13 พ.ย. 2550

เรื่องเตือนภัย สำหรับคนมีรถ ทั้งหญิงและชาย

ข้อควรปฏิบัติในการระวังภัยใกล้ตัว
1.ก่อนขึ้นรถ ลงจากรถสำรวจรอบๆตัวก่อน สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร น่าใว้ใจแค่ใหน
2.สำรวจสิ่งกีดขวางใต้รถ บริเวณล้อยางมีหรือไม่ เพราะถ้ามีให้สงสัยเป็นวิธีการของโจรที่จะทำให้เจ้าของรถเสียเวลาในการขึ้นรถแล­ะฉวยโอกาสเข้าชาร์ทเจ้าของรถได้
3.เมื่อขึ้นรถให้ทำเวลาให้รวดเร็วที่สุด รีบล็อกประตูทันทีเมื่อเข้าไปอยู่ในรถ ระวังเด็กหรือหรือญาติเปิด-ปิดประตู
4.ก่อนลงจากรถ อย่าปลดล็อกประตู ครั้งเดียวทั้งสี่ประตู เปิดเฉพาะประตูคนขับ ระวังเด็กหรือหรือญาติเปิด-ปิดประตู (ในกรณีที่มืดหรือขับรถจอดหน้าประตูเพื่อเข้าบ้านตนเองก็ตาม)
5.เตรียมกุญแจให้พร้อม อย่ามัวงุ่นง่านอยู่ข้างๆรถเป็นเป้าล่อโจร
6.ระหว่างขับออกจากที่จอดรถ(คลานช้าๆ)เมื่อมีคนเรียกหรือเตือนในทำนองว่ารถคุณผ­ิดปกติไม่ว่ากรณีใดก็ตาม อย่าลดกระจกลงหรือเปิดประตูลงมาจากรถเด็ดขาด เพราะนั่นเป็นวิธีการของโจรที่อาศัยจังหวะเจ้าของลงมาจากรถและเข้าชาร์ท หรือไม่เข้าชาร์ท แต่จะให้อีกคนที่รออยู่เปิดประตูด้านหลังคนขับแล้วเข้าไปอยู่ในรถ
7.เมื่อมีคนเรียกหรือคนแปลกหน้าเรียกในที่ใดๆก็ตามอย่าสนใจ
8.เมื่อต้องกราจอดรถควรหาที่มีคนพลุกพล่าน หรือมีคนเดินไปมาบ้างอย่าแอบจนไม่ใครมองเห็น
9.อย่าใว้ใจแม้กระทั่งใส่ชุดเครื่องแบบเรียกจอด อย่าลดกระจกลงจนสุด
10.เมื่อขับอยู่บนถนนเปลี่ยว อย่าใว้รถที่วิ่งตามหลังทุกคันไป กรณีเกิดเหตุผู้เสียหายเป็นผู้หญิงเคยเกิดขึ้นมาแล้ว โดยโจรจะขับมาตีคู่เพื่อดูว่าในรถมีกี่คน จากนั้นจะขับเบียดให้จอดและเข้าล็อกตัวทันที
11.มอเตอร์ไซต์ที่วิ่งตามหลังมาก็อันตราย เพราะบางครั้งอาจมีอาวุธยิงเพื่อขู่ให้จอดหรือทำลายรถส่วนใดส่วนหนึ่งให้เสียหล­ัก หรือให้เจ้าของรถหยุดรถ
12.พกพาอาวุธบ้าง เพื่อป้องกันตัว อย่างน้อยก็จะได้ตอบโต้บ้าง

สิ่งที่น่ากลัวก็คือคนเพิ่งมีรถใหม่ จะไม่มีสัญชาติญาณแบบที่กล่าวมา ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงยิ่งไม่ปลอดภัย มีกรณีตัวอย่างในลานจอดรถที่ห้างซีคอน ผู้เสียหายเป็นผู้หญิงขับฮอนด้าแจ๊ส ก่อนเกิดเหตุเธอเดินมาที่รถเพื่อจะขับกลับบ้าน ในระหว่างเปิดประตูและเข้าไปอยู่ในรถยังไม่ทันที่เธอจะเสียบกุญแจเพื่อสตาร์ทเค­รื่อง มีชายสองคนเดินเข้ามาข้างรถและเปิดประตูเข้ามานั่งด้านเบาะหลังแล้วชักปืนออกมา­พร้อมบอกว่า "ขับออกไป" ทุกอย่างทำเหมือนเป็นปกติ การคืนบัตรผ่านยามรักษาการณ์ ผ่านไปสองวันญาติแจ้งความและโทรตามปรากฏว่าโทรศัพท์ถูกปิดติดต่อไม่ได้ แต่ญาติตรวจสอบการกดเงินผ่านเอทีเอ็มมีการกดสองจุดคือที่กรุงเทพ(จำไม่ได้ที่ให­น)และที่พัทยา จนเข้าสู่วันที่ห้า พบศพเธอที่ลพบุรี โจรลากเธอไปไปข่มขืนแถมยังเอารถไปด้วยและบังคับให้กดเงิน จน ณ.ปัจจุบันนี้ผมยังไม่ได้รับข่าวเลยว่าจับโจรได้หรือยัง (ข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เหตุเกิดเมื่อ 3ปีที่แล้ว)

อีกกรณีหนึ่ง เกิดขึ้นถนนสายบายพาส ชลบุรี ผู้เสียเป็นผู้หญิงเช่นเดียวกัน เวลาเประมาณตีสอง เธอรถมาจากแหลมฉบังเพื่อเข้ากรุงเทพฯ ระหว่างขับอยู่นั้นก็มีรถอมเตอร์ไซต์กลุ่มหนึ่งประมาณห้าคัน ขับตามหลังมาและเข้ามาตีคู่แล้วมองเข้าไปในรถ จากนั้นคนที่นั่งซ้อนท้ายมาก็เอาก้อนหินขนาดใหญ่ปาเข้าที่กระจกตำแหน่งคนขับ ผลก็คือกระจกแตกใส่เธอและรถเสียหลักลงข้างทาง กลุ่มที่ขับตามหลังมาเข้าไปปล้นทรัพย์ทันที ผ่านไปไม่กี่เดือนแก๊งนี้ถูกจับได้ยกแก๊ง มีผู้หญิงอยู่ในถึงสี่คน(ข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เหตุเกิดเมื่อ 4 ปีที่แล้ว)

ขอยกตัวอย่างอีกกรณีหนึ่งเพิ่งผ่านมาได้สามวัน เพื่อนผมใกล้ๆตัวนี่เอง เป็นผู้หญิง เธอเล่าให้อย่างตกใจ ว่าเมื่อช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา มีชายคนหนึ่งมาติดเช่ารถเพื่อขนของ ชายคนนี้ทำทีเป็นผู้ที่ต้องการรถมากอย่างด่วน ติดต่อตั้งแต่ตนซอยถึงท้ายซอย จนมาถึงเพื่อนผมคนและแฟนไม่อยู่ไปต่างจังหวัด การตกลงว่าจ้างนั้นเป็นไปเป็นที่เรียบร้อย แต่เธอขับรถในกรุงเทพฯไม่เก่ง เธอก็ถามคนที่มาติดต่อขอเช่าว่าขับได้หรือเปล่า ชายคนผู้ต้องเช่าอาสาที่จะขับให้ ในการเช่าครั้งนี้มีทั้งหมดสามคันเป็นกะบะทั้งหมด ตกลงกันแล้วก็ขับออกไป ระหว่างทางเธอสังเกตุเห็นว่าคนขับอาสาขับให้ ขับไม่ค่อยจะปกติระหว่างขึ้นสะพานพระราม 9 เหมือนเครื่องยนต์จะดับและใส่ตะกุกตะกัก เธอเลยถามว่ารถเป็นอะไร คนขับบอกว่าใส่เกียร์ไม่ได้ เหตุการณ์สับสน อลละหม่าน ซักพักคนขับลดกระจกลงโบกมือให้รถที่เช่ามาอีกสองคันไปก่อน ซึ่งอยู่ด้านหน้าแบะด้านหลังของรถเธอ แต่รถทั้งสองไม่ยอมไปยังคงขับล็อกให้รถของเธอยู่ตรงกลางไปเรื่อยๆ คับขับที่อาสาขับให้บอกว่าต้องเปลี่ยนคลัช ขณะนั้นอยู่กลางทางไม่รู้จะไปเปลี่ยนที่ใหน เธอก็เลยถามไปว่าเปลี่ยนได้หรือเปล่า เขาบอกว่าได้ ตกลงเลี้ยวจอดในซอยให้เงินคนขับซื้อไปคลัชมาเปลี่ยนหนึ่งพันบาท ผ่านไปยี่สิบนาที เธอจะโทรศัพท์ถาม แต่หาดทรศัพท์ของเธอไม่เจอ นึกเออะใจ ลองยืมโทรศัพท์ของอีกคนที่โดนเช่ามาด้วยโทรเข้าเบอร์มือถือของเธอเอง ปรากฏว่าติดแต่ไม่มีคนรับ โทรหลายรอบ รอบที่เจ็ด ปิดเครื่องหนีไปเลย คนที่มาด้วยกันบอกว่าเธอถูกหลอกแล้ว แค่นั้นนั่งร้องให้เลย จากที่เธอเล่ามานั้น เธอไม่ควรให้คนที่ไม่คุ้นเคยขับและการเปลี่ยนคลัชไม่ใช่เรื่องง่ายๆต้องใช้เครื­่องมืออีกหลายอย่าง เธอคิดย้อนกลับไป หากตอนที่คนขับที่กลายเป็นโจรโบกรถที่เช่ามานั้นไปก่อนและเหลือแต่เธอนั้นก็ไม่­รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีก ลงทุนวางแผนเช่ารถเลือกเหยื่อที่ดูว่าคิดอะไรไม่ทันหรือดูซื่อๆ ฟังดูแล้วน่ากลัวมาก

เรื่องเล่าจากเมล์ที่ฟอรเวิร์สกันมา

> >แชร์ประสบการณ์
> >ผมเคยประสบเหตุนี้แล้วกับตัวเองที่ถนนมเหศักดิ์ ซึ่งเชื่อม ถนนสาธรกับถนนสีลม
> >เป็นเวลากลางวัน ระหว่างที่รถผมหยุดรอไฟเขียว มีชาย 2 คนเดินมาข้างหลัง
> >ทั้งคู่กระตุกประตูหลัง คนละข้าง โชคดีที่ประตูล๊อกอยู่ 1 ใน 2
> >คนนั้นพยายามดึงแรงขึ้นอีก แล้วทั้งคู่ก็เดินเร็วผ่านรถผม แล้วปนไปในฝูงชน
> >เดี๋ยวนี้เหตุร้ายเกิดได้ตลอด
> >ไม่ว่ามืดหรือสว่างเราคงต้องระวังอย่าเผลอเชียวละ

> >เหตุการณ์ที่ 1
> >ภรรยาผมจะมีนิสัยเมื่อขึ้นรถแล้วต้องกดเซนทรัลล๊อคทั้งก่อนสตาร์ทเครื่อง
> >และก่อนดับเครื่อง มีรถเก๋งคันหนึ่งสีเงิน มีคนสองคนเดินลงมาจากรถแล้วก็เดินมาที่รถของเราอย่างสุภาพขณะที่ภรรยาผมกำลังเล­่นกับลูกอยู่เพลินๆ

> >ก็ได้ยินเสียงตึ๊กจากข้างหลัง ภรรยาผมก็ตกใจรู้สึกตัวว่ามีคนพยายามเปิดประตูหลังของรถเราแต่เพราะรถล๊อคพวกเข­าก็เดินกลับ
> >ไปขึ้นรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนที่ภรรยาผมเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง
> >ผมคิดว่าเหลือเชื่อจริงๆ กลางวัน แสกๆ แท้ๆ ถ้าหากบังเอิญรถไม่ได้ล๊อค
> >ผมไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากจะให้ทุกคนมีนิสัยขึ้นรถต้องล๊อครถ
> >พวกผู้ร้ายมักจะลงมือจากเบาะหลังเพราะจะควบคุมสถานการณ์ได้ง่าย

> >เหตุการณ์ที่ 2
> >หลังจากจ่ายเงินค่าจอดรถเลี้ยวออกจากโรงพยาบาล ก็จอดติดไฟแดง ขณะนั้น (
> >ยังไม่ถึง 3 นาที ระบบล๊อคอัตโนมัติคงยังไม่ทำงาน
> >)ชายหนุ่มสองคนก็เข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ โชคดีที่พ่อแม่ของผมไหวตัวเร็วมาก
> >รีบถอดเข็มขัดนิรภัย ดับเครื่อง ดึงกุญแจออกแล้วออกมายืนนอกรถโดยเร็ว
> >คนทั้งสองคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ในรถหน้าตาเฉย
> >จนกระทั่งคุณแม่ของผมตะโกนใส่พวกเขาว่า
> >พวกเรายังมีเพื่อนฝูงอยู่ในโรงพยาบาลอีกเยอะจะให้เรียกพวกเขาลงมาคุยกับพวกแกไ­หม
> >พวกเขาจึงออกมาจากรถแล้วบอกว่าขอโทษขึ้นผิดคัน ( นี่มันปล้นกันชัดๆ )
> >แล้วรถคันข้างหลัง ( มีคนอยู่ในรถสองคน ) ก็ขับมารับพวกเขาจากไป น่ากลัวที่สุด

> >เหตุการณ์ที่ 3
> >ตอนจอดติดไฟแดง รถของผมอยู่ห่างจากทางแยกประมาณคันที่สามหรือสี่ สักครู่หนึ่ง
> >จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ท้ายรถผม บนรถมีชายหนุ่มอายุ ประมาณ 20
> >กว่า สองคน แล้วที่น่าสงสัยก็คือ พวกเขาพยายามมองเข้ามาในรถของผม
> >ผมจึงจ้องพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง พอไฟเขียวก็ออกรถพร้อมมัน
> >ผมบังเอิญได้ยินหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า 'รถมันล๊อคหมด' แล้วก็ขับเลยไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น