“ความตึงเครียด” เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่ใช่ว่าจะเลวร้ายไปเสียทั้งหมด ..
เพราะการออกกำลังกายนาน 20 นาที ของคนอายุ 65 ปี ที่มีสุขภาพดีและมีโครงสร้างร่างกายที่ดี ยืนตรงสมสัดส่วนนั้นถือว่าเป็นความตึงเครียดที่ดี (Good Stress) ขณะที่การออกกำลังกายในระยะเวลาที่เท่ากันของคนอายุ 35 ปี แต่มีระบบโครงสร้างร่างกายที่แย่ ไม่ได้สัดส่วนนั้นจะเป็นความตึงเครียดที่ไม่ดี (Bad Stress) โดยปกติแล้วปฏิกิริยาของคนเราต่อความตึงเครียดนั้นจะเป็นไปตามความพร้อมและ สุขภาพโดยรวมของเรา
ความตึงเครียดของมนุษย์แบ่งได้เป็น 3 ชนิด คือ ความตึงเครียดทางกาย อารมณ์ และเคมี
พูดถึงความตึงเครียดทางกาย : การได้รับบาดเจ็บแบบ whiplash จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นที่มาอัน ชัดเจน เช่นเดียวกันกับการเคลื่อนไหวที่ทำซ้ำๆ การลื่นล้ม การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่พอเพียง หรือการทำสวนอย่างหนักจนเกินไป ตั้งแต่ช่วงต้นๆ การหัดเดินหรือหัดถีบรถจักรยาน และแม้แต่กระบวนการในการให้กำเนิดเองนั้นก็เป็นที่มาของความเครียดทางกาย
ที่น่าห่วงและต้องให้ความสำคัญในการดูแลความตึงเครียดทางกาย ก็คือตึงเครียดสะสมจะทำให้เราหมดแรงสำรอง ไม่สามารถจะทำงาน หรือทำกิจวัตรที่ใจเราอยากทำได้ แม้แต่การเดินเล่น ถูบ้าน ซักผ้า การไปซื้อของหรือการเล่นกีฬาง่ายๆ เราก็แทบจะทนไม่ได้และรู้สึกว่าทำไม่ไหว หมดแรงเสียแล้ว
ขณะที่ความตึงเครียดทางอารมณ์ : ความ กลัว ความเศร้า ความโกรธ และอารมณ์อื่นๆ นั้นมีผลต่อร่างกายทั่วสรรพางค์ของเรา สามารถสังเกตได้ โดยเฉพาะท่าทางการทรงตัวของบางคนที่มีความเศร้า หรือหดหู่ ความหงุดหงิด ท้อถอย หรือความรู้สึกว่าไร้อำนาจในที่ทำงานนั้น เป็นรูปแบบที่พบมากที่สุด ซึ่งร่างกายจะตอบสนองและแสดงให้เห็นถึงสภาพของอารมณ์ได้อย่างชัดเจน หลายรายไม่สามารถยืนเหยียดตรงได้ ต้องนั่งพิงกำแพงราวกับคนหมดแรง
สำหรับความตึงเครียดทางเคมี : ที่มาของที่พบบ่อยที่สุดนั้นรวมถึงโภชนาการที่ไม่ถูกสุขลักษณะ น้ำตาล คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการกลั่นกรอง และไขมันที่ไม่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ยา สารกันบูด ยาสูบ การฉีดวัคซีน แอลกอฮอล์ ละอองเกสรดอกไม้ และกลุ่มของสารอื่นๆ นั้น ก็มีผลต่อระบบประสาท กล้ามเนื้อ ความมีกำลังของกล้ามเนื้อ และกระดูกสันหลังของคนเราเช่นเดียวกัน
จริงๆ ปัญหานั้นมิได้อยู่ที่ละอองเกสรดอกไม้หรือสารเคมี เพราะไม่ใช่ว่าคนทุกคนจะมีปฏิกิริยาต่อสิ่งดังกล่าวเสมอไป แต่ในรายที่สูญเสียความสามารถในการปรับตัว สภาพอารมณ์ที่ย่ำแย่ และรายที่ร่างกายขาดกำลังสำรองที่จำเป็นต่อการปรับตัวเข้ากับความเครียด ความเครียดจะเข้าครอบงำ เมื่อร่างกายต้องผจญกับความเครียดก็อาจจะเกิดปฏิกิริยาโต้ตอบที่เรียกว่า “การสะดุดตัวตัดวงจ”
เช่นเดียวกับคนที่เกิดอาการตกใจ เสียใจ จนเป็นล้ม หมดสติ โครงสร้างร่างกาย เมื่อเจอสภาพความเครียดมากๆ ก็จะเกิดการเคลื่อนหรือเหลื่อมกันเล็กน้อยของกระดูกสันหลัง
ส่วนความตึงเครียดนั้นจะมีผลต่อกระดูกสันหลังอย่างไร
“นึก ภาพว่าไขสันหลังของท่านเป็นสายกีตาร์ ที่ยิ่งตึงมากเท่าใดโน้ตก็สูงขึ้นเท่านั้น ระบบประสาทของมนุษย์มี “ความตึง” เช่นกัน ด้วยสิ่งที่ทำให้เกิดความตึงเครียดแต่ละอย่างจะทำให้ร่างกายมีสภาพแน่นตึง ขึ้น เหมือนท่านกอดตัวเองไว้เพื่อให้เกิดส่วนโค้งที่แน่นๆ เวลาที่ท่านนั่งรถไฟเหาะฉันใดก็ฉันนั้น ข้อที่อ่อนแอที่สุดของกระดูกสันหลังจะถูกผลักดันออกจากตำแหน่งปกติของมัน ซึ่งเช่นเดียวกับโน้ตเสียงแหลมๆ ที่ออกมาจากสายที่ถูกขึงจนตึงเกินไปนั่นเอง สภาพการณ์ดังกล่าวส่งผลทำให้สมรรถนะของร่างกายในการที่จะตอบสนองต่อความตึง เครียดลดลง”
ธรรมชาติบำบัด ด้วยศาสตร์ไคโรแพรคติก ช่วยได้ ในการบำบัดรักษาผู้มีความตึงเครียดนั้น หากไม่ต้องการใช้ยา มนุษย์มีทางเลือกโดยใช้ศาสตร์ธรรมชาติบำบัดที่เรียกว่า ไคโรแพรคติก เป็นการรักษาแบบองค์รวม ที่ให้ความสนใจการทำงานที่สัมพันธ์กันของระบบโครงสร้างร่างกาย กล้ามเนื้อและระบบประสาท การรักษานั้นไม่ได้มุ่งไปที่การขจัดความตึงเครียด แต่มุ่งเพิ่มขีดความสามารถของร่างกายในการที่จะรับมือกับความตึงเครียดต่างๆ เพราะเมื่อกระดูกสันหลังและระบบประสาท กลับคืนสู่สภาพอันสมบูรณ์ กลไกอัจฉริยะต่างๆ ของร่างกายก็จะทำงานได้เต็มที่ ส่งผลให้ร่างกายสามารถรับมือกับความตึงเครียดทางอารมรณ์และสารเคมีที่มากระ ทบได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของมนุษย์แต่ละคนและระดับความเครียดต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งแน่นอนว่าหากมีการดูแลรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรก และมีการดูแลโครงสร้างร่างกายให้มีสมรรถนะดีเสมอ โอกาสที่ความเครียดที่ไม่ดีจะออกทำงานก็น้อยลง ถึงแม้เกิดขึ้นร่างกายก็จะรับรู้ในทางบวก คือเป็นเรื่องที่ท้าทายที่พร้อมสามารถจัดการได้ มากกว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัว หรือเลวร้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น