19 เม.ย. 2555

เข้าใจดีไหม เรื่อง แรงม้า และแรงบิด ... (เครื่องยนต์ตอนที่ 1)

ห่างหายกันไปนานมากสำหรับคอลัมน์หมัดเด็ดของเรา Sanook! Auto Advance หลังค่ายรถยนต์ต่างยกพลมาถล่มเราด้วยรถยนตืใหม่มากหน้าหลายตา จนวิ่งข่าวขาขวิดไม่เว้นกันแต่ละวัน ก็ได้แต่วิ่งวอนให้เจ้านายเห็นใจบ้าง

รถยนต์ที่ออกมาใหม่ ทำให้หลายคนอาจจะสนใจอย่าง โดยเฉพาะรถยนต์อีโค่คาร์ ซึ่งออกมาตอบโจทย์เพิ่มมากขึ้นหลายรุ่นหลายยี่ห้อ แต่เมื่อพูดถึงรถยนต์เล็กหลายคนก้มักจะนึกถึงเดรื่องยนต์จุ๋มจิ๋มเล็กน่ารักขับแล้วประหยัดดี แต่ความจริงขนาดของเครื่องยนต์ไม่ได้บอกทุกสิ่งอย่างว่ามันจะขับดีหรือไม่ แต่ยังมี 2 ปัจจัยสำคัญ ที่เรามักเขียนและกล่าวถึงเป็นประจำ กับแรงม้าและแรงบิด แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าอย่างแท้จริง



"แรงม้า" เรื่องอุปโลกทางอุตสาหกรรม กับสมรรถนะความเร็ว-แรง

เมื่อพูดถึงเครื่องยนต์ เราเชื่อว่าไม่ว่าใครก็ตามคงต้องเคยได้ยินคำว่า "แรงม้า" มาผ่านหูกันบ้าง แม้แต่กับคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรถก็ตาม แต่แรงม้าคืออะไร ทำไมมาอยู่ในรถ ทั้งๆที่รถเราก็ไม่ได้มีม้าเทียมให้ฟาดแซ่แบบคาวบอยเสียหน่อย...

คำว่า "แรงม้า" เป็นคำที่เกิดขึ้นในช่วงยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม ที่ช่วงนั้นการทำงานต่างๆยังต้องใช้แรงงานจากสัตว์เป็นสำคัญ แต่ก็การคิดค้นเครื่องยนต์กลไกต่างๆขึ้น โดยเฉพาะเครื่องจักรไอน้ำที่ถือว่ามีบทบาทสำคัญในยุค แต่คนจำนวนมากก็ยังไม่เห็นว่าเครื่องจักรไอน้ำมีความสำคัญมากนัก ทำให้เกิดการคิดค้นการบัญญติสิ่งที่สามารถเปรียบเทียบกำลังของเครื่องยนต์กับแรงงานของสัตว์ขึ้นมา เพื่อแสดงความทรงพลังของเทคโนโลยียุคใหม่ โดยเปรียบเทียบกับม้าเนื่องจากเป็นที่นิยมนำมาในการทำงาน

เจมส์ วัตต์ เป็นผู้ที่ทำให้คำนี้เกิดฮิตขึ้นมาในสังคม แต่เขาก็ได้ไอเดียมาจาก โทมัส ซาเวรี่ ที่ได้เขียนไว้ในหนังสือชื่อ Miner's Friend โดยเขากล่าวว่า "ถึงกระนั้นเครื่องยนต์สามารถทำงานได้เร็วเทียบเท่ากับการใช้ม้า 2 ตัว ทำงานในเวลาเดียวกัน และอาจจะสามารถต่อยอดสู่การให้กำลังเท่ากับม้า 10 หรือ 12 ตัว ผมจึงกล่าวว่า ต้องสร้างเครื่องยนต์ใหญ่ขนาดไหน จึงจะสามารถให้กำลังได้เทียบเท่าม้า 8 ,10 หรือ 12 ตัว"

คำพูดของโทมัส กลายเป็นส่วนสำคัญที่มาของแรงม้า โดย เจมส์ วัตต์ ได้นำไอเดียนี้มาคำนวน โดยใช้สูตรคำนวนง่ายๆว่า พละกำลังเท่ากับงาน /เวลา ซึ่ง งาน หมายถึง กำลังและระยะทาง สูตรของเขาจึงได้ออกมาว่า พละกำลัง= กำลังระยะทาง/ เวลา และเขาได้ใช้สูตรดังกล่าวคำนวนการใช้ม้าหมุนกงล้อในโรงสี ที่คาดว่ามีน้ำหนัก 180 ปอนด์ ซึ่งเขาพบว่า 1 ชั่วโมงม้าจะหมุนได้ 144 ครั้ง นาทีละ 2.4 รอบ กับกงล้อขนาด 12 ฟุตหมายถึง ม้ามีกำลัง 32,572 ฟุตปอนด์ต่อนาที

ภายหลัง วัตต์ ได้ทำการทดลองอีกหลายครั้งทั้งกับลูกม้า และม้าพันธุ์บิวเวอร์รี่ จนท้ายที่สุดเขาตั้งค่าแรงม้าไว้ที่ 33,000ฟุตปอนด์ เป็นมาตรฐานในปีถัดมา และกลายมาเป็นมาตรฐานในการโชว์ศักยภาพของเครื่องยนต์ในเรื่องของพละกำลังตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ฟังๆดู "แรงม้า" อาจจะไม่มีประโยชน์ นอกจากเอาไว้เป็นแรงโม้เวลาคุยกัน แต่แรงม้า คือการบอกสมรรถนะความทรงพลังของเครื่องยนต์ ยิ่งแรงม้ามากเท่าไร ก็หมายถึงความรวดเร็วในการปล่อยแรงบิดมาก หรือจะพูดให้ง่าย ก็หมายถึงการเร่งแซง และยังรวมถึง การทำความเร็วสูงสุดเป็นสำคัญ โดยเราสามารถให้แรงม้า เป็นตัวกำกับดัชนีชี้วัดในเรื่องของความสนุกสนานในการขับขี่ของรถแต่ละคันได้อีกด้วย
แรงบิด ..ราชาแห่งพละกำลังที่คุณต้องเข้าใจ

ถ้าสังเกตให้ดีเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแรงม้าเป็นเรื่องของการเปรียบเปรยเครื่องยนต์กับสัตว์เพื่อสร้างหน่วยกำลังที่ดูแล้วน่าเชื่อถือ แต่ในอีกหนึ่งกำลังของเครื่องยนต์ที่เรามักกล่าวถึงเป็นประจำคือ "แรงบิด" มันมักจะมาพร้อมกันเสมอ

"แรงบิด" คือการสร้างกำลังเพื่อให้สิ่งของอย่างใดอย่างหนึ่งสามารถหมุนรอบตัวเองได้ ถือเป็นกำลังหลักที่ทำให้รถที่หยุดนิ่งล้อหมุนเคลื่อนที่ไปข้างหน้ายิ่งมีกำลังมากก็ยิ่งไปได้อย่างรวดเร็ว หรือจะว่าไปมันคือเรื่องของอัตราเร่งในการรฉุดลากตัวรถ

สิ่งที่หลายคนมักไม่ทราบคือว่าแรงบิดนั้นจะสำคัญเมื่อใด คำตอบอยู่ที่การใช้งานของคุณเองเช่นการบรรทุกหรือการฉุดลากสิ่งของต่างๆ ถ้าคุณมักใช้รถในการบรรทุกหนักหรือลากสิ่งของหรือพ่วงไปด้วยกำลัง "แรงบิด" จะกลายมาเป็นปัจจัยสำคัญทันทีในการเลือกหารถที่เหมาะสมต่อการใช้งาน แต่ไม่เพียงเท่านั้น แรงบิด ยังมีผลต่อการการเอาชนะแรงต่างๆ ที่กระทำกับรถ เช่นแรงดึงดูดของโลกในการขึ้นทางลาดชัน รวมถึงการปีนป่ายต่างๆถ้าคุณขับในทางหฤโหด

แม้กำลังทั้ง 2 อย่างที่บ่งบอกในเครื่องยนต์จะมีความแตกต่างกัน แต่หากมองให้ดีจะพบว่าแรงม้าและแรงบิดคือญาติกัน เพราะต่างก็มาจากต้นกำลังเดียวกันและมีการคำนวนและใช้หน่วยวัดเดียวกัน ทว่าสิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่าตัวเลขที่เกิดขึ้นคือ คุณต้องตอบโจทย์ให้ได้ก่อนว่า คุณซื้อรถเพื่อตอบสนองการใช้งานแบบไหน แล้วจึงจะบอกได้ว่าแรงอะไรที่คุณต้องการ





9 เม.ย. 2555

แผนที่แสดงเส้นทางเลี่ยง เส้นทางการจราจรติดขัด ช่วงเทศกาล

เส้นทางเลี่ยงสู่ภาคเหนือ



เส้นทางที่ 1 : จากบางบัวทอง – ทล.340 (บางบัวทอง – สุพรรณบุรี) – สุพรรณบุรี – ชัยนาท – อ.มโนรมย์ – ทล.32(เอเชีย) – นครสวรรค์

เส้นทางที่ 2 : จากกรุงเทพฯ – ทางด่วนแจ้งวัฒนะ – ด่านเก็บค่าผ่านทางบางปะอิน – ขวา ทล.9 (วงแหวนตะวันออก) – ซ้าย ทล.347 (สามโคก – บางปะหัน) – ต่างระดับบางปะหัน – ทล.32 (เอเชีย) – อ่างทอง – สิงห์บุรี – ชัยนาท – นครสวรรค์

เส้นทางที่ 3 : จากกรุงเทพฯ – ทล.305 (รังสิต – องครักษ์) – อ.บ้านนา – ทล.33 (สุวรรณศร) – อ.หินกอง – ทล.1 (พหลโยธิน) – สระบุรี – ทล.๒๑ - ลพบุรี – อ.ชัยบาดาล – อ.วิเชียรบุรี -– เพชรบูรณ์ – พิจิตร – พิษณุโลก

เส้นทางเลี่ยงสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ




เส้นทางที่ 1: จากกรุงเทพฯ - ทล.305(รังสิต – องค์รักษ์) – อ.บ้านนา – ทล.3222 – ทล.2(ถ.มิตรภาพ) - อ.แก่งคอย – อ.มวกเหล็ก – นครราชสีมา

เส้นทางที่ 2 : จากกรุงเทพฯ - ทล.304 (มีนบุรี – ฉะเชิงเทรา) – อ.พนมสารคาม – อ.กบินทร์บุรี – อ.นาดี – อ.วังน้ำเขียว – อ.ปักธงชัย

เส้นทางที่ 3 : จากกรุงเทพฯ - ทล.304 (มีนบุรี – ฉะเชิงเทรา) – อ.พนมสารคาม – ซ้าย ทล.359 – สระแก้ว – อ.อรัญประเทศ – อ.ตาพระยา – อ.โนนดินแดง – อ.นางรอง


เส้นทางที่ 4 : จากกรุงเทพฯ – ทล.7(มอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ – ชลบุรี) – ซ้าย ทล.314 – ฉะเชิงเทรา – เชื่อมต่อ ทล.304




7 เม.ย. 2555

สงกรานต์เฟสติวัล.. 6 อันดับที่เที่ยวยอดฮิต สุดอินเทรนด์ของวัยรุ่น!!

เดือนเมษายน เดือนแห่งอากาศที่ร้อนที่สุดแห่งปี งั้นมาพูดถึงอะไรที่มัน Hot Hot กันดีกว่ากับการต้อนรับหน้าร้อนอย่างเป็นทางการ กับประเพณีแบบไทยๆที่เดินทางเคียงคู่มาทุกยุคทุกสมัย แถมโด่งดังไทั่วโลกกับประเพณีวันสงกรานต์ นั้นเอง !! ^^

เรามาอัพเดทสถานที่ยอดฮิตเหมาะแก่การที่จะใช้วันหยุดอันแสนร้อนอบอ้าวให้กลายเป็นวันที่เย็นชุ่มฉ่ำ สบายกายฉ่ำใจ แถมๆไปฉีดน้ำ ปะแป้งสาวๆหนุ่มหล่อสาวกันอีก ฮั่นแน่!! อย่านึกนะว่าไม่รู้ วันรุ่นสมัยนี้ชอบสงกรานต์ก็เพราะแบบนี้แหละนะ


อันดับ 1 ถนนข้าวสาร

ยังคงความฮิตคงกระพัน ติดชาร์ตสถานที่เที่ยวในวันสงกรานต์มาตลอด โดยเฉพาะเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกและชาวต่างชาติ ที่มักจะเดินทางมาร่วมประเพณีนี้กันอย่างคับคั่ง

อันดับ 2 ถนนสีลม

เป็นอีกที่หนึ่งที่วัยรุ่นและชาวต่างชาติให้ความสนใจไม่แพ้กัน เสน่ห์ของสีลมที่ไม่เหมือนกันจุดเล่นสงกรานต์อื่นๆ คือส่วนมากตรงจุดต่างๆที่ให้เล่นสงกรานต์มักจะจัดในเวลากลางวัน แต่สีลมแล้วมีทั้งกลางวัน กลางคืน แหม!ช่างเป็นที่ที่เอาใจวัยรุ่นซะเหลือเกิน


อันดับ 3 บริเวณวิสุทธิกษัตริย์

เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ไปงานสงกรานต์เพียงแค่เล่นน้ำเพียงอย่างเดียว เนืองจากบริเวณวิสุทธิกษัตริย์นี้จะมีพิธีแห่ชักพระ ปล่อยนกปล่อยปลา จากสีแยกวิสุทธิกษัตริย์ ไปยังสวนสันติปราการ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใครได้มาก็ได้ทั้งบรรยากาศสงกรานต์และยังได้บุญกลับไปด้วย อย่างนี้สิถึงเรียกว่า มา 1 ได้ถึง 2

อันดับ 4 บริเวณลานเซ็นทรัลเวิล์ด

ซึ่ง CTW ได้จัดประเพณีสงกรานต์นี้ มา 5 ปีแล้วและก็ยังมีคนพูดถึงกันอยู่มากมาย เพราะทางห้างได้เนรมิตบริเวณหน้าลานเซ็นทรัลเวิล์ดอันกว้างขวาง ให้วันร้อนๆกลายเป็นวันแห่งคววาชุ่มฉ้ำ พอตกเย็นก็ถึงเวลาแห่งเสียงเพลง อย่างนี้แหละถูกใจวัยโจ๋กันแน่นอน


อันดับ 5 สถานบันเทิงยามค่ำคืน
ไหลมาจากเซ็นทรัลเวิล์ดมาไม่ไกลเท่าไหร่ เป็นที่แน่นอนกันอยู่แล้วว่าวัยรุ่นถ้าส่วนมากกลัวดำกัน หรือพวกที่ชอบเที่ยวกลางคืนนั้น สถานบันเทิงตามย่านต่างๆนี่แหละเป็นที่ๆไปกันเยอะมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นผับที่แดนซ์กระจายตลอดคืน หรือจะร้านนั่งชิวๆแบบเปียกไปกินไป เช่นย่าน RCA , ทองหล่อ , เอกมัย เป็นต้น เรียกได้ว่าเล่นกันอย่างเมามันส์ เล้าคลอเสียงเพลงบที่ดีเจเปิดอีก แถมบางที่มีตีมการแต่งตัวด้วย แบบนี้จัดเต็มเปียกไม่กลัวขอสวยไว้ก่อน …

อันดับ 6 ต่างจังหวัด

ถึงไกลก็ไม่หวั่น ต่างจังหวัดที่ว่าถึงนั้นที่วัยรุ่นส่วนใหญ่ต้องไปอย่างแน่นอนคือ เชียงใหม่ , พัทยา แน่นอนเพราะต่างจังหวัดนั้นจะล่นสงกรานต์ช้ากว่าที่กรุงเทพฯ โดยเขาจะเรียกกันว่า “วันไหล” วัยรุ่นหยุดยาวทั้งทีได้โอกาสสาดน้ำสาวๆหนุ่มหน้าตาดี แถมปีนึงมีหนก็อยากจะเล่นให้เต็มที่กันหน่อย พอหมดสงกรานต์ที่กรุงเทพฯแล้วหนุ่มสาวก็จะออกรถไปยังจังหวัดต่งๆเพื่อเล่นเทศกาลสงกรานต์อย่างต่อเนื่อง

เล่นสงกรานต์ยาวติดกันหลานวันแบบนี้ สาดน้ำ-ปะแป้งคนหน้าตาดีๆกันตรึมมละสิ! รู้นะอย่ามาแอ๊บ ชายหนุ่มหญิงสาวก็รอโอกาสนี้มาพบปพกันเนี่ยแหละ แต่เล่นสงกรานต์ก็ต้องระวังความปลอดภัยด้วยนะจ๊ะ ทรัพย์สิน ตัวเองด้วย ^^





กรมทางหลวงแนะเส้นทางเดินรถ ช่วงสงกรานต์



นายวันชัย ภาคลักษณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า เนื่องจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปีจะมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน และประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาเดิมเพื่อเยี่ยมญาติ หรือ เดินทางไปพักผ่อนท่องเที่ยวต่างจังหวัด และเดินทางพร้อม ๆ กันเป็นจำนวนมาก มักจะก่อให้เกิด ปัญหาการจราจรติดขัด รวมทั้งเกิดอุบัติเหตุในเส้นทางหลวงสายหลัก ๆ ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนเป็นประจำทุกปี เพื่อให้การเดินทางของประชาชนรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น กรมทางหลวงขอแนะนำเส้นทางลัดในการเดินทางไปสู่ภาค ต่าง ๆ ของประเทศ ดังนี้

เส้นทางเลี่ยงรถติด วันสงกรานต์ : ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางที่ 1 ใช้ถนนวิภาวดีรังสิต (ทางหลวงหมายเลข 31) หรือใช้ทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ต่อสายอุตราภิมุข เข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) ถึงต่างระดับบางปะอิน เข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) มุ่งสู่อ่างทาง เพื่อเดินทางสู่ ภาคเหนือ หรือเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข1) มุ่งสู่สระบุรีเพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางที่ 2 จากถนนรัตนธิเบศร์ (ทางหลวงหมายเลข 302) ใช้ถนนบางบัวทอง – สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) เลี้ยวขวาเข้าถนนวงแหวนตะวันตก (ทางหลวงหมายเลข 9) จนถึงต่างระดับบางปะอินแล้วใช้ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือใช้ถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) เพื่อไปภาคเหนือ

เส้นทางที่ 3 จากถนนรัตนาธิเบศร์ (ทางหลวงหมายเลข 302) ใช้ถนนบางบัวทอง – สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) ผ่านสุพรรณบุรีไปสู่ชัยนาทเข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ไปสู่ จ.นครสวรรค์เพื่อไป ภาคเหนือ

เส้นทางที่ 4 จากถนนรามอินทรา (ทางหลวงหมายเลข 304) ใช้ถนนต่างระดับลำลูกกา (ทางหลวงหมายเลข 9) ถึงแยกพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) เลี้ยวขวาเพื่อเดินทางสู่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือเลี้ยวซ้ายไปต่างระดับบางปะอิน เข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข32) เพื่อสู่ ภาคเหนือ

เส้นทางที่ 5 จากบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ (ทางหลวงหมายเลข304) ห้าแยกปากเกล็ด ใช้ถนนติวานนท์ (ทางหลวงหมายเลข 306) เลี้ยวขวาข้ามถนนบางพูน – บางปะหัน (ทางหลวงหมายเลข 347) ผ่านต่างระดับเชียงรากน้อยจนบรรจบถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ที่ อ.บางปะหัน แล้วเดินทางไป ภาคเหนือ หรือเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางที่ 6 จากต่างระดับรังสิต ไปตามถนนรังสิต – องครักษ์ (ทางหลวงหมายเลข305) ผ่านทางต่างระดับธัญบุรี ตรงไปจังหวัดนครนายก, กบินทร์บุรี เพื่อไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางที่ 7 จากถนนรามอินทรา ใช้ถนนรามอินทรา – สุวินทวงค์ (ทางหลวงหมายเลข 304) ผ่านฉะเชิงเทรา, พนมสารคาม, กบินทร์บุรี, ปักธงชัย เข้าสู่ถนนมิตรภาพ (สาย 2) ไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เส้นทางสู่ ภาคตะวันออก

เส้นทางที่ 8 ไปตามถนนบางนา – บางปะกง (ทางหลวงหมายเลข 34) จนถึง กม.39 เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ – ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข 7) ที่ต่างระดับบางควาย มุ่งสู่พัทยาไป ภาคตะวันออก
เส้นทางที่ 9 จากถนนศรีนครินทร์ (ทางหลวงหมายเลข 3344) ใช้ทางหลวงพิเศษกรุงเทพ – ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข7) มุ่งสู่พัทยาไป ภาคตะวันออก

เส้นทางที่ 10 จากถนนรามอินทรา (ทางหลวงหมายเลข 304) ใช้ถนนสุวินทวงศ์ (ทางหลวงหมายเลข 304) ผ่าน จ.ฉะเชิงเทรา เข้าทางหลวงหมายเลข 314 แล้วใช้ทางหลวงพิเศษกรุงเทพ – ชลบุรี (สาย 7) มุ่งสู่พัทยาไป ภาคตะวันออก

เส้นทางเลี่ยงรถติด วันสงกรานต์ : ภาคใต้

เส้นทางที่ 11 ใช้ถนนธนบุรี – ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35 : ถนนพระราม 2) เข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) เดินทางสู่จังหวัด ภาคใต้

เส้นทางที่ 12 ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่าน อ.สามพราน จ.นครปฐม,โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อเข้าสู่จังหวัดภาคใต้

เส้นทางที่ 13 จากขนส่งสายใต้ใหม่ ใช้ถนนบางกอกน้อย – นครชัยศรี (ทางหลวงหมายเลข 338) เข้านครปฐม, ราชบุรี, เพชรบุรี สู่จังหวัดภาคใต้

ทั้งนี้ ประชาชนที่ต้องการสอบถามข้อมูล สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2345 6530 หรือสายด่วนกรมทางหลวง 1586 หรือมีเหตุด่วนเหตุร้าย เดินทางไม่สะดวก สามารถแจ้งได้ตามหมายเลขโทรศัพท์ ดังนี้

 สายด่วนกรมทางหลวง 1586

 ศูนย์อำนวยการปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง กรมทางหลวง 0 2354 6832 – 39

 หน่วยกู้ภัย มอเตอร์เวย์ กรุงเทพ – ชลบุรี (สายใหม่) 0 3857 7852 – 3

 หน่วยกู้ภัยวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก (บางปะอิน – บางพลี) 0 2509 6832

 ตำรวจทางหลวง 1193


ความเหมือนที่แตกต่าง แพ้ยา vs ผลข้างเคียงจากยา

ลบความสับสนจากการใช้ยารักษาโรค แบบไหนเรียก แพ้ยา แบบไหนแค่ ผลข้างเคียง




โรคบางโรค ป่วยแล้วต้องใช้ยารักษา ซึ่งยาบางชนิดก็ใช่ว่าจะรักษาอาการป่วยให้หายอย่างราบรื่น เนื่องจากอาจก่ออาการไม่พึงประสงค์ และมักทำให้ผู้ป่วยสับสนว่า อาการที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะแพ้ยา หรือเป็นเพียงแค่ผลข้างเคียงกันแน่

เหตุข้างต้น ทางโรงพยาบาลเวชธานี ได้ไขข้อข้องใจไว้ในนิตยสารสุขภาพประจำโรงพยาบาล ว่า เมื่อใดที่มีอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการใช้ยา คนส่วนใหญ่เข้าใจคลาดเคลื่อน เช่น หลังกินยาแล้วง่วง ใจสั่น คลื่นไส้ อาเจียน แสบท้อง หรือมีผื่นขึ้น ก็สรุปแล้วว่า แพ้ยาทั้งสิ้น

ซึ่งในความเป็นจริง อาการข้างต้นเรียกรวมๆ ว่า อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ อาการหรือผลข้างเคียงจากยา (Side Effect) และการแพ้ยา (Drug allergy)
สำหรับความหมายของ อาการข้างเคียงจากยา คือ ผลที่ไม่ได้จงใจให้เกิดขึ้นจากยา หรือเรียกง่ายๆ ว่า เกิดจากฤทธิ์ของยา เช่น กินยาแก้ปวด Ibuprofen แล้วมีอาการแสบท้อง เนื่องจากยาระคายกระเพาะอาหาร

หรือยารักษาโรคความดันโลหิตสูง มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต แต่บางครั้งอาจทำให้ความดันโลหิตต่ำ จนเกิดอาการข้างเคียง อย่างเช่น ลุกขึ้นแล้วหน้ามืด ใจสั่น อีกทั้งกรณีของยารักษาโรคเบาหวาน หากใช้เกินขนาด หรือผู้ป่วยกินอาหารน้อยลง อาจทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำ จนใจสั่น เหงื่อออกมาก บางรายถึงขั้นหมดสติ

เหล่านี้ถือว่า เป็นผลข้างเคียงจากยา ซึ่งสามารถแก้ไขได้ เพียงปรับเปลี่ยนวิธีกินยา และการปฏิบัติตัวของผู้ป่วย ไม่จำเป็นต้องห้ามใช้ยาเสมอไป

ส่วนการแพ้ยา คือ ปฏิกิริยาที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อต้านยาที่ได้รับเข้าไป โดยแพทย์หรือเภสัชกรก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่าผู้ใดจะแพ้ยาชนิดไหน เช่น มีผื่นคัน เปลือกตาบวม ริมฝีปากบวม มีแผลบริเวณเยื่ออ่อน ผิวหนังไหม้

ทั้งนี้ หลังพบว่า มีอาการแพ้ยา ควรหยุดยาที่ต้องสงสัยทั้งหมดและพบแพทย์เพื่อรักษาอาการแพ้ ที่สำคัญ ห้ามใช้ยาที่แพ้ซ้ำอีก เพราะจะแพ้ซ้ำและรุนแรงกว่าเดิม บางครั้งอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต และเมื่อรู้ว่าแพ้ยาชนิดใด ควรจดบันทึกและแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบทุกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงจากยา พบได้ถึงร้อยละ 95 โดยไม่รุนแรงและอัตราการตายน้อย ที่เหลือร้อยละ 5 เป็นการแพ้ยา ซึ่งอาการมักรุนแรง และมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่า




ทีมเดลินิวส์ออนไลน์

6 เม.ย. 2555

เทคนิคเตรียมรถให้พร้อมเที่ยวสงกรานต์

และแล้วก็มาถึงเดือนที่เป็นยอดปรารถนาของใครหลายคน เมษายน เดือนที่ร้อนที่สุดแต่มีวันหยุดยาวเยอะสุด ๆ เหมาะแก่การออกตะลอนเที่ยวให้หนำใจ ก่อนจะสตาร์ทรถออกไปตะลุยท่องเที่ยวในวันหยุดยาวอย่างสงกรานต์ คุณแน่ใจแล้วหรือว่ารถของคุณพร้อมออกไปพะบู๊กับการจราจรของสยามประเทศแล้ว



ไปเช็คกันเลยครับว่า 10 เทคนิคง่าย ๆ ที่จะช่วยให้รถคุณใช้งานได้คุ้มค่า สมสมรรถนะ และปลอดภัยสูงสุดสำหรับการท่องเที่ยวที่สนุกสนานในช่วงวันหยุดยาวที่จะถึงนี้
1. สละเวลาเล็กน้อยทำความเข้าใจกับเครื่องยนต์ของรถคุณสักนิด อาจจะดูเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่อย่างน้อยคุณควรจะรู้หลักง่าย ๆ โดยเฉพาะการเช็คระดับน้ำและน้ำมันเครื่อง

2. เช็คที่กรองอากาศเพราะรถก็ต้องการอ๊อกซิเจนเช่นกัน หากที่กรองอากาศสกปรก รถคุณจะวิ่งได้ไม่เต็มที่แถมยังเปลืองน้ำมัน การวิจัยพบว่าหากเปลี่ยนที่กรองอากาศที่สกปรกออก คุณจะประหยัดน้ำมันได้ถึง 8% ของหนึ่งถังเลยทีเดียว

3. ยางรถยนต์เป็นหัวใจของความปลอดภัย คุณควรเช็คลมยางให้เรียบร้อยอีกครั้งก่อนออกเดินทาง โดยดูปริมาณลมยางที่เหมาะสมจากคู่มือที่มากับรถ นอกจากนั้นยังควรเช็คดอกยาง และลมของยางสำรองเผื่อไว้ด้วย

4. ตรวจดูไฟรถให้พร้อม โดยเฉพาะทริปที่ต้องมีการเดินทางตอนกลางคืน ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟตัดหมอก ไฟสูง ไฟเบรก และไฟฉุกเฉิน โดยอาจจะให้เพื่อนยืนอยู่นอกรถเพื่อเช็คความเรียบร้อย

5. ควรเช็คที่ปัดน้ำฝนให้พร้อมเพราะรถคุณต้องพร้อมเผชิญกับทั้งน้ำและแป้งตลอดเทศกาลสงกรานต์ คุณไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำยาราคาแพง แค่น้ำยาล้างจานสองสามหยดผสมกับน้ำเปล่าก็เพียงพอแล้ว และสามารถสังเกตสภาพยางของที่ปัดน้ำฝนได้ง่าย ๆ หากที่ปัดน้ำฝนของคุณทำให้เกิดรอยจาง ๆ บนกระจก นั่นเป็นสัญญาณว่าคุณควรเปลี่ยนได้แล้ว

6. เบรกเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณต้องเช็ค สัญญานของปัญหาที่สังเกตได้ง่าย ๆ คือ เหยียบแล้วเบรกไม่นิ่งแต่มีอาการกระเด้งนิดหน่อย เหยียบเบรกแล้วรถเบนไปด้านใดด้านหนึ่ง หรือมีเสียงแปลก ๆ รีบแก้ไขทันทีครับ

7. โช้คอัพเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับความปลอดภัยในการขับรถ แน่นอนว่าเราไม่แนะนำให้คุณพยายามเปลี่ยนโช้คเอง แต่คุณควรจะสามารถเช็คได้ว่าโช้คอยู่ในสภาพดีหรือไม่ โดยให้คนที่แข็งแรงออกแรงกดรถทีละด้าน หากรถคืนตัวเป็นจังหวะเดียวแสดงว่าโช้คยังอยู่ในสภาพดี แต่หากรถกระดกขึ้นลงหลายทีก่อนจะหยุด คุณควรจะนำรถไปให้ช่างตรวจสอบ

8. คุณไม่จำเป็นต้องพกรองเท้าให้ครบทุกสีทุกวัน เราแนะนำให้คุณเอาหนังสือ รองเท้า ไม้กอล์ฟ หรือของใช้ที่ไม่จำเป็นออกบ้าง ถ้าหากคุณใส่ของในรถ 48 กิโล รถของคุณจะกินน้ำมันมากขึ้นถึง 2% เลยทีเดียว

9. เตรียมชุดปฐมพยาบาลและไฟฉายไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน

10. เตรียมเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินต่างๆ ไว้เผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อย่างน้อยคุณควรจะมีเบอร์ของตำรวจทางหลวง (1193) ศูนย์อุบัติเหตุบนทางด่วน (1543) สถานีวิทยุ จส. 100 (1137) สถานีวิทยุสวพ. 91 (1644) แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย (191) และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินทั่วประเทศ 24 ชั่วโมงจากฟอร์ด (Ford Roadside Assistance) ที่เบอร์ 1800-222-000 หรือ 1401-222-000

หากการเตรียมเช็ครถที่เราแนะนำมาข้างต้นฟังดูเหมือนภาษาต่างดาวสำหรับคุณ สิ่งง่าย ๆ ที่คุณทำได้ คือนำรถเข้าตรวจสอบและเช็คสภาพก่อนออกเดินทางที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะท่องเที่ยวได้สนุก ราบรื่น และปลอดภัยตลอดเส้นทาง

บุญรักษาครับ

5 เม.ย. 2555

ฤกษ์ออกรถปี 2555

ใครที่กำลังวางแผนจะออกรถใหม่ปี 2555 ไม่ว่าจะเป็นรถป้ายแดง หรือมือสอง แต่ไม่รู้ว่าจะออกวันไหนอย่างไรดี วันนี้เราได้รวมฤกษ์มงคลมาไว้ให้คุณได้ทราบกันแล้วค่ะ สะดวกวันไหนอย่างไรก็เลือกได้เลยค่ะ


ฤกษ์ออกรถปี 2555 ตามวันเกิด ท่านที่เกิดวันอาทิตย์

ควรออกรถในวันอังคาร ซึ่งจะทำให้เจ้าดวงชะตามีบุญวาสนาเกียรติยศ ชื่อเสียงยาวไกล รองลงมาเป็นวันพุธ จะนำความเจริญรุ่งเรือง อุดมไปด้วยโภคทรัพย์ ยังมีคนอุปภัมภ์ค้ำชูมีชื่อเสียงในวงสังคม สามารถออกรถวันที่กล่าวได้ทั้งปีแต่หลังวันที่ 14 เมษายน 2555 ไปแล้ว สามารถออกรถในวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันที่ดีมาก

ฤกษ์ออกรถปี 2555 ตามวันเกิด ท่านที่เกิดวันจันทร์

ควรออกรถในวันพุธกลางวัน ซึ่งจะทำให้เจ้าชะตามีอำนาจวาสนา เป็นที่เกรงใจของคนทั่วไป ยังเป็นที่รักของคนพบปะพูดคุย ประสานงานสำเร็จผ่านไปได้ด้วยดี ออกรถได้ทั้งปี แต่หลังวันที่ 14 เมษายน 2555 ไปแล้ว สามารถออกรถในวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันที่ดีมาก เพราะเป็นวันธงไชย จะมีคนอุปถัมภ์ช่วยเหลือเกื้อกูลดี ยังมีเสน่ห์ เป็นที่นิยมชื่นชอบ คนเห็นคนรัก จนมีชื่อเสียงโด่งดัง

ฤกษ์ออกรถปี 2555 ตามวันเกิด ท่านที่เกิดวันอังคาร

ควรออกรถในวันศุกร์ ในช่วง 1 มกราคม 2555 - 14 เมษายน 2555 จะทำให้เจ้าดวงชะตา มีทรัพย์สินเงินทองเพิ่มพูนมากขึ้น มีความเจริญรุ่งเรือง มีลูกน้องบริวารช่วยเหลือดี ญาติพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวสนิทสนมกันดี หลังวันที่ 14 เมษายน 2555 จนถึงสิ้นปี ออกรถได้ในวันพฤหัสซึ่งจะทำให้เจ้าดวงชะตามีอำนาจวาสนาได้รับความเคารพนับถือทั้งยังมีความน่าเกรงขามอีกด้วย

ฤกษ์ออกรถปี 2555 ตามวันเกิด ท่านที่เกิดวันพุธกลางวัน (06.00 น.-17.59 น.)

ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 - 14 เมษายน 2555 ให้ออกรถในวันจันทร์ ซึ่งจะทำให้ท่านมีอำนาจวาสนา เกียรติยศชื่อเสียง ส่วนหลังวันที่ 14 เมษายน 2555 ไปแล้วให้ออกรถในวันพุธกับวันศุกร์ ซึ่งจะนำความเจริญ ทรัพย์สินเงินทอง เพิ่มมากขึ้น คนในครอบครัวรักใคร่สามัคคีกันดี

ฤกษ์ออกรถปี 2555 ตามวันเกิด ท่านที่เกิดวันพุธกลางคืน (18.00 น.-05.59 น.)

ออกรถในวันจันทร์ได้วันเดียวตลอดทั้งปี ซึ่งจะทำให้เป็นเกียรติเป็นศรี เป็นสิริมงคลในตนเอง ยังนำความเจริญก้าวหน้าในกิจการ ทรัพย์สินเงินทองเพิ่มพูนมากขึ้น

ฤกษ์ออกรถปี 2555 ตามวันเกิด ท่านที่เกิดวันพฤหัสบดี

ออกรถวันพุธกลางวันได้ตลอดปี จะนำความเจริญรุ่งเรืองในกิจการ การงาน ด้านมนุษยสัมพันธ์ดี มีผู้ช่วยเหลืออุปถัมภ์ค้ำจุน ส่วนหลังวันที่ 14 เมษายน 2555 เป็นต้นไป ให้ออกรถในวันพฤหัสบดีให้มีเสน่ห์ เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ได้พบเห็น ทั้งยังน่าเกรงขาม เกรงกลัวและมีชื่อเสียงเกรียงไกร

ฤกษ์ออกรถปี 2555 ตามวันเกิด ท่านที่เกิดวันศุกร์

สามารถออกรถได้ในวันศุกร์ได้ตลอดทั้งปี จะนำความเจริญรุ่งเรืองในกิจการ เป็นสิริมงคลให้กับเจ้าดวงชะตาด้วย จะทำให้มีคนคอยช่วยเหลือจุนเจือ ค้ำชูให้ประสบความสำเร็จในชีวิต จะทำให้เป็นที่รักของคู่ครอง ลูกหลาน ลูกน้องบริวาร ญาติสนิทรักใคร่กลมเกลียวกันดี

ฤกษ์ออกรถปี 2555 ตามวันเกิด ท่านที่เกิดวันเสาร์

ให้ออกรถในวันอังคาร ได้ตลอดทั้งปี จะมีคนหนุนให้มีอำนาจวาสนา มีเกียรติยศชื่อเสียงตามมา แต่ถ้าต้องออกรถหลังวันที่ 15 เมษายน 2554 จนถึงสิ้นปี ให้ออกรถในวันศุกร์ และพฤหัสบดี จะทำให้เป็นที่รักของคนอื่น ซึ่งจะนำเกียรติยศ ศักดิ์ศรีมาสู่วงศ์ตระกูล มีความมั่นคงและมั่งคั่งในอสังหาริมทรัพย์ด้วย

Elecom โปรเจคเตอร์ฉายแสงให้เป็นคีย์บอร์ดแบบพกพา

โปรเจคเตอร์ฉายแสงให้เป็นคีย์บอร์ดผ่านการเชื่อมต่อบลูทูธ มากับรูปร่างขนาดเล็ก พกพาสะดวกด้วยน้ำหนักเบาเพียง 77 กรัม



Elecom รุ่น TK-PBL042BK Projection Key borad คือ โปรเจคเตอร์ฉายแสงให้เป็นคีย์บอร์ดผ่านการเชื่อมต่อบลูทูธ มากับรูปร่างขนาดเล็ก พกพาสะดวกด้วยน้ำหนักเบาเพียง 77 กรัม อาศัยหลักการทำงานจากเครื่องโปรเจคเตอร์ฉายแสงลงมาตบกระทบที่พื้นผิวเรียบบริเวณใดก็ได้ จากนั้นจะแสดงภาพคีย์บอร์ดให้กดใช้งานได้ จะทำให้คุณสามารถพิมพ์อักษรข้อความต่างๆ ได้อย่างสะดวก เพียงแค่พกพาอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ เท่านั้น อีกทั้งยังใช้งานได้นาน 2 ชั่วโมง รองรับการใช้งานได้ทั้งกับอุปกรณ์ iOS หรือ Android และยังสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ด้วยสาย USB ในส่วนของ Projection Key borad รุ่น TK-PBL042BK จำหน่ายในราคาอยู่ที่ $346 หรือประมาณ 10,700 บาท จะเริ่มออกวางจำหน่ายในต่างประเทศเร็วๆ นี้