29 พ.ย. 2551

ล้างพิษด้วยการสวนทวารหนักระวัง “ลำไส้ระเบิด”

สาธารณสุขเตือนการสวนทวารหนักด้วยน้ำเกลือ กาแฟ หวังล้างพิษออกจากร่างกาย มีอันตรายทำให้ลำไส้ระคายเคือง ระบม และระเบิดได้ โดยเฉพาะคนที่เป็นลำไส้ติ่งอักเสบ ลำไส้อุดตัน มะเร็งลำไส้ โรคไต ควรอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์ ไม่ควรสวนทวารหนักโดยพลการ ย้ำการกินอาหารที่กากใยสูง ผัก ผลไม้ ดื่มน้ำสะอาด ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ร่างกายมีระบบขับถ่ายของเสียได้เองอยู่แล้ว

นางนิตยา จันทร์เรือง มหาผล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในทางการแพทย์ใช้การสวนทวารหนัก เมื่อแพทย์ต้องการตรวจลำไส้ว่า มีความผิดปกติหรือไม่ แพทย์ต้องสวนทวารหนักเพื่อขับถ่ายสิ่งที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ออก หลังจากนั้นจึงใส่สารแบเรี่ยมซึ่งเป็นสารทึบแสง ดูว่าลำไส้มีความผิดปกติส่วนใด นอกจากนั้นยังใช้การสวนทวารหนักเพื่อรักษาภาวะลำไส้กลืนกันหรือซ้อนทับสวมกัน ค่อย ๆ ดึงลำไส้ให้อยู่ในตำแหน่งปกติรวมทั้งการสวนทวารหนักในกรณีที่ท้องผูก

นางนิตยา กล่าวว่า การสวนทวารหนักในปัจจุบันมีผู้นิยมสวนโดยใช้น้ำ น้ำเกลือ น้ำกาแฟ หวังผลเพื่อรักษาโรคและล้างพิษออกจากร่างกาย ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีข้อควรระวัง โดยเฉพาะคนที่เป็นไส้ติ่งอักเสบ ลำไส้อักเสบ หากใส่น้ำหรือของเหลวที่มีความดันเข้าไปทางทวารหนักจะเกิดความระคายเคือง ผิวลำไส้ที่บางอยู่แล้ว อาจโป่งพองถึงขั้นแตกระเบิดได้ กลุ่มคนที่เป็นโรคไต กรณีใช้น้ำเกลือ กาแฟ สวนทวาร การรับน้ำหรือเกลือมากเกินไปมีผลต่ออวัยวะ ผิวสัมผัสของลำไส้ใหญ่ ทั้งนี้ ลำไส้ใหญ่มีหน้าที่ดูดซึมน้ำเข้าสู่ร่างกาย เมื่อสวนน้ำเกลือหรือกาแฟเข้าไป ร่างกาย จะได้รับทั้งเกลือ กาเฟอีน ผ่านการดูดซึมของลำไส้ใหญ่ บางคนที่ไวต่อเกลือและกาเฟอีนอาจเป็นอันตรายได้

“ต้องดูว่ามีความจำเป็นต้องสวนทวารหนักหรือไม่ ข้อห้ามเป็นอย่างไร คนที่สวนต้องมีความรู้ความชำนาญ ไม่ใช่ใครก็สวนได้ เพราะลำไส้เหมือนลูกโป่ง หากเป่าลมเข้าไปมากลูกโป่งก็แตกได้ เนื่องจากน้ำมีแรงดัน หากน้ำที่ไหลเข้ามีแรงดันสูงก็เป็นอันตรายได้ เคยมีผู้สวนทวารหนักด้วยกาแฟแต่น้ำร้อนเกินไปทำให้ลำไส้พองอักเสบ จนต้องเข้ารับการรักษา คือ ผู้สวนต้องรู้ว่าใช้ความดันเท่าใด อุณหภูมิเหมาะสม และเอาน้ำอะไรมาสวน หมออาจใช้น้ำสบู่กรณีท้องผูก ทุกคนใช้น้ำไม่เท่ากัน พวกที่เป็นลำไส้อุดตันต้องดูปริมาณน้ำด้วย ใส่เข้าไปเท่าใด จะออกมาเท่าใด”นางนิตยา กล่าวและว่า ต้องพิจารณาความถี่ในการสวนทวารหนักด้วย เช่นเด็กอ่อน หากสวนทวารหนักบ่อย ๆ ลำไส้เด็กจะไม่ทำงาน ไม่บีบตัว เด็กจะไม่ถ่ายอุจจาระเอง

นางนิตยา ย้ำว่า คนที่เป็นไส้ติ่ง ลำไส้อักเสบ ลำไส้อุดตัน พังผืดรัดลำไส้ มะเร็งลำไส้ที่มีพยาธิสภาพอยู่ ไม่ควรสวนทวารหนัก เพราะทำให้ลำไส้ระบมจากอุณหภูมิของน้ำที่ร้อนหรือเย็นเกินไป ลำไส้ระคายเพราะน้ำยาหรือสารเคมีที่ใช้สวน ไม่รู้ความเข้มข้น ไม่รู้ว่าจะสวนถี่แค่ไหน ลำไส้ระเบิด จากแรงงดันน้ำมากจนทำให้ลำไส้ขยายตัว เป็นข้อควรระวังก่อนจะสวนทวารหนัก สวนล้างลำไส้

“การทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่จำเป็นต้องสวนทวารหนักล้างพิษ การรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ผัก ผลไม้ ทำหน้าที่ช่วยให้ระบบการขับถ่ายของร่างกายปกติ ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายตามธรรมชาติอยู่แล้ว ขอให้ดูแลอาหารการกินให้ดี ระวังอาหารไขมันสูง หมั่นออกกำลังกาย ดื่มน้ำสะอาด ผู้ที่ออกกำลังกายประจำระบบการขับถ่ายจะทำงานปกติ ไม่ท้องผูก” โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น