคาดไม่ถึงนั้นมีอะไรบ้าง
1. ความเปลี่ยนแปลงในช่วงรอยต่อระหว่างฤดู
อาการเครียดในช่วงรอยต่อระหว่างฤดูอาจพบเห็นได้ไม่มากนักในประเทศไทย ซึ่งเวลาในแต่ละฤดูไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่ในประเทศแถบยุโรป ที่มีความแตกต่างระหว่างฤดูอย่างชัดเจน ช่วงรอยต่อการเปลี่ยนผ่านจากฤดูกาลหนึ่งสู่ฤดูกาลใหม่ สามารถทำให้เกิดความเครียดได้ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถปรับตัวตัวเข้าสู่เวลาของฤดูกาลใหม่ได้ทัน อย่างในฤดูหนาวที่กลางคืนยาวขึ้น และกลางวันหดสั้นลง แทนที่ร่างกายจะตื่นมาอย่างสดชื่นพร้อมกับอาทิตย์รุ่งอรุณ กลับต้องตื่นขึ้นมาเจอกับความมืดสลัวที่ไม่คุ้นเคยอย่างที่ผ่านมา ซึ่งในสภาพเช่นนี้จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและเครียดได้
2. การสูบบุหรี่
สารนิโคตินในบุหรี่ ออกฤทธิ์รบกวนการทำงานของสารเคมีในสมองอย่าง โดปามีน และ เซโรโทนิน ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท และยังมีหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการทำงานของยารักษาอาการซึมเศร้า (antidepressant drugs) ด้วย เมื่อสารทั้งสองตัวนี้ถูกรบกวน จึงทำให้เกิดอาการหงุดหงิด ไปจนถึงซึมเศร้า ซึ่งนี่เป็นคำอธิบายด้วยว่า ทำไมผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงถอนยา หรือหย่าบุหรี่ จึงมีอาการเครียด เพราะฉะนั้นเพื่อรักษาสมดุุลของสารเคมีในสมอง หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ตั้งแต่ต้นจะดีที่สุด
3. โรคไทรอยด์
ฮอร์โมนไทรอยด์ซึ่งผลิตจากต่อมไทรอยด์มีหน้าที่หลายหลาก ทั้งทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท และรักษาระดับสารสื่อประสาทเซโรโทนินให้อยู่ในภาวะปกติ ผู้ป่วยโรคไทรอยด์ที่ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ได้ตามปกติ จะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า "ไฮโปไทโรดิซึ่ม" (hypothyroidism) เมื่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ผิดเพี้ยนไปจากเดิม จึงไม่สามารถทำตัวเป็นสารสื่อประสาทได้อย่างเคย รวมถึงทำให้สารเซโรโทนินเสียสมดุลไปด้วย ก่อให้เกิดอาการเครียดได้นั่นเอง
4. นอนน้อย
การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ นอกจากจะทำให้รู้สึกหงุดหงิดได้ง่ายแล้ว ยังเป็นสาเหตุให้เกิดอาการเครียดด้วย มีผลการทดลองหนึ่งจากปี 2007 พบว่า เมื่อให้คนสุขภาพดีแต่นอนน้อย มาดูภาพที่ชวนหดหู่ สมองของคนกลุ่มนี้จะทำงานหนักกว่า คนสุขภาพดีที่พักผ่อนอย่างเต็มที่ แล้วถูกทดสอบด้วยประการเดียวกัน ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นกับคนกลุ่มนอนน้อย เป็นอาการเดียวกับที่ปรากฏในผู้ป่วยที่เป็นโรคเครียด เพราะเมื่อนอนหลับไม่เพียงพอ สมองจึงไม่ได้รับการซ่อมแซมฟื้นฟู ทำให้การทำงานของสมองบางส่วนบกพร่องไป อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่ความรู้สึกเครียดนั่นเอง
5. ติดเฟซบุ๊ก
สิ่งนี้ดูจะเป็นอาการทั่วไปของคนในยุคปัจจุบันเสียแล้ว นอกจากเฟซบุ๊ก ยังหมายรวมถึงโปรแกรมแชทต่าง ๆ รวมทั้งโซเชียลเน็ตเวิร์กอื่น ๆ ด้วย ซึ่งการใช้เวลามากเกินไปบนโลกออนไลน์นี้ ทำให้เกิดอาการเครียดตามมาได้ มีผลการศึกษาในปี 2010 กล่าวว่า ร้อยละ 1.2 ของคนอายุระหว่าง 16-51 ปี ในอเมริกา ใช้เวลากับโลกอินเทอร์เน็ตมากเกินไป และมีแนวโน้มว่าจะเกิดอาการเครียดได้ง่าย ตั้งแต่ระดับปานกลางจนถึงรุนแรง แต่อย่างไรก็ตามผลการวิจัยนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า การผูกติดกับโลกอินเทอร์เน็ตมากเกินไปทำให้เกิดอาการเครียด หรือ คนที่มีอาการเครียดง่ายเป็นทุนเดิม มักมีแนวโน้มยึดติดกับโลกออนไลน์มากกว่าคนทั่วไปกันแน่
6. โปรแกรมโปรดฉายจบ
เมื่อสิ่งที่ชื่นชอบและรอคอย เดินทางมาถึงตอนจบ ก็ทำให้อดใจหายไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นละคร ซีรี่ย์ หรือ ภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ และการจบลงของโปรแกรมเหล่านี้ ยังให้เกิดอาการเครียดขึ้นได้ เพราะผู้ชมมักนำตัวเองไปผูกติดกับเรื่องราวที่ดำเนินไป แต่โลกความจริงนั้นไม่เหมือนกับในละคร ทำให้เกิดความผิดหวัง ซึมเศร้า และ เครียด ตามมาได้
7. แหล่งที่พักอาศัย
ประเด็นเรื่องการเลือกทำเลตั้งถิ่นฐานยังหยิบขึ้นมาถกกันได้บ่อย ๆ เพื่อหาข้อสรุปว่า การมีบ้านอยู่ในเมืองกับนอกเมืองนั้นแบบไหนดีกว่ากัน อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาหนึ่งในปี 2011 จากวารสาร Nature บอกว่า ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่มีความเสี่ยงที่จะประสบอาการเครียด มากกว่าคนที่อาศัยอยู่นอกเมืองถึงร้อยละ 39 เนื่องจากคนเมืองมีกิจกรรมให้ทำเยอะกว่า ซึ่งหมายถึงสมองต้องทำงานหนักกว่า และ มีโอกาสพบเรื่องที่ต้องให้เครียดจากกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านั้นเยอะกว่านั่นเอง
8. ตัวเลือกการบริโภคที่หลากหลาย
สินค้าประเภทเดียวกันที่มีอยู่มากมายหลายยี่ห้อในตลาด เป็นปัจจัยแฝงอย่างหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเครียดขึ้นกับผู้บริโภคได้ ผู้บริโภคที่สามารถเลือกสินค้าที่ตรงกับความต้องการได้โดยไม่มีความลังเล จะรอดพ้นจากความเครียดนี้ ส่วนรายที่ชอบทดสอบ เลือกเฟ้น ค้นหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี และคุ้มค่ามากที่สุด จะกลายเป็นเหยื่อความเครียดโดยไม่รู้ตัว
9. ไม่ทานปลา
ผลการศึกษาหนึ่งจากประเทศฟินแลนด์ ในปี 2004 พบว่าการขาดกรดไขมันโอเมก้า 3 อันพบมากในปลาแซลมอนและน้ำมันพืช ทำให้ผู้หญิงมีแนวโน้มเกิดอาการเครียดได้ง่าย อย่างไรก็ตามเรื่องนี้กลับไม่ส่งผลกระทบใดกับผู้ชาย คำอธิบายที่พอเชื่อถือได้กล่าวว่า เพราะกรดไขมันดังกล่าว ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยในการรักษาระดับสมดุลของสารสื่อประสาทเซโรโทนิน ซึ่งหากสารนี้อยู่ในภาวะไม่เหมาะสมก็จะทำให้เกิดอาการเครียดได้
10. เติบโตอย่างโดดเดี่ยวห่างไกลลูกพี่ลูกน้อง
แม้การมีครอบครัวขยาย หรือการอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ จะก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่น หรือความขัดแย้งและความเครียดได้ง่ายกว่าการอยู่แบบครัวเดี่ยว การอยู่แบบสบายตัว ไม่มีความสัมพันธ์ผูกพันให้ยุ่งยากจึงน่าจะฟังดูดีกว่า แต่ความจริงแล้วการเติบโตอย่างโดดเดี่ยวไร้การปฏิสัมพันธ์กับญาติ ๆ หรือลูกพี่ลูกน้องในรุ่นราวคราวเดียวกัน กลับทำให้เด็กรายนั้นมีโอกาสเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบภาวะเครียดง่ายได้ในภายหลัง ซึ่งสาเหตุเบื้องหลังเกิดจาก การขาดทักษะการสื่อสารและการเข้าสังคม แต่อย่างไรก็ดี การเติบโตขึ้นมาท่ามกลางการทะเลาะวิวาทระหว่างพี่น้อง ก็ทำให้เกิดความเครียดได้เช่นกัน
11. ยาคุมกำเนิด
ฮอร์โมนโปรเจสเทอโรนแบบสังเคราะห์ที่มีอยู่ในยาเม็ดคุมกำเนิด ก่อให้เกิดผลข้างเคียงในผู้หญิงบางรายได้ โดยจะทำให้มีอาการเครียด ไปจนถึงซึมเศร้า ยิ่งในรายที่มีประวัติเครียดง่ายอยู่แล้ว ก็จะปรากฏอาการนี้ได้ง่ายขึ้นในขณะที่พวกเธอใช้ยาคุมกำเนิดด้วย
12. ยาชนิดอื่น ๆ
อาการเครียดและภาวะซึมเศร้าอาจมาจากผลข้างเคียงของการใช้ยาบางประเภท เช่น แอคคิวเทน หรือยาในตระกูลไอโซเตรติโนอิน (isotretinoin) ซึ่งเป็นที่รู้จักจากสรรพคุณช่วยรักษาสิว, ยากล่อมประสาท รักษาอาการวิตกกังวล นอนไม่หลับ อย่าง วาเลียม (Valium), ซาแน็ก (Xanax) หรือแม้แต่ยาที่จ่ายให้กับหญิงวัยทอง อย่าง พรีมาริน(Premarin) ก็ทำให้เกิดอาการเครียด ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยานั่นเอง
สาเหตุของอาการเครียดอยู่ใกล้ตัวกว่าที่เราคิดมาก เพราะฉะนั้น อย่าลืมที่จะอยู่อย่างรู้เท่าทันปัจจัยที่ก่อให้เกิดอาการเครียด และเอาใจใส่ภาวะจิตใจให้แข็งแรงอยู่เสมอนะคะ