แพทย์แนะหมั่นทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ อย่าให้มีกลิ่นอับชื้น ล้างแผ่นกรองอย่างน้อยเดือนละครั้ง ชี้เครื่องปรับอากาศเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสและเชื้อรา ต้นเหตุโรคภูมิแพ้ ผื่นผิวหนัง หอบหืด ปอดบวม วัณโรค และโรคระบบทางเดินหายใจ
นพ.ฉัตรชัย เอกปัญญาสกุล แพทย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) องครักษ์ เปิดเผยว่า ไม่มีใครสนใจว่าเครื่องปรับอากาศนั้นแม้จะทำให้คลายร้อนลงได้ แต่แฝงไปด้วยเชื้อโรคและมลพิษที่มีผลต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อสุขภาพแทบทั้งสิ้น เช่น โรคภูมิแพ้ ผื่นผิวหนังอักเสบ หืดหอบ ปอดบวมจากเชื้อลีเจียนแนร์ วัณโรค และโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอื่นๆ เชื้อโรคที่อยู่ในเครื่องปรับอากาศมักเป็นเชื้อโรค ที่เจริญเติบโตได้รวดเร็วและแพร่เชื้อผ่านทางอากาศ โดยเชื้อแบคทีเรียส่งผลให้คนที่ใช้เครื่องปรับอากาศเป็นโรควัณโรค เชื้อไวรัส ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส งูสวัด หัดเยอรมัน
นพ.ฉัตรชัย กล่าวด้วยว่า ดังนั้นผู้ใช้เครื่องปรับอากาศควรจะสังเกตว่าเวลาที่เปิดเครื่องปรับอากาศ ถ้ามีกลิ่นอับชื้นที่มากับความเย็น กลิ่นอับชื้นเหล่านี้มักมาจากเชื้อโรคที่ออกมาจากช่องระบายความเย็น และแผ่นกรองอากาศของเครื่องปรับอากาศ โดยความชื้นจะเป็นแหล่งสะสมเพาะพันธุ์อย่างดีของเชื้อโรค และเมื่อสะสมมากๆ เชื้อโรคก็จะหลุดลอยออกมาปะปนกับอากาศเย็นภายในห้อง ไม่ใช่ความเย็นบริสุทธิ์ แต่เป็นความเย็นที่เต็มไปด้วยเชื้อโรคต่างๆ มากมาย โรคที่พบบ่อยของการใช้เครื่องปรับอากาศที่เต็มไปด้วยเชื้อโรคก็คือ โรคภูมิแพ้ ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการคันจมูก คันตา จามบ่อย แน่นจมูก และเมื่อตื่นนอนขึ้นมาจะมีอาการระคายคอ และหากมีอาการป่วยรุนแรงมาก อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
นพ.ฉัตรชัยกล่าวว่า แนะนำให้ผู้ที่ใช้เครื่องปรับอากาศล้างทำความสะอาด เครื่องปรับอากาศสม่ำเสมอ ด้วยการล้างแผ่นกรองอากาศอย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยใช้น้ำฉีดแรงๆ ที่ด้านหลัง ด้านที่ไม่ได้รับฝุ่น ให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกหลุดออก และในแต่ละปีควรล้างเครื่องปรับอากาศแบบเต็มระบบ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น