สวัสดีเพื่อน ๆ พี่ๆ ทุกคน
ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิง หมวยมีประสบการณ์ภัยใกล้ตัวที่น่ากลัวและเมื่อนึกขึ้นทีไร ก็เป็นเรื่องน่ากลัวในจิตใจทุกที จึงอยากจะมาเล่าประสบการณ์ให้ได้รู้และได้ระวังกัน ในความชั่วร้ายของรถ Taxi เรื่องมีอยู่ว่า
คืนวันพุธที่ 30 เม.ย. 2551 ที่ผ่านมา หมวยไปยืนรอรถ taxi ที่หน้าสนามกีฬาแห่งชาติ (ข้าง MBK) เวลาประมาณ 4 ทุ่มกว่า ๆ หมวยยืนรอ taxi อยู่นานมากๆๆ แต่ก็ไม่มี taxi คันไหนไปซักคัน (หมวยจะไปปิ่นเกล้า) ซักพักก็มี taxi (ยี่ห้อ toyota soluna รุ่นเก่า สีฟ้า ถ้าจำไม่ผิด) วิ่งมาจอดตรงหน้า และมันก็รับหมวยขึ้นรถไปโดยเส้นทางที่มันพาเราไปก็คืน วิ่งตรงไปตรงสะพานยศเส แล้วก็เลี้ยวขวาผ่านตรงตลาดโบ๊เบ๊ ก็นึกในใจว่าเราเป็นผู้หญิงคนเดียวขึ้น taxi ดึก ๆ คนเดียวก็อันตรายเหมือนกันนะ (นึกถึงเรื่องที่เคยอ่าน mail ว่ามีคนถูก Taxi รมยาสลบ และล่าสุดน้องอุ๋ม (เพื่อนที่ทำงานปัจจุบัน) นั่ง taxi ตอนกลางวันแล้วเจอ taxi มันเร่งเครื่องยนต์ขณะรถติดก็อาจเป็นได้ว่ามันกำลังคิดการไม่ดี น้องอุ๋มก็เลยลงรถ ) หมวยก็เลยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาแฟน ก็บอกแฟนว่า 'ขึ้นรถ taxi แล้วนะอีกประมาณครึ่งชั่วโมงคงถึงบ้านแล้วล่ะ' ในใจก็หันไปมอง กท รถที่เคยเห็นในรถ taxi ทั่วไปมี จะบอกแฟนว่าขึ้นรถ taxi กท อะไร ก็เห็นแค่ว่า ' ทพ ' แต่ไม่มีเลยทะเบียน ก็เริ่มเอะใจ
แล้วในขณะที่หมวยพูดกับแฟน ไอ้คนขับ taxi ชั่ว มันก็เหมือนสะดุ้งตกใจ แล้วก็หันมามองเรา ซึ่งขณะนั้น taxi วิ่งผ่านตรงตลาดโบ๊เบ๊ พอรถเลี้ยวซ้ายเข้าตรง ธ.กรุงไทยสะพานขาว เพื่อที่จะมุ่งหน้าตรงไปสะพานผ่านฟ้า (ราชดำเนิน) ไอ้ taxi มันก็หันมามองหมวยอีกที แล้วมันก็หันกลับไป
ทันใดนั้นมือที่มันจับที่เกียร์รถยนต์ก็เหลือแค่ 3 นิ้ว (กลาง นาง ก้อย) ส่วนอีก 2 นิ้ว (นิ้วชี้กับนิ้วโป้ง) มันไปกดอะไรบางอย่างที่เป็นเหมือนช่องแอร์พิเศษที่รถ taxi คันอื่น ไม่มี (เท่าที่เคยสังเกตได้)แล้วมันก็เร่งแอร์ขึ้น เราเห็นพฤติกรรมมันเราก็เริ่มเตรียมตัวแล้วว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน เท่าที่จำความได้ประมาณ 1 นาทีผ่านไป ก็รู้เลยว่าถูกไอ้ taxi ชั่วมันรมยาสลบแน่ๆ
ความรู้แรกเลยคือ ความชามันเริ่มมาจากตรงท้อง ไล่มาตรงหน้าอก และสุดท้ายที่จำความรู้สึกได้คือรู้สึกหน้ามืด หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก หายใจถี่ เหมือนจะหมดสติในทันใด แต่ก็ตั้งสติได้ก็บอกไอ้คนขับว่าให้จอดข้างหน้าเลย (ก่อนที่จะบอกคนขับให้จอด มือก็เปิดที่ล็อกประตูแล้วก่อนที่จะบอกมัน) แล้วมันก็ชะลอรถแล้วถามว่าทำไม หมวยก็บอกว่า ' จอดแล้วกัน หายใจไม่ออก ถ้าไม่จอดจะกระโดดลงแล้วนะ' มันก็ไม่ถึงกับจอดสนิทหรอก แต่หมวยก็ดันประตูรถออกมาแล้วก็กึ่ง ๆ กระโดดลงออกมาจากรถ และจากสติที่ใกล้จะหมดแล้วได้ยินมันพูดว่า ' จะลงทำไมล่ะครับ ผมไม่ได้ทำไรคุณนะ แอร์รถผมก็เย็น' แล้วก็เหมือนได้ยินมันทวงค่า taxi ก็เลยโยนให้มัน จำได้ว่า 50 บาท (ทุกคนที่ฟังเราเล่าบอกว่าไปให้มันทำไม)
ในขณะที่กระโดดลงรถ ก็ลงมานั่งยองๆ เพื่อตั้งสติ มองเห็นอีกทีก็เห็นตัวเองอยู่กลางสี่แยกหลานหลวง และฝั่งตรงข้ามที่ลงมีป้อมเล็ก ๆ ที่ตอนแรกคิดว่าเป็นป้อมตำรวจ ก็แข็งใจวิ่งข้ามทางม้าลายไปตรงป้อมนั้น ปรากฎว่าเป็นแค่ป้อมจราจรที่ไม่มีตำรวจอยู่เลย และแล้วก็มีชายคนนึงเดินผ่านหน้า เราก็ร้องให้เค้าช่วย เค้าก็เข้ามาถามว่าเป็นอะไร ก็เล่าเหตุการณ์ให้เค้าฟัง เค้าก็นั่งเฝ้าเราซักฟักจนเราเริ่มมีสติ หมวยก็กด 191 ก่อนเลยเป็นอันดับแรก ไม่ต้องหวังเลยค่ะว่าจะโทรติด แต่ในขณะนั้นร่างกายอ่อนแรงมาก ๆ ผู้ชายคนนั้นก็เลยบอกว่าโทรหาแฟนคุณดีกว่าไม๊ ผมจะรอเป็นเพื่อน (จริง ๆ แล้วผู้ชายคนนั้นก็หน้าตาน่ากลัวเหมือนกัน) ก็เลยโทรหาแฟน
แฟนก็บอกให้พ่อของแฟนมารับกลับบ้าน (บ้านพ่อแฟนอยู่โบ๊เบ๊) ในระหว่างรอพ่อแฟนมารับ ผู้ชายคนนั้นเค้าก็รอเป็นเพื่อนนะ แล้วก็บอกให้หมวยไปรอตรงที่คนเยอะ ๆ สว่าง ๆ แต่จะบอกว่าแถวนั้นเป็นบริเวณที่เปลี่ยวมาก ๆ เพราะเป็นย่านค้าขาย ทุกคนปิดบ้านหมดและเงียบสนิท ดีหน่อยก็เพราะว่ายังมีรถวิ่งพลุกพล่าน แต่ก็ไม่มีอะไรดีกว่าไปยืนริมถนน ก็เลยไปยืนให้ใกล้ริมถนนที่สุดซึ่งมีรถวิ่งผ่านไปมา (ในใจก็แอบกลัวผู้ชายคนที่นั่งอยู่ด้วย)
พอมีสติก็เลยบอกเค้าว่าไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรอพ่อมารับกลับบ้าน แค่ 15 นาทีพ่อก็มาถึง แล้วผู้ชายคนที่เค้ารอเป็นเพื่อนเค้าก็เดินจากไป แล้วก็ยืนรอดูเราอยู่ไกลๆ (เหมือนเค้าจะรีบไปแต่เค้าก็ยังรอดูเราก่อนด้วยความเป็นห่วง เราคิดไปเองว่าเค้าอาจไม่ดี)
พ่อแฟนก็รับกลับบ้าน แล้วก็กะว่าจะพาไปแจ้งความที่ สน.นางเลิ้ง (พื้นที่เกิดเหตุ) แต่สภาพหมวยตอนนั้นก็แย่มาก เพราะเหลือแค่สติอันน้อยนิด ส่วนร่างกายหมดแรงไปเลย และในที่สุดก็ไม่ได้ไปแจ้งความ เพราะหมวยก็จำ กท.รถไม่ได้เลย
เช้าวันที่ 2 เมษายน เปิดทำงานหลังจากหยุดวันแรงงานไป 1 วัน ก็ได้มาเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่ ทำงานฟัง ทุกคนลงความเห็นว่าให้ไปแจ้งความ เพราะอาจมีวงจรปิดบริเวณแถวสี่แยกก็ได้ ก็กะว่าตอนเย็นจะไป (ตกเย็นก็นั่งเขียนเรื่องเตือนภัยนี้) กะว่าจะส่งให้เพื่อน ๆ พี่ๆ ที่รู้จักอ่านเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจ
นายที่อยู่ในห้องได้ฟังเรื่องก็เลยอาสาพาไปแจ้งความ นายบอกว่ารู้จักกับรอง ผกก. ก็เลยไปแจ้งความในเย็นวันนั้นก็เล่าเหตุการณ์ให้รอง ผกก.ท่านนั้นฟัง ท่านก็ให้ร้อยเวรทำการบันทึกประจำวันไว้ให้ แล้วในขณะนั้นท่านก็เล่าให้ฟังว่ามีคนมาแจ้งความเรื่องแบบนี้บ่อยในช่วงนี้ ซึ่งก็เป็น taxi ที่รับผู้โดยสารจากบริเวณเดียวกัน ท่านก็เห็นว่าเรื่องของหมวยน่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่น ท่านก็เลยต่อสายโทรศัพท์ไปยัง สถานีวิทยุรายการ สวพ.91 เพื่อที่จะให้หมวยเล่าประสบการณ์ออกรายการวิทยุ แต่พอดีวันนั้นฝนตกและการจราจรติดมาก ๆ เค้าไม่มีช่วงเวลาให้ออกรายการ ก็เลยไม่ได้เล่า ท่านก็เล่าว่าน่าเสียดายที่หมวยไม่ได้ไปแจ้งความตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ เพราะถ้ามาแจ้งความก็อาจจะพาไปตรวจร่างกายว่า ยาสลบที่คนร้ายใช้ เป็นยาสลบประเภทไหน จะได้เป็นข้อมูลให้ตำรวจต่อไป (เพราะยาสลบที่คนร้ายใช้ หมวยรู้สึกได้เลยว่ามันเร็วมากหลังจากที่มันเอื้อมมือไปกดยาประมาณแค่ไม่ถึง 1 นาที หมวยก็หมดแรงแล้ว ไม่อยากคิดต่อเลยว่า ถ้าหมวยตัดสินใจช้ากว่านั้น ไม่ตัดสินใจที่จะกระโดดลงมา ก็คงหมดสติไปในทันใดแน่เลย)
ก็เลยแอบเป็นห่วงเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่รู้จัก และช่วยบอก ๆ ต่อๆ เพื่อจะได้เป็นข้อเตือนภัยให้กับคนรู้จักต่อไป (เพราะที่หมวยรอดมาได้ก็เพราะจาก mail ที่ได้รับมาในทำนองนี้ที่เคยได้อ่านเหมือนกัน)
ข้อสังเกตและข้อควรระวัง 1. ถ้าไม่จำเป็นอย่าขึ้น taxi คนเดียว แต่ถ้าจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ก็ให้โทรหารคนรู้จัก แล้วก็บอกเลข กท taxi ที่เราขึ้นให้เค้าได้รู้ 2. จากสถิติที่ได้นั่งคุยกับตำรวจ ถ้าเป็น taxi เก่าก็ควรระวัง และให้สังเกตป้าย กท. บนรถ ถ้าไม่มีให้พึงระวังว่าไม่ควรขึ้น 3. จากการสังเกตเอง taxi ต้องสงสัยจะมีช่องแอร์พิเศษ อยู่บริเวณใกล้ ๆ เกียร์เพื่อเวลาเค้ากดยาแล้ว เราจะได้ไม่ทันสังเกต 4. ขณะนั่งรถอยู่ถ้าคนขับมีปรับเร่งแอร์ หรือเร่งเครื่องยนต์ (ขณะที่รถติด) ให้ตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ว่าไม่น่าไว้วางใจ สุดท้ายหากใครได้รับ mail นี้ช่วยส่งต่อ ๆ ให้ทุกคนที่รักและรู้จักด้วยนะคะ เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีใครอีกกี่คนที่โชคไม่ดีเหมือนหมวยที่รอดชีวิตมาได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น