พูดถึงสปา ใครก็นึกถึงสถานที่แช่อาบน้ำสมุนไพร มีเตียงปูด้วยผ้าสำลีขาวนอนเปลือยหลัง ฟังเพลงแนวธรรมชาติเสียงน้ำไหลรินระหว่างพนักงานสปาออกแรงนวด ต่างจาก Cafe de' Spa by Fishfeet Spa ที่อยู่บนชั้น 2 ของคาร์แคร์ ย่าน .... คุณไม่ต้องเปลื้องผ้า แต่ถอดถุงเท้าถลกขากางเกงขึ้นเหนือเข้าแล้วเอาเท้าแช่ลงไปในบ่อน้ำขนาด 2 x 2 ฟุต รอพนักงานนวดคนสำคัญที่มาพร้อมกันเป็นฝูง!!!
อ้อ บอกก่อนว่าพนักงานนวดของที่นี่เป็นปลา ไม่ใช่คน
ก่อนจะหย่อนเรียวขาลงไปในบ่อจะมีพนักงานมาช่วยล้างเท้าด้วยน้ำสะอาดชะล้างล้างฝุ่นผงออกก่อน ในขณะเดียวกัน พนักงานจะสำรวจด้วยว่า ลูกค้ามีแผลสด แผลเปิด หรือแผลหนองต้องห้ามใช้บริการหรือเปล่า เพื่อความสะอาดและปลอดภัยของผู้ใช้บริการรายอื่น
เมื่อพร้อมแล้วก็เป็นหน้าที่ของปลาการารูฟาที่ว่ายวนอยู่ในอ่างบำบัด ซึ่งถือเป็นพนักงานประจำไม่มีเงินเดือนของสปาแห่งนี้ที่ รัฐนันท์ รูปปัทม์ หรือคุณปอม หนึ่งในหุ้นส่วนของ Cafe de' Spa by Fishfeet Spa บอกว่า เป็นปลาแบบเดียวกับสปาปลาที่ญี่ปุ่นให้บริการอยู่
“ญี่ปุ่นฮิตมาก เขานิยมใช้ปลาพันธุ์การารูฟาบำบัดให้ผ่อนคลาย สปาของเราก็เน้นที่ความผ่อนคลาย คลายเครียด เป็นหลัก" ปอม ผู้บริหารสปาปลาตอด เล่า
นอกจากคลายเครียดแล้ว ปลายังช่วยกินเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ไม่ต้องมานั่งขัดขี้ไคล น้ำลายของปลาพันธุ์นี้มีเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่ช่วยให้ผลัดเซลล์ผิวได้เร็วขึ้น และยังกินแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นเท้าอีกด้วย
ปลาการารูฟาที่บินมาไกลจากแดนซากุระเหมาะกับการบำบัดคลายเครียด เพราะเวลาพวกมันตอดจิ๊ดไปที่เท้าให้ความรู้สึกสั่นแบบช็อตไฟฟ้า (Spark vibration) เหมือนโดนไฟกระแสอ่อนๆ กระตุ้นปลายประสาทที่เท้า ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
ปลาบำบัดสุดฮิตในญี่ปุ่น จริง ๆ แล้วมีต้นกำเนิดอยู่ที่ตุรกี
มีเรื่องเล่าว่า ทหารตุรกีที่กลับจากการรบ พร้อมบาดแผลที่แห้งเป็นสะเก็ด เลยไปนอนแช่น้ำตกที่มีฝูงปลาการารูฟาชุกชุมมาตอดแผลจนสะเก็ดแผลหายไปหมด แผลหายเร็วขึ้น ต่อมาชื่อเสียงของปลาการารูฟาระบือไปถึงญี่ปุ่น จนเกิดสปาปลาบำบัดในกรุงโตเกียว ขยับขยายถึงขั้นเพาะพันธุ์อย่างแพร่หลาย เป็นที่นิยมในการนำมาใช้บำบัดคลายเครียด
ที่มาของสปาปลานี้ เกิดจาก “ออฟ” จิรเมธ ยันตรพร ไปเจอสปาแบบนี้ที่ญี่ปุ่น จึงสนใจและคิดที่จะเปิดบริการในไทย ก่อนที่จะใช้เวลากว่า 1 ปีศึกษาพันธุ์ปลา ศักยภาพของปลาจนหมดไส้หมดพุง โดยมี “จิระ เทียนส่งรัศมี” หุ้นส่วนอีกรายที่เชี่ยวชาญด้านสัตว์น้ำมาร่วมธุรกิจด้วย
“ช่วงแรกก็ลองผิดลองถูกกัน เพราะปลาที่ตอดได้มีหลากพันธุ์ และแต่ละพันธุ์ก็จะมีพฤติกรรมข้างเคียงที่ไม่เหมาะนำมาใช้บำบัด อย่างพวกชอบกระโดด ก็ไม่เหมาะ สุดท้ายมาลงตัวการารูฟาแบบเดียวกับที่ญี่ปุ่นใช้”
นอกจากใส่ใจพันธุ์ปลาบำบัด เจ้าของสปาปลายังต้องใส่ใจความสะอาด ลูกค้าทุกคนจะต้องหย่อนเท้าลงไปบ่อเดียวกัน สปาปลาจึงติดตั้งระบบบำบัดน้ำแบบพิเศษใช้เครื่องกรองถึง 4 ตัวใน 1 บ่อ มั่นใจได้ว่าจะไม่เหลือเศษสิ่งสกปรกค้างที่ก้นบ่อ
หลังจากแช่เท้าเสร็จแล้ว อาจจะระคายเคืองอยู่บ้าง แต่พนักงานก็จะมาทำความสะอาดพร้อมด้วยการล้างขาและเท้าด้วยน้ำสบู่อีกครั้ง
หลายคนอาจสงสัยว่า หลังจากปลามาตอดเท้าไปแล้วคงจะอิ่มแปล้ไม่เปลืองอาหาร จริงๆ แล้ว พวกมันยังต้องการอาหาร "เมนคอร์ส" เพราะการกินเซลล์ผิวตายนั้นเป็นพฤติกรรม แต่ไม่ทำให้อิ่มท้อง
สปาปลาเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ 1 มกราคมที่ผ่านมา มีลูกค้าแวะเวียนไปใช้บริการกว่า 1500 ราย บางรายติดใจถึงขนาดเปิดบัตรสมาชิกไว้ ซึ่งปัจจุบัน ยอดสมาชิกอยู่ที่ประมาณ 150 คน
“ส่วนมากคนที่มาใช้บริการจะเป็นกลุ่มคนทำงาน ที่รักสุขภาพ และต้องการการผ่อนคลายในรูปแบบใหม่”
คุณรัฐนันท์บอก ก่อนเล่าว่า ลูกค้าบางราย ใช้เวลาช่วงเลิกงานมาผ่อนคลาย ขอใช้บริการ 30 นาที นั่งแช่เท้าก่อนหลับปุ๋ยไปอย่างสบายอารมณ์ ส่วนลูกค้ากลุ่มสูงอายุก็จะมาในช่วงวันธรรมดา โดยมาเป็นกลุ่ม นั่งแช่เท้าพลายพูดคุยถึงลูกเต้าเคล้าความหลัง
คุณรัฐนันท์มองว่า ความผ่อนคลายเป็นเป้าหมายหลัก แต่ลูกค้าบางคนก็ได้ประโยชน์ในเชิงสุขภาพ อย่างคนที่ส้นเท้าแตก หรือใส่รองเท้าส้นสูงแล้วเกิดส้นเท้าแข็ง มีกลิ่นเท้า ก็ช่วยได้
“หลายคนก็จะมาถามว่า ต้องมากี่ครั้ง กลิ่นเท้าจึงจะหาย ทำนานแค่ไหน เท้าจะนุ่มสวย ไม่แข็งอีก ก็ต้องตอบไปตรงๆ ว่า ตอบยาก มันขึ้นอยู่กับพฤติกรรม ถ้าทำแล้วส้นเท้าอ่อนนุ่มเหมือนเดิม แต่ก็ต้องกลับไปใส่รองเท้าส้นสูงทุกวัน ส้นเท้าก็แข็งเหมือนเดิม หรือเท้าหายเหม็น แต่ก็กลับไปใส่รองเท้าคู่เดิม ยังไงก็กลับมามีกลิ่น” รัฐนันท์ตอบข้อสงสัย
จากการบอกปากต่อปากของบรรดาลูกค้า ทำให้ Cafe de' Spa by Fishfeet Spa ขยายการบริการออกไป ในลักษณะของการหาพันธมิตร โดยจัดหาบ่อ ระบบบำบัดน้ำ และปลา รวมถึงการให้คำปรึกษา ปัจจุบัน เริ่มขยายแล้ว 3 สาขาคือ สวนลุมไนต์บาซาร์, สี่แยกเหม่งจ๋าย และสุขุมวิท23 ปีนี้ ตั้งเป้าจะขยายเป็น 10 สาขาในกรุงเทพมหานคร ต่างจังหวัดก็เริ่มมีติดต่อเข้ามาไม่ว่าจะเป็นที่เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สุรินทร์ สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดร ขอนแก่น เป็นต้น
เมื่อถามถึงความสำเร็จสำหรับการบำบัดด้วยปลา นายรัฐนันท์มองว่า ความพึงพอใจที่ลูกค้าได้อาจจะไม่ต่างจากการบำบัดด้วยสิ่งอื่น แต่ปลาเป็นสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ ในสิ่งแวดล้อม ที่เป็นเหมือนโอเอซิสของคนกรุง
“ตอนนี้ กรุงเทพหรือเมืองใหญ่ๆ เป็นป่าตึกไปแล้ว คนแสวงหาความเป็นธรรมชาติ ปลาถือเป็นธรรมชาติบำบัดที่ตรงใจคนหลายกลุ่ม” หัวหน้าฝูงปลา กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น