13 พ.ย. 2550

เตือนห่วงสุขภาพตับ งดกินพาราฯควบกาแฟ

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 30 กันยายน 2550 13:24 น.


นักวิจัยแนะงดดื่มกาแฟระหว่างกินยาพาราเซตามอล

เอเจนซี - เตือนการดื่มกาแฟระหว่างกินยาพาราเซตามอล อาจทำให้ตับเสียหายรุนแรงพอๆ กับการกินยาแก้ปวดขณะดื่มเหล้า
ปกติแล้ว การกินยาพาราเซตามอลเกินขนาดแค่เล็กน้อยก็สามารถทำให้ตับเสียหายถาวร นอกจากนั้น นักวิจัยยังรู้ดีว่า การดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปจำนวนมาก อาจทำปฏิกิริยาให้ยาชนิดนี้กลายเป็นพิษมากขึ้น กระนั้น งานวิจัยนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ชี้ว่าการกินยาพาราเซตามอลและดื่มกาแฟ อาจส่งผลร้ายเช่นเดียวกัน

ปัจจุบัน มีการเติมคาเฟอีนลงไปในยาพาราเซตามอล เพราะเชื่อว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระงับปวด ทว่า นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันเห็นว่า ควรจำกัดปริมาณคาเฟอีนระหว่างกินยาพาราเซตามอล

ดร.ซิด เนลสันแจงว่า ข้อแนะนำนี้ไม่ได้หมายความให้เลิกกินยาพาราเซตามอลหรือเลิกกินผลิตภัณฑ์ที่มีคา­เฟอีน เพียงแต่ต้องระวังมากขึ้นถ้ากินพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะถ้าดื่มแอลกอฮอล์มาด้วย

ในการศึกษานี้ นักวิจัยใช้แบคทีเรียอีโคไลที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมให้ผลิตสารเคมีสำคัญที่ป­อดใช้ในการย่อยสลายยาพาราเซตามอล นักวิจัยพบว่าเมื่อผสมพาราเซตามอลกับคาเฟอีนในปริมาณมาก จะทำให้เกิดสารพิษที่เป็นอันตรายต่อตับเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า

ดร.เนลสันอธิบายว่า สำหรับคนปกติ ปอดจะเสียหายรุนแรงหากดื่มกาแฟ 20-30 แก้วระหว่างกินยาแก้ปวด แต่สำหรับบางคนอาจได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันแม้กินยาแก้ปวดหรือกาแฟไม่มากนัก เช่น คนที่กินยาแก้โรคลมบ้าหมู หรือเซนต์จอห์นส์เวิร์ต ซึ่งเป็นสมุนไพรบำบัดอาการซึมเศร้า ที่มีฤทธิ์ทำให้ร่างกายผลิตสารพิษออกมามากกว่าปกติเมื่อตับย่อยสลายพาราเซตามอล

นอกจากนั้น วารสารเคมิคัล รีเสิร์ชรายงานว่า ตัวคาเฟอีนเองสามารถทำลายตับของหนูที่เป็นโรคตับอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน เดือนที่ผ่านมา มีข่าวว่าพนักงานเสิร์ฟสาวคนหนึ่งในอังกฤษ ถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยอาการไข้ขึ้นสูงและใจสั่น หลังซดเอสเปรสโซไป 14 แก้ว

อนึ่ง แม้พาราเซตามอลมีประโยชน์มากกว่าแค่ระงับปวด โดยมีการวิจัยก่อนหน้านี้ว่า ผู้หญิงที่กินยานี้เป็นประจำมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ลดลง 30% ทว่า หากใช้ไปนานๆ อาจเป็นอันตรายต่อตับและไต รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดสมอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น