25 ม.ค. 2551

ความเชื่อและความเข้าใจที่ผิด (Misconcept)

ความเชื่อและความเข้าใจที่ผิด (Misconcept) หมายถึง ความเชื่อและความเข้าใจ ที่เกิดจากแนวความคิด (Concept) ซึ่งได้มาจากประสบการณ์หรือความรู้ในข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีเหตุผลเพียงพอและปราศจากพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ความเชื่อและความเข้าใจที่ผิด จึงเป็นอีกด้านหนึ่งของวิชาหรือความรู้ กล่าวคือ คนที่มีความเชื่อและความเข้าใจที่ผิดอาจจะมิใช่พวกอวิชชา หรือไม่มีความรู้เสมอไป อาจเป็นพวกมีวิชาความรู้ในเรื่องนั้นๆ ก็ได้ แต่ว่ารู้มาผิดหรือผิดบ้างถูกบ้าง คลุมเครือไม่แน่ชัดลงไป นอกจากนี้ วิชาความรู้นั้นมักไม่ชอบด้วยเหตุผล และขาดหลักการทางวิทยาศาสตร์ จึงทำให้ผู้รู้ประเภทนี้มีแนวความคิดซึ่งก่อให้เกิดความเชื่อถืออย่างงมงาย หรือเกิดความเข้าใจผิดอย่างผิดพลาดขึ้น

ความเชื่อและความเข้าใจที่ผิดอาจแบ่งออกได้เป็น 2 แบบด้วยกัน แบบหนึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด และอีกแบบหนึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด ส่วนต้นเหตุหรือที่มาของความเชื่อที่ผิด และความเข้าใจที่ผิด ดังกล่าวก็อาจเกิดได้แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ความเชื่อและความเข้าใจผิดที่ยังมีอยู่ในเกือบทุกๆ ด้าน หรือทุกๆ สาขาของวิชาความรู้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสังคมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ประยุกต์ สำหรับตัวอย่างของความเชื่อและความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับเรื่องเพศ มีดังนี้

1. วัณโรคและโรคเรื้อนอาจถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ เช่น บิดามารดาเป็นวัณโรค บุตรที่เกิดมามักจะเป็นโรคนี้ด้วย

วัณโรคและโรคเรื้อน เป็นโรคติดต่อที่ติดต่อทางพันธุกรรมไม่ได้ เพราะเชื้อวัณโรค และเชื้อโรคเรื้อนไม่สามารถผ่านรกเข้าไปสู่ทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น การที่บิดามารดาเป็นวัณโรค หรือโรคเรื้อน บุตรที่เกิดมาจึงไม่มีโอกาสได้รับเชื้อโรคนี้ นอกเสียจากมาติดโรคเอาเมื่อคลอดออกมาแล้ว โดยการสัมผัสหรือคลุกคลีกับมารดาหรือบิดาที่เป็นโรคเท่านั้น ถ้าหากแยกทารกออกไปทันทีหลังคลอด เด็กจะไม่มีโอกาสเป็นโรคได้เลย

2. โดยทั่วไปผู้ชายมีความฉลาดกว่าผู้หญิง

เพศมนุษย์ไม่มีอิทธิพลเหนือปัญญา ผู้หญิงก็สามารถเรียนได้ดีเท่ากับผู้ชาย ถ้าหากผู้หญิงได้มีโอกาสเรียนได้เท่าเทียมกับผู้ชายเช่นในปัจจุบัน ยิ่งกว่านั้นยังเคยปรากฏว่า ผู้หญิงเรียนบางวิชาได้ดีกว่าผู้ชายด้วยซ้ำไป นอกจากนี้ผู้หญิงก็สามารถทำงานในหน้าที่สำคัญๆ ได้ดีเท่าๆ กับผู้ชาย สิ่งที่ผู้หญิงอาจเป็นรองผู้ชายอยู่บ้างก็เห็นจะได้แก่กำลังกาย และความรู้รอบตัว เป็นต้น

3. ชายหนุ่มที่ไม่ใคร่มีหนวดเคราขึ้น แสดงว่ามีความรู้สึกทางเพศหรือกามารมณ์น้อย

หนวดเครามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเชื้อชาติเผ่าพันธุ์เป็นส่วนใหญ่ สำหรับความรู้สึกทางเพศ มักจะขึ้นอยู่กับจิตใจและอารมณ์ รวมทั้งสิ่งแวดล้อมอื่นๆ อีกหลายอย่าง หนวดเคราเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับจิตใจ หนวดเคราจึงไม่เป็นสาเหตุที่จะทำให้ความรู้สึกทางเพศหรือกามารมณ์เปลี่ยนแปลงได้

4. หญิงสาวที่มีหน้าอกหรือทรวงอกใหญ่ แสดงว่ามีความรู้สึกทางเพศหรือกามารมณ์สูงมาก

หน้าอกของผู้หญิงอาจจะใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับเชื้อชาติเผ่าพันธุ์เป็นส่วนใหญ่ พันธุกรรมมีส่วนอยู่บ้างเหมือนกัน นอกจากนี้ การบริหารและการบำรุงสุขภาพของร่างกายก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง ที่จะทำให้ร่างกายส่วนนี้เจริญเติบโตขึ้นได้ สำหรับความรู้สึกเพศนั้นขึ้นอยู่กับจิตใจและอารมณ์ รวมทั้งสิ่งแวดล้อมอื่นๆ อีกหลายอย่าง ส่วนต่างๆ ของร่างกายจึงไม่เป็นสาเหตุที่จะทำให้ความรู้สึกทางเพศ หรือกามารมณ์เปลี่ยนแปลงได้

5. คนที่เป็นกะเทยหรือผู้ชายที่ชอบแต่งตัวเป็นผู้หญิง เมื่อแต่งงานกับผู้หญิงแล้วไม่สามารถจะมีบุตรได้

คนที่เป็นกะเทยหรือผู้ชายที่ชอบแต่งตัวเป็นผู้หญิงที่เรียกกันว่า "ลักเพศ" นั้น เป็นพวกที่มีจิตใจหรือความรู้สึกทางเพศปกติ ชอบประกอบกามกิจกับเพศชายด้วยกัน แต่เนื่องจากบุคคลพวกนี้มีอวัยวะเพศเหมือนผู้ชายทั่วไป ดังนั้น เมื่อร่วมประเวณีกับผู้หญิง จึงสามารถทำให้ผู้หญิงนั้นตั้งครรภ์หรือมีบุตรได้

6. คนที่ทำหมันแล้วมักจะเป็นคนที่ไม่ใคร่มีแรง และมีความรู้สึกทางเพศหรือกามารมณ์น้อยลง

การทำหมันเป็นเพียงการผูกหรือตัดท่อทางเดินของเซลล์เพศ เพื่อมิให้เซลล์เพศ ออกมาผสมกับเซลล์เพศของเพศตรงข้ามได้เท่านั้น ไม่ได้ทำให้มีการเปลี่ยนแลงส่วนอื่นๆ โดยทั่วไปคนที่ทำหมันแล้วควรจะปกติทุกอย่าง นอกจากบางคนซึ่งมีความเชื่อหรือความเข้าใจที่ผิด โดยได้รับคำบอกเล่าที่ผิดดังว่านี้มาก็เลยทำให้เกิดความหวาดกลัวหรือความกังวลใจ อาจจะเป็นผลทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไปได้บ้างในชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องของจิตใจ ที่มีผลกระทบต่อร่างกาย (Psychosomatic reaction)

7. เรื่องอวัยวะเพศและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของร่างกายไม่ควรจะนำไปปรึกษากับผู้ใหญ่ เพราะเป็นเรื่องที่น่าอับอายและไม่สุภาพ

อวัยวะเพศก็เหมือนกับอวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย เช่น ตา หู แขน และขา เมื่อมีอะไรผิดปกติจึงควรรีบปรึกษาผู้ใหญ่ เพื่อว่าจะได้จัดการแก้ไขเสียแต่เนิ่นๆ และมักจะทำได้ง่าย ไม่ควรคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอายและไม่สุภาพ นอกจากนี้ การที่เห็นอวัยวะเพศเป็นสิ่งซึ่งผิดแปลก กว่าอวัยวะอื่นๆ ของร่างกายนั้น ก็เป็นข้อบกพร่องอย่างสำคัญยิ่งในเรื่องสุขวิทยาโดยทั่วไป

8. การมีประจำเดือนเป็นอาการผิดปกติหรือเป็นโรคอย่างหนึ่งของผู้หญิง

การมีประจำเดือนเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของผู้หญิง เริ่มตั้งแต่เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น ซึ่งแสดงว่าผู้หญิงนั้นมีร่างกายพร้อมที่จะให้กำเนิดทารกได้ ประจำเดือนหรือระดู คือ เยื่อบุมดลูกที่สลายตัวปนกับโลหิตออกมา เมื่อไม่มีการผสมพันธุ์เกิดขึ้นในเดือนนั้น ประจำเดือนมีจะมีอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งอายุ 45-50 ปีก็จะหมดไป (Menopause) ดังนั้น สำหรับคนที่มีสุขภาพดีโดยทั่วไปแล้ว ขณะมีประจำเดือนจะไม่มีอาการผิดปกติเกิดขึ้น นอกจากคนที่มีร่างกายไม่แข็งแรง สุขภาพไม่ใคร่ดีและไม่รู้จักการปฏิบัติตนที่ถูกต้อง ก็มักจะทำให้มีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้อง อาเจียน มีอารมณ์หงุดหงิดและบางทีก็ถึงกับมีอาการเป็นไข้ จึงทำให้บางคนเชื่อและเข้าใจว่า การมีประจำเดือนเป็นอาการผิดปกติหรือเป็นโรคอย่างหนึ่งของผู้หญิง

9. ถ้าบิดาเป็นคนเจ้าชู้ ลูกชายมักเป็นคนเจ้าชู้เหมือนบิดา

การเป็นคนเจ้าชู้เกิดจากจิตใจ อารมณ์ และสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เช่น อิทธิพลของเงิน อำนาจ และโอกาสสำหรับเรื่องจิตใจและอารมณ์ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดความเจ้าชู้ ลูกชายอาจจะไม่เจ้าชู้เหมือนบิดาก็ได้ และลูกชายที่เจ้าชู้ บิดาอาจจะไม่เจ้าชู้ก็มี

10. สาวแก่หรือผู้หญิงอายุมากที่ไม่ได้แต่งงานมักจะเป็นคนมีอารมณ์หงุดหงิดได้ง่าย

อารมณ์หงุดหงิด (Moodiness) อาจเกิดขึ้นจากสาเหตุหลายประการ เช่น ความผิดหวัง ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความตึงเครียดทางอารมณ์ต่างๆ ซึ่งรวมทั้งความตึงเครียดทางด้านกามารมณ์ (Sexual tension) ด้วยสาเหตุต่างๆ เหล่านี้คนเราสามารถควบคุมได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะความตึงเครียด ทางด้านกามารมณ์นั้น สำหรับผู้หญิงอายุมากหรือสาวแก่ที่ยังไม่ได้แต่งงาน (Old maid) ก็อาจจะควบคุมได้เช่นเดียวกัน เพราะอารมณ์ของคนเราไม่ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลของการสมรส หรือการแต่งงานแต่เพียงอย่างเดียว

11. คนที่มีสิวมากมักเป็นคนที่มีความรู้สึกทางเพศหรือกามารมณ์สูง

สิวเกิดจากต่อมไขมันที่ผิวหน้ามีน้ำมันมากผิดปกติและได้รับเชื้อโรคเข้าไปด้วย จึงทำให้ต่อมไขมันอักเสบและมีสิวขึ้น สิวมักเป็นมากในคนวัยรุ่นเพราะเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต อวัยวะต่างๆ ของร่างกายต้องทำงานเพิ่มมากขึ้นและมีเหงื่อไคลมาก สำหรับความรู้สึกทางเพศ ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับจิตใจและอารมณ์ ดังนั้น การเป็นสิวจึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับความรู้สึกทางเพศ หรือกามารมณ์แต่อย่างใด

12. การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองบ่อยๆ จะทำให้จิตใจไม่ปกติหรือเป็นโรคจิตประสาทได้

การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองเป็นการระบายความเครียดทางกามารมณ์วิธีหนึ่ง ถ้าไม่ทำให้มากเกินไปจะไม่ทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด บางคนที่ทำแล้วเกิดจิตใจไม่ปกติ อาจเป็นเพราะคิดว่าสิ่งที่ตนทำนั้นผิด แต่ก็อดทำไม่ได้เพราะธรรมชาติเรียกร้อง จึงกลายเป็นปมด้อย ทำให้เกิดความรู้สึกวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าได้รับการชี้แจงให้เข้าใจถูกต้องแล้วอาการนั้นๆ ก็จะหายไปเอง

13. ถ้าผู้ชายมีน้ำอสุจิเคลื่อนออกมาทางอวัยวะสืบพันธุ์ในขณะนอนหลับ แสดงว่าร่างกายไม่ปกติ

การมีอสุจิหรือเซลล์เพศ (Sperm) เกิดขึ้นเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของผู้ชาย เริ่มตั้งแต่อายุย่างเข้าสู่วัยรุ่น ซึ่งแสดงว่า ผู้ชายนั้นมีร่างกายพร้อมที่จะให้กำเนิดทารกได้ เช่นเดียวกับผู้หญิงที่มีประจำเดือนเหมือนกัน เมื่อมีน้ำอสุจิคั่งค้างมากก็อาจเคลื่อนออกมาได้ การที่มีน้ำอสุจิเคลื่อนออกมาทางอวัยวะเพศขณะนอนหลับนั้น เป็นวิธีผ่อนคลายความตึงเครียดทางเพศหรือกามารมณ์ตามธรรมชาติวิธีหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เป็นความผิดปกติแต่อย่างใด

14. คนที่เป็นกามโรคห้ามรับประทานปลากระเบน สาเก หัวหมู และหูปลาฉลาม ฯลฯ เพราะจะทำให้โรคกำเริบ

ปลากระเบน สาเก หัวหมู และหูปลาฉลามเป็นอาหารของมนุษย์ ไม่ใช่เป็นสาเหตุโดยตรง (Exciting cause) หรือสาเหตุช่วย (Predisposing cause) ที่ทำให้เกิดกามโรคได้ กามโรคทุกชนิดเกิดจากการติดเชื้อเฉพาะโรค อาจจะกำเริบหรือไม่อยู่ที่ความรุนแรงของเชื้อโรค และความต้านทานโรคของผู้ได้รับเชื้อ ไม่เคยปรากฏว่าอาหารดังกล่าวทำให้ความต้านทานโรคต่ำลงเลย อาจมีบางคนที่แพ้เมื่อรับประทานอาหารจำพวกนี้เข้าไปในขณะเป็นกามโรคอยู่และเกิดอาการแพ้อาหาร (Allergic reaction) ขึ้นจึงเข้าใจว่ากามโรคกำเริบ ดังนั้น อาหารเหล่านี้ไม่ใช่ของแสลงอย่างที่เข้าใจกัน

15. ในขณะมีประจำเดือนห้ามดื่มน้ำมะพร้าว

น้ำมะพร้าวมีลักษณะคล้ายๆ กับน้ำหวานหรือเครื่องดื่มธรรมดานี้เอง ซึ่งไม่มีผลกระทบกระเทือน ต่อการมีประจำเดือน อาจมีบางคนที่แพ้น้ำมะพร้าว เมื่อดื่มเข้าไปในขณะมีประจำเดือนอยู่จึงเกิดอาการแพ้ขึ้น เพราะในน้ำมะพร้าวนั้นมีสารประกอบหรือฮอร์โมนบางอย่างซึ่งทำให้บางคนเกิดอาการแพ้ได้ เลยเข้าใจผิดกันว่าน้ำมะพร้าวเป็นของแสลงสำหรับผู้ที่กำลังมีประจำเดือน

16. ในขณะมีประจำเดือนห้ามรับประทานน้ำแข็ง

ความเย็นจากน้ำแข็งอาจทำให้มดลูกบีบรัดตัวได้ แต่น้ำแข็งที่รับประทานเข้าไปทางปากนั้น ไม่เย็นเข้าไปถึงมดลูก เพราะเวลาที่คนเรารับประทานอาหารเข้าไปไม่ว่าจะร้อนหรือเย็น อาหารนั้นจะถูกเฉลี่ยอุณหภูมิให้เท่ากับอุณหภูมิของร่างกาย คือ ประมาณ 98.6 องศาฟาเรนไฮด์เสมอ ดังนั้น การรับประทานน้ำแข็งจึงไม่มีผลต่อการมีประจำเดือน

17. ถ้ามองคนแก้ผ้าแล้วตาจะเป็นกุ้งยิง

กุ้งยิงเป็นโรคติดต่ออย่างหนึ่งของเปลือกตา เกิดจากตาสกปรกและมีเชื้อโรค (Bacteria) เข้าตา เพียงแต่การมองเท่านั้นไม่สามารถทำให้เกิดโรคได้

18.ในขณะมีประจำเดือนห้ามออกกำลังกายทุกชนิด

การออกกำลังกายพอสมควรและสม่ำเสมอเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้คนเรามีสุขภาพดี โดยเฉพาะผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือนก็ไม่ควรงดการออกกำลังกาย รวมทั้งกิจการต่างๆ ที่เคยกระทำอยู่เป็นประจำ แต่มีข้อควรระวังอย่างออกกำลังกายโลดโผนหรือทำงานหักโหมจนเกินไป

19. ในขณะมีประจำเดือน ถ้าเด็ดใบไม้จะทำให้ต้นไม้เหี่ยว

ในขณะที่มีประจำเดือนนั้น แม้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับเมื่อเด็ดใบไม้ แล้วจะทำให้ต้นไม้เหี่ยวได้เลย

20. ในขณะมีประจำเดือน ถ้าสระผมจะทำให้ขอบตาเขียว

ในขณะที่มีประจำเดือนร่างกายต้องเสียโลหิตไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นผลทำให้โลหิต ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ น้อยลงบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ขอบตาเขียวได้

21. การรับประทานไข่จะทำให้มีความรู้สึกทางเพศหรือทางกามารมณ์เพิ่มมากขึ้น

ไข่ไก่ ไข่เป็ด หรือไข่นกกระทาเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ใช้สำหรับบำรุงร่างากายโดยทั่วไป ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับความรู้สึกทางเพศ หากรับประทานไข่มากก็อาจทำให้ร่างกายแข็งแรงและสมบูรณ์ดีขึ้น เช่นเดียวกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อื่นๆ

22. ยาบำรุงร่างกายบางชนิดที่โฆษณาทางวิทยุโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ เป็นยาบำรุงเกี่ยวกับเรื่องเพศที่เชื่อถือได้

ยาบำรุงร่างกายต่างๆ ที่โฆษณาทางวิทยุ โทรทัศน์ หรือทางหนังสือพิมพ์นั้น ผู้เป็นเจ้าของยามักจะแสวงหาผลประโยชน์ทางการค้าโดยพยายามโฆษณาชวนเชื่อ อวดอ้างสรรพคุณของยามากเกินความเป็นจริง เพื่อที่จะจำหน่ายยาให้ได้มากๆ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยถ้าหากจะใช้ยาเหล่านี้เพื่อบำรุงร่างกายเกี่ยวกับเรื่องเพศ จึงควรปรึกษาแพทย์เสียก่อน

23. เราไม่ควรทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์เพราะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ

อวัยวะเพศก็เช่นเดียวกับอวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย ที่จำเป็นต้องได้รับการทำความสะอาดอยู่เสมอ นอกจากนั้นบริเวณอวัยวะเพศยังเป็นส่วนของร่างกายที่เกิดความสกปรกได้ง่ายเพราะเป็นที่อับ ถ้าหากไม่หมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอแล้วย่อมเกิดความสกปรก มีกลิ่นเหม็น และถ้าขืนปล่อยทิ้งไว้ให้สกปรกนานๆ เข้า ก็อาจเป็นต้นเหตุให้เกิดโรคผิวหนังเรื้อรังได้ อย่างไรก็ตาม ควรทำความสะอาดเฉพาะอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกเท่านั้น สำหรับอวัยวะสืบพันธุ์ภายในถ้าสงสัยว่าผิดปกติก็ควรรีบปรึกษาแพทย์เสียก่อนที่จะกระทำการใดๆ ลงไปด้วยตนเอง

24. การไปเที่ยวสำส่อนกับหญิงโสเภณีเท่านั้นที่จะทำให้เป็นกามโรคได้

กามโรคนอกจากติดต่อกันได้โดยการร่วมประเวณีแล้ว ยังอาจติดต่อกันได้โดยทางอื่นๆ อีก เช่น การใช้เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มร่วมกับผู้ป่วย การดื่มน้ำแก้วเดียวกันหรือการจูบปากกับผู้ป่วยเหล่านี้เป็นต้น ย่อมเป็นสาเหตุให้ติดเชื้อกามโรคได้ทั้งนั้น นอกจากนี้กามโรคบางชนิดยังอาจติดต่อกันได้ทางสายโลหิต เช่น Congenital Syphilis เป็นต้น

25. ถ้าฝันว่าถูกงูรัดจะได้คู่ครอง

การที่คนเรานอนหลับแล้วฝันไปนั้นเกิดจากความนึกคิดของจิตใต้สำนึก (Subcoscious mind) โดยที่ผู้ฝันไม่รู้สึกตัว เรื่องที่ฝันจึงเป็นเรื่องไม่จริงเชื่อถือไม่ได้ และบางครั้งก็นับว่าเป็นเรื่องไร้สาระ อาการอยู่มากทีเดียว ยิ่งการนำเรื่องที่ฝันไปทำนายเหตุการณ์ต่างๆ ในอนาคตด้วยแล้ว เช่น ฝันว่าถูกงูรัดจะได้คู่ครอง ดังนี้เป็นต้น ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่เหลวไหลเชื่อถือไม่ได้มากยิ่งขึ้น ความเชื่อเกี่ยวกับการทำนายฝันจึงเป็นเรื่องของหมอดู หรือเป็นเรื่องที่นำมาพูดคุยกันเล่นสนุกๆ มากกว่าความเป็นจริง

26. รักแรกพบเป็นรักแท้และแน่นอน

ความรักครั้งแรกกับความรักครั้งก็เหมือนๆ กันที่ไม่เหมือนกันอยู่บ้างอาจเป็นเพราะต่างกรรมต่างวาระกัน ความรักครั้งแรกเป็นประสบการณ์ครั้งสำคัญ เพราะผู้ที่อยู่ในความรักไม่เคยมีความรักมาก่อน จึงทำให้มีความรู้สึกประทับใจ หรือมีความซาบซึ้งมากกว่าความรักครั้งหลังๆ ซึ่งความรักครั้งแรกนั้น หากเกิดกับคนวัยรุ่นมักจะมีความรุนแรงมากกว่าวัยอื่นๆ สำหรับรักแรกพบ หรือเมื่อหญิงชายพบกันครั้งแรกและคิดว่าทั้งสองรักกันนั้น ความจริงไม่ใช่ความรัก เป็นแต่เพียงความพึงพอใจหรือความหลงใหลในรูป รส กลิ่น เสียงเท่านั้น บางคู่ความพึงพอใจนี้ ได้เจริญต่อไปจนกลายเป็นรักแท้และแต่งงานอยู่กินด้วยกันมีความสุขไปตลอดชีวิตก็มี แต่บางคู่ก็พบในเวลาต่อมาว่าไม่สามารถจะปรับตัวเข้ากันได้ และเลิกร้างกันไปก็มี รักแท้นั้นย่อมมีลักษณะเฉพาะพิเศษอยู่หลายอย่าง ซึ่งมักต้องการเวลามากพอสมควร กว่าจะทราบได้แน่นอน ดังนั้น จึงไม่ควรรีบตัดสินใจทันทีที่ได้พบกันเป็นครั้งแรก

27. ผู้ชายเลือกคู่ครองควรใช้หลัก "ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่"

แม่และลูกแม้ว่าจะมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดเพียงใดก็ตาม แต่พ่อก็เป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีความสัมพันธ์กับลูกมากเหมือนกัน สำหรับการที่คนเราจะดีหรือไม่ดีนั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะของแต่ละบุคคล ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไป เพราะแม้แต่พี่น้องท้องเดียวกันก็อาจมีความแตกต่างกันได้ นอกจากนี้ยังปรากฏว่าผู้หญิงที่มีแม่ดีเป็นคนไม่ดีก็มีและผู้หญิงที่มีแม่ไม่ดีเป็นคนดีก็มาก ดังนั้น ในการที่ผู้ชายจะเลือกคู่ครองจึงควรใช้หลักเกณฑ์ต่างๆ หลายอย่างพิจารณามากกว่า การที่จะเชื่อตามคำพังเพยนี้เพียงอย่างเดียว

28. ผู้หญิงและผู้ชายที่มีอายุมาก ถ้าหากแต่งงานกันแล้ว บุตรที่เกิดมามักจะเป็นคนโง่

สาเหตุที่ทำให้คนเราโง่นั้นมีหลายประการ เช่น สมองถูกกระทบกระเทือนและเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ รวมทั้งหน่วยพันธุกรรม (Gene) ที่ได้รับมาจากบิดาเป็นหน่วยพันธุกรรมที่โง่ ไม่เกี่ยวกับอายุของบิดามารดา นอกเสียจากสุขภาพของบิดามารดาในขณะที่ทารกปฏิสนธิจะบกพร่องอย่างมากหรือมีการคลอดลำบาก ซึ่งทำให้สมอของทารกได้รับความกระทบกระเทือนมาก จนเป็นเหตุทำให้สมองเสื่อมได้

29.ผู้หญิงและผู้ชายที่เป็นญาติสนิท เช่น ลูกเรียงพี่เรียงน้อง ถ้าหากแต่งงานกัน บุตรที่เกิดมามักจะเป็นคนโง่

สาเหตุที่ทำให้คนเราโง่นั้น มีหลายประการ เช่น สมองถูกกระทบกระเทือนและ การเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ รวมทั้งหน่วยพันธุกรรมที่ได้รับจากบิดามารดาเป็นหน่วยพันธุกรรมที่โง่ ดังได้กล่าวมาแล้วตามกฎของเมนเดล พี่น้องท้องเดียวกัน (Sibling) จะมีสิ่งที่ดีและไม่ดีอยู่ในหน่วยพันธุกรรมคล้ายกันมาก เมื่อแต่งงานแล้วมีบุตร บุตรอาจจะมีโอกาสได้รับเอาส่วนที่ดีหรือไม่ดีนี้จากทั้งสองฝ่ายได้ แต่ถ้าเป็นลูกเรียงพี่เรียงน้องกันชั้นที่หนึ่งหรือชั้นที่สอง (First or second cousin) โอกาสที่บุตรจะรับเอาส่วนที่ดีหรือไม่ดีจากทั้งสองฝ่ายก็ยิ่งน้อยลงไปอีกจนสังเกตไม่ได้ อย่างไรก็ตามเรื่องความโง่นี้ยังไม่มีการยืนยันที่แน่นอนว่าเป็นลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ฉะนั้น การที่ลูกเรียงพี่เรียงน้องแต่งงานกัน บุตรที่เกิดมาก็น่าจะมีลักษณะเหมือนกับบุตร ที่เกิดจากสามีภรรยาทั่วไป

30. ผู้หญิงและผู้ชายที่เป็นเนื้อคู่กันมักจะมีใบหน้าเหมือนหรือคล้ายกัน

ผู้หญิงและผู้ชายที่จะเป็นเนื้อคู่กัน และจะรักกันไปจนถึงขั้นแต่งงานนั้น ควรจะต้องมีเหตุผลหลายๆ อย่างประกอบกัน เช่น ความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน อุปนิสัยใจคอ และรสนิยม รวมทั้งความสนใจ ทัศนคติและอุดมคติที่สามารถปรับให้เข้ากันได้ สำหรับผู้หญิงและผู้ชายที่มีใบหน้าเหมือนกันหรือคล้ายกันนั้น อาจจะเป็นองค์ประกอบอันหนึ่ง ที่ช่วยทำให้สนใจและเกิดความรักขึ้นได้ เพราะบางครั้งคนเราก็ชอบอะไรๆ ที่เหมือนตัวเรา หรือเหมือนกับของของเรา แต่อย่างไรก็ตาม คนที่มีใบหน้าเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน เป็นศัตรูกันก็มี และคนที่มีใบหน้าไม่เหมือนกันหรือไม่คล้ายกันเลย เป็นเนื้อคู่และได้แต่งงานกันก็มีอยู่มาก

31. ผู้หญิงและผู้ชายที่ได้แต่งงานกันเป็นเพราะบุพเพสันนิวาสเมื่อชาติก่อน

การแต่งงานมักจะเกิดจากความสมัครใจของคู่สมรส หรือความประสงค์ของผู้ปกครอง และยังขึ้นอยู่กับเหตุการณ์และสิ่งแวดล้อมในชาตินี้อีกหลายอย่าง เรื่องชาติหน้าและชาติก่อน เป็นความลึกลับที่ยังพิสูจน์กันไม่ได้ ความเชื่อเรื่องนี้จึงเป็นเสมือนหนึ่งเครื่องปลอบใจ หรือให้ความหวังแก่คนที่เชื่อมากกว่าข้อเท็จจริง

32. หญิงสาวที่เยื่อพรหมจารีขาด แสดงว่าผ่านการร่วมประเวณีกับผู้ชายมาแล้ว และถือว่าเป็นหญิงสาวที่ไม่บริสุทธิ์

นอกจากการร่วมประเวณีแล้ว เยื่อพรหมจรีอาจขาดได้ด้วยสาเหตุอื่นๆ อีกมาก เช่น ขี่จักรยาน ขี่ม้า เล่นกีฬาต่างๆ การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง การถูกแพทย์ตรวจภายใน (ซึ่งมีความจำเป็นในการวินิจฉัยโรคบางชนิดของสตรี) เหล่านี้เป็นต้น นอกจากนี้ผู้หญิงบางคน อาจไม่มีเยื่อพรหมจารีมาตั้งแต่เด็กๆ ก็เป็นได้ ดังนั้น หญิงสาวที่เยื่อพรหมจารีขาดจึงไม่ควรถือว่า ผ่านการร่วมประเวณีมาแล้วและเป็นหญิงสาวที่ไม่บริสุทธิ์เสมอไป

33. ผู้หญิงที่รับประทานกล้วยแฝดจะมีลูกฝาแฝด

คนเราเกิดมาจากการผสมพันธุ์ระหว่างเซลล์เพศชาย (Sperm) ของพ่อ และเซลล์เพศหญิงหรือไข่ (Ovum) ของแม่ โดยปกติแล้วการผสมพันธุ์นี้เกิดจากเซลล์สืบพันธุ์หญิง หรือไข่ 1 ใบ กับเซลล์เพศชาย 1 ตัว ในบางครั้งการผสมพันธุ์ที่เกิดจากเซลล์เพศหญิงหรือไข่ 1 ใบ กับเซลล์เพศชาย 1 ตัวนี้ มีความเจริญผิดปกติ จึงเกิดลูกฝาแฝดแบบแฝดแท้ (Identical twins) ขึ้น แต่ในบางครั้งการผสมพันธุ์อาจเกิดจาก เซลล์เพศหญิงหรือไข่มากกว่า 1 ใบ ผสมกับเซลล์เพศชายมากกว่า 1 ตัว จึงเกิดลูกฝาแฝด แบบแฝดเทียม (Fraternal twins) ขึ้น ซึ่งสาเหตุในการเกิดลูกฝาแฝดเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้อง กับการรับประทานอาหารเลย และกล้วยแฝดกับกล้วยธรรมดาก็เป็นอาหารอย่างหนึ่ง ซึ่งมีส่วนประกอบเหมือนๆ กัน จึงไม่น่าจะมีผลต่อการเกิดลูกฝาแฝดแต่อย่างใด

34. ผู้หญิงที่ถูกผู้ชายจูบจะตั้งครรภ์ได้

การตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้จากการผสมพันธุ์ระหว่างเซลล์เพศชายของบิดากับเซลล์เพศหญิง หรือไข่ของมารดา การที่เซลล์เพศชายจะผสมกับไข่ได้นั้นเกิดจากการร่วมประเวณี เพียงแต่การจูบเท่านั้นไม่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ เพราะทั้งเซลล์เพศชาย และเซลล์เพศหญิงไม่มีโอกาสจะผสมกันได้

35. ผู้หญิงที่ใช้ส้วมร่วมกับผู้ชายจะตั้งครรภ์ได้

ได้กล่าวมาแล้วว่า การตั้งครรภ์นั้นเกิดขึ้นอย่างไร ดังนั้น การที่ผู้หญิงใช้ส้วมร่วมกับผู้ชาย จึงไม่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ ถึงแม้บังเอิญมีเซลล์เพศชายติดอยู่ในบริเวณส้วมบ้าง แต่เซลล์เหล่านี้จะตายเร็วมาก เพราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ยิ่งกว่านั้นเซลล์เหล่านี้ ไม่มีทางที่จะเข้าไปในโพรงมดลูกของหญิงได้เลย

36. ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ถ้าดูรูปภาพสวยๆ จะทำให้มีบุตรรูปร่างหน้าตาสวยด้วย

การมองดูรูปภาพสวยๆ งามๆ เป็นผลทางจิตใจ ทำให้ผู้ตั้งครรภ์มีอารมณ์แจ่มใส ซึ่งมีส่วนทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นเช่นเดียวกับการบำรุงร่างกายในลักษณะอื่นๆ เหมือนกัน ที่มีส่วนช่วยในเรื่องสุขภาพของหญิงที่ตั้งครรภ์โดยทั่วไป แต่รูปร่างหน้าตาของทารกในครรภ์นั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของพันธุกรรม ซึ่งเด็กที่เกิดมาอาจจะมีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับพ่อแม่ หรืออาจจะเหมือนกับ ปู่ ย่า ตา ยาย หรือบางทีอาจจะไม่เหมือนใครเลยก็เป็นได้ จึงเห็นได้ว่า การที่บุตรจะมีรูปร่างหน้าตาสวยหรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการที่แม่ดูรูปภาพสวยๆ งามๆ แต่เพียงอย่างเดียว

37. คนเราเกิดหรือคลอดออกมาทางสะดือของมารดา

เรื่องเกี่ยวกับการเกิดของคนเราเป็นปัญหาทางเพศที่เด็กโดยทั่วๆ ไปมีความสนใจกันมาก จึงมักถามบิดามารดา ครู หรือผู้ใหญ่อยู่บ่อยๆ ว่า "หนูเกิดมาจากไหน?" ซึ่งผู้ใหญ่มักจะตอบเลี่ยง จากความเป็นจริง เพราะบางคนถือว่าเป็นเรื่องไม่สุภาพ และตัวเองไม่สามารถหาคำตอบที่เหมาะสม มาอธิบายให้เด็กเข้าใจได้ ซึ่งความจริงแล้วควรตอบเด็กตามตรงจะดีกว่า เช่น อาจจะตอบว่า "หนูเกิดมาจากท้องแม่" เป็นต้น แทนที่จะตอบเด็กไปว่า "หนูเกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่" หรืออย่างอื่น เพื่อให้เด็กได้มีความรู้ที่ถูกต้องเสียแต่แรก และเมื่อเด็กไปทราบความจริงเพิ่มขึ้นภายหลัง จะได้ไม่เสื่อมความนับถือผู้ใหญ่ลงไป

38. คนที่มีไฝระหว่างคิ้วเป็นคนเจ้าชู้

ไฝเป็นเนื้องอกชนิดหนึ่งอาจเกิดขึ้นที่ใดๆ ก็ได้ ไม่มีความสัมพันธ์กับความประพฤติ และจิตใจของคนเราเลย แต่ก็มีบางคนเข้าใจว่าไฝทำให้เกิดความสวยงามมีเสน่ห์ ในเรื่องลักษณะและตำแหน่งของไฝนี้ หมอดูเชื่อกันว่าสามารถบอกหรือทำนายเหตุการณ์ และบุคลิกภาพของคนเราได้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะพิสูจน์ให้เห็นจริงได้ ยิ่งกว่านั้น คนที่มีไฝระหว่างคิ้วไม่เป็นคนเจ้าชู้ก็มี

39. คนที่มีขวัญหลายขวัญเป็นคนเจ้าชู้

ขวัญ หมายถึงเส้นผมที่ขึ้นเรียงกันเป็นก้นหอยอยู่บนศรีษะของคนเรา ซึ่งขวัญนี้เป็นลักษณะการเจริญของเส้นผม ไม่เกี่ยวข้องกับอุปนิสัยใจคอ และไม่มีเหตุผลเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมทางเพศเลย

40. คนที่มีคิ้วต่อกันเป็นคนเจ้าชู้

คิ้วต่อกันเป็นลักษณะความเจริญของขนคิ้วซึ่งไม่สัมพันธ์กับจิตใจ บางคนก็เข้าใจว่า คิ้วต่อนั้นสวยงามมีเสน่ห์ การเป็นคนเจ้าชู้เกิดจากจิตใจและอารมณ์มากกว่าอย่างอื่น ดังนั้น คนที่มีคิ้วต่อกันจึงไม่ใช่คนเจ้าชู้เสมอไป

41. คนที่ไฝที่มีริมปากมักจะชอบพูดจาก้าวร้าวผู้อื่น

ไฝเป็นเนื้องอกชนิดหนึ่งซึ่งอาจเกิดขึ้นที่ใดก็ได้ ไม่มีความสัมพันธ์กับจิตใจ และความประพฤติของคนเรา ในเรื่องลักษณะและตำแหน่งของไฝนี้ หมอดูเชื่อกันว่าสามารถบอกหรือทำนายเหตุการณ์ และบุคลิกภาพของคนเราได้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะพิสูจน์ได้ คนที่ไม่มีไฝที่ปากเป็นคนพูดจาก้าวร้าวผู้อื่นก็มี และคนที่มีไฝที่ปากเป็นคนพูดจาสุภาพ เรียบร้อยก็มีถมไป

42. เด็กผู้ชายถ้ามีใบหน้าเหมือนบิดามักจะเป็นคนอาภัพ และเด็กผู้หญิงถ้ามีใบหน้าเหมือนมารดา ก็มักจะเป็นคนอาภัพเช่นเดียวกัน

ความอาภัพนั้นมักจะเนื่องมาจากบุคลิกภาพไม่ดี ไม่มีความสามารถ หรือความประพฤติไม่ดี เป็นต้น ดังนั้นใบหน้าหรือหน้าตาจะเหมือนใครหรือไม่เหมือนใครจึงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องความอาภัพ

43. ผู้หญิงสาวที่รับประทานอาหารชิ้นสุดท้ายมักจะไม่ได้แต่งงาน

อาหารชิ้นสุดท้ายก็น่าจะมีส่วนประกอบอย่างเดียวกันกับอาหารชิ้นอื่นๆ ที่รับประทานเข้าไปแล้ว มีบางคนถือว่าในการรับประทานอาหารนั้นไม่ควรรับประทานกันจนหมดเกลี้ยงจาน ควรจะเหลือเอาไว้บ้าง ซึ่งเชื่อและเข้าใจกันว่าเป็นมรรยาทที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง จึงได้มีคำกล่าวในเชิงขู่เอาไว้ ซึ่งต่อมาเลยกลายมาเป็นความเชื่อถือในทำนองโชคลางไป ควรจริงอาหารชิ้นสุดท้าย และการแต่งงานไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเลย

44. การตักบาตรในพิธีมงคลสมรส ถ้าฝ่ายใดจับทัพพีเหนือกว่าถือว่า ฝ่ายนั้นจะเป็นผู้มีอำนาจมากกว่า

ในพิธีมงคลสมรสมักจะมีการกระทำหรือการล้อกันเล่นบางอย่าง เพื่อให้เกิดความสนุกสนานรื่นเริง ในระหว่างหนุ่มสาวและแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน การจับทัพพีขณะตักบาตรเป็นโอกาสหนึ่งที่เจ้าบ่าว และเจ้าสาวในสมัยก่อนได้ใกล้ชิดกัน เพราะจะต้องจับทัพพีร่วมกัน ซึ่งเป็นจุดสนใจของบรรดาผู้ไปร่วมงาน จึงมีการยั่วยุให้ทั้งสองฝ่ายพยายามเอาชนะซึ่งกันและกัน เพราะเป็นความสนุกสนานรื่นเริง ต่อมาเลยทำให้เกิดความเชื่อถือโชคลางหรือเคล็ดในการตักบาตรสำหรับพิธีมงคลสมรสขึ้น การมีอำนาจในการครองเรือนนั้นไม่ได้อยู่ที่การจับทัพพี แต่อยู่ที่ควรยินยอมของแต่ละฝ่าย หรือเหตุผลอื่นๆ มากกว่า

45. ผู้ชายบางคนอาจจะมีเวทมนต์คาถา หรือของขลังที่ทำให้ผู้หญิงรักใคร่และหลงใหลได้

การที่ผู้หญิงผู้ชายจะรักกันถึงขั้นหลงใหลนั้น เหตุผลควรเนื่องมาจากความเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี ความเห็นอกเห็นใจและการรู้จักปรนนิบัติทะนุถนอมน้ำใจซึ่งกันและกัน เหล่านี้เป็นต้น ส่วนเวทมนต์คาถา และของขลังนั้นเป็นเครื่องช่วยทางด้านจิตใจหรือกำลังใจมากกว่า หาได้เป็นสาเหตุสำคัญต่อความรัก หรือการทำให้ฝ่ายหญิงรักใคร่และหลงใหลฝ่ายชายแต่อย่างใดไม่

46.ผู้ชายและผู้หญิงที่จะแต่งงานกันควรจะให้หมอดูตรวจโชคชะตาราศีเสียก่อนว่าเป็นเนื้อคู่กันจริงหรือไม่

การตรวจดูโชคชะตาราศีเป็นเรื่องของโหราศาสตร์อาจมีประโยชน์ในเรื่องให้กำลังใจ และทำให้เกิดความเชื่อมั่นแต่การที่จะอยู่กินด้วยกันไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเหตุผลอื่นๆ อีกหลายประการ

เมื่อความเชื่อและความเข้าใจที่ผิดเหล่านี้เกิดขึ้นแก่ผู้ใดแล้ว ก็จะฝังตัวอยู่ในจิตใจของผู้นั้น อย่างแนบสนิทจนกลายเป็นปัญหาสำคัญซึ่งยากต่อการแก้ไขในภายหลัง ดังที่เคยพบกันว่า บางรายก็อาจจะแก้ได้ง่าย แต่บางรายก็แก้ได้ยาก ถ้าเป็นพวกที่เชื่อผิดจะแก้ได้ยากมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าความเชื่อนั้นๆ ใช้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ให้เห็นจริงไม่ได้ด้วยแล้ว จะยิ่งแก้ไขได้ยากมากขึ้นหรืออาจหมดโอกาสเอาเลยทีเดียว จึงมีผู้กล่าวกันเสมอว่า การที่จะขจัดหรือลบล้างความเชื่อถือของคนเรานั้นไม่ใช่ของง่าย วัยของคนก็เป็นสาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแก้ไขความเชื่อ ถ้าอายุยังน้อยหรือเด็กก็อาจแก้ได้ง่าย แต่ถ้าอายุมาก หรือผู้ใหญ่ก็อาจแก้ได้ยาก เข้าทำนอง "ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก" หรือสายเกินไปที่จะแก้ไขนั่นเอง แต่ถ้าเป็นพวกที่เข้าใจผิด การแก้ไขก็อาจจะทำได้ง่ายขึ้น เพราะเพียงแต่ได้รับความรู้ที่ถูกต้องและเหมาะสม ความเข้าใจที่ผิดก็อาจเปลี่ยนเป็นความเข้าใจที่ถูกได้ไม่ยากนัก

ความเชื่อและความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับเรื่องเพศเหล่านี้ อาจจะให้โทษหรือเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีความเชื่อ และความเข้าใจที่ผิดมากบ้างน้อยบ้าง แล้วแต่ลักษณะหรือธรรมชาติ จังหวะหรือโอกาสรวมทั้งระดับ หรือความมากน้อยของความเชื่อและความเข้าใจที่ผิดนั้นๆ ด้วย เพราะเป็นที่ยอมรับกันในทางวิชาการว่า ความเชื่อและความเข้าใจย่อมมีบทบาทสำคัญในการที่จะวางกรอบแห่งความคิดเห็น หรือวางหลักแห่งการกระทำในด้านต่างๆ ของคนเรา พฤติกรรมที่แสดงออกมาทั้งในทางความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติ ให้เข้ากับสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมต่างๆ อย่างถูกต้องและเหมาะสมอีกด้วย

แหล่งที่มา : สุชาติ โสมประยูร และ วรรณี โสมประยูร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น