หน้าฝนอย่างนี้ หลายคนคงไม่อยากไปเที่ยวไหนให้ฝนรบกวนอารมณ์ใช่ไหมล่ะ แต่ช่วงโลว์ซีซั่นอย่างฤดูฝนนี่แหละที่เขาว่าน้ำตกจะสวยที่สุด โดยเฉพาะน้ำตกทีลอซู ที่หลายคนใฝ่ฝันอยากไปเยือนให้ได้สักครั้งนั่นเอง
ปกติถ้าจะมาทีลอซูก็สามารถนั่งรถเข้ามาถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางได้เลย แล้วค่อยเดินเท้าต่อไปที่ตัวน้ำตก แต่สำหรับในช่วงฤดูฝนอย่างนี้จนถึงปลายเดือนตุลาคมเขาจะปิดถนนไม่ให้รถเข้า เนื่องจากถนนลื่นและค่อนข้างอันตราย อีกทั้งยังเป็นการพักฟื้นธรรมชาติไม่ให้ถูกรบกวนอีกด้วย ดังนั้นใครที่จะมาเที่ยวหน้าฝนก็จะต้องล่องแพยางเข้าไป แล้วเดินเท้าต่อแทน . . . เรียกว่า ถึงจะลำบาก แต่ก็เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่ดึงดูดให้คนมาเที่ยวได้อย่างดี
ก่อนเดินทางต้องขอบอกที่มาที่ไปของชื่อทีลอซูกันก่อน ซึ่งคำว่า ทีลอซูนี้เป็นภาษากะเหรี่ยง เพราะมีพรานชาวกะเหรี่ยงเป็นผู้ค้นพบ มีความหมายว่า น้ำตกดำ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะน้ำตกทีลอซูไหลมาจากลำห้วยกล้อท้อ บริเวณประเทศพม่า เข้ามาอยู่ท่ามกลางป่าดงดิบทึบ ในเขตอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก จนดูเหมือนดินแดนลึกลับนั่นเอง เรื่องความสวยงามไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นน้ำตกที่ไหลผ่านหินปูน น้ำตกจึงสวยงามเป็นพิเศษ แถมมีความสูงถึง 300 เมตร กว้างถึง 500 เมตร ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 6 ของเอเชีย และติดอันดับสวยงามระดับโลก จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมที่นี่ถึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต เพราะไม่ว่าจะฤดูกาลไหนก็มีผู้มาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ
เอาล่ะถ้าเตรียมข้าวของเพื่อล่องแพกันเสร็จแล้ว ก็จะเริ่มเดินทางกันได้เลย โดยเราจะล่องแพยางไปตามแม่น้ำแม่กลองเพื่อไปยังท่าทราย จุดเริ่มต้นเดินเท้าที่รอเราอยู่ข้างหน้า ระหว่างที่ล่องแพกินบรรยากาศ เราก็ได้แวะเที่ยวระหว่างทางไปด้วย โดยจุดแรกเราจะเจอกับ "น้ำตกทีลอจ่อ" หรือ น้ำตกสายฝน ที่ไหลจากหน้าผาลงมาเป็นม่านคล้ายสายฝนจริงๆ ผ่านจาก "ทีลอจ่อ" ไปจะเจอ "บ่อน้ำร้อน" ใครขี้เมื่อย อยากผ่อนคลาย ก็สามารถโดดลงไปแช่ให้สบายเนื้อ สบายตัวได้ อุณหภูมิกำลังเหมาะ หลังจากขึ้นมาจากบ่อน้ำร้อนแล้วก็เดินทางกันต่อ จะผ่านทั้ง "ผาเลือด" หน้าผาสูงที่มีสีแดงเหมือนเลือด "ผาผึ้ง" ที่เมื่อก่อนเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงผึ้งจำนวนมาก และ "ผาบ่อง" หน้าผาที่มีช่องขนาดใหญ่จากการถูกน้ำกัดเซาะ นั่งเรือยางชิลๆ ไม่กี่อึดใจก็ถึงท่าทรายแล้ว รวมๆ ก็ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าได้
พอถึงท่าทรายก็ต้องเตรียมเดินเท้าต่ออีก 10 กิโลเมตร เพื่อไปยังจุดกางเต๊นท์บริเวณที่ทำการ "เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง" สำหรับนักผจญภัยอย่างเรา แค่ 10 กิโลเมตรนี่สบายๆ อยู่แล้ว(จริงม่ะ?)เส้นทางช่วงแรกๆ ก็จะเป็นเส้นทางป่า ขึ้นเขาลงเขากันตลอดทาง จุดนี้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษกว่าจะผ่านเส้นทางหฤโหดนี้ได้ พอผ่านไปได้ช่วงที่เหลือจะเป็นถนนลูกรัง ระหว่างทางเดินก็มีดอกไม้ ต้นไม้นานาพันธุ์ให้ชมจนเพลินด้วย มารู้ตัวอีกที อ้าว! ถึงจุดกางเต๊นท์ซะแล้ว
พักผ่อนเอาแรงกันสักคืน รุ่งเช้าค่อยเดินเท้าต่อเพื่อไปยังไฮไลท์ที่รออยู่ข้างหน้า แต่ทางนี้รับรองว่าสบายกว่าเมื่อวาน เพราะเป็นทางปูลาดด้วยซีเมนต์ ยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร เดินไปเรื่อยๆ ยังไม่ทันถึงตัวน้ำตก เสียงกึกก้องดังสนั่นหวั่นไหวของสายน้ำขนาดใหญ่ที่ตกลงมากระทบผาจากความสูงกว่า 300 เมตร คือ สิ่งแรกที่เราได้สัมผัส ก่อนจะได้ตื่นตาตื่นใจกับพลังของสายน้ำในช่วงฤดูฝนที่มีขุ่นชา และไหลแรง ยิ่งใหญ่และสวยงามยากจะบรรยายจริงๆ ไม่เสียแรงที่บุกผ่าฝ่าดงหลายชั่วโมงมาเยือนครั้งนี้ กระซิบบอกนิดนึงว่า ช่วงเวลาที่เหมาะชมน้ำตกทีลอซูที่สุดคือ ช่วงเช้า เพราะช่วงบ่ายดวงอาทิตย์จะอ้อมไปที่หลังหน้าผา ภาพที่เห็นอาจไม่สวยเท่าตอนเช้า
เราสามารถยืนชมน้ำตกตามจุดต่างๆ ที่จัดไว้ตลอดเส้นทางได้ โดยน้ำตกจะไหลลดหลั่นเป็นชั้นๆ บางจุดต้องเดินผ่านสายน้ำตก จึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก เต็มอิ่มแล้วก็เดินย้อนกลับมาตามเส้นทางเดิม เพื่อกลับมาลงเรือยางล่องต่อไปยังจุดที่ลำน้ำบรรจบกับถนน แล้วกลับสู่ที่พักค่ะ
ถ้าอดใจไม่ไหวอยากมาเที่ยวน้ำตกทีลอซู ก็ต้องวางแผนล่วงหน้าสักนิดนะคะ เพราะต้องติดต่อขอรับใบอนุญาตเข้าที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง (สป.7) ก่อน เนื่องจากที่นี่เขาต้องการควบคุมปริมาณท่องเที่ยว เพื่อจะได้ไม่รบกวนธรรมชาติมากเกินไป สามารถขอแบบฟอร์มผ่านชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว และอนุรักษ์อุ้มผางได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 0-5556-1338 หรือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง โทรศัพท์ 0-5550 0919-20 ค่ะ สำหรับการเข้าไปเที่ยวก็จะเสียค่าธรรมเนียมเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ คนละ 20 บาท ถ้าขับรถยนต์เข้าไป ก็เสียค่าธรรมเนียมคันละ 30 บาท
การเดินทาง รถยนต์ เริ่มจากตัวเมืองตากก็ขับรถไปตามเส้นทางหมายเลข 105 สายตาก-แม่สอด ถึงตัวเมืองแม่สอด ก็เปลี่ยนมาใช้เส้นทางหมายเลข 1090 แม่สอด-อุ้มผาง ตรงนี้ต้องผ่านโค้ง 1,219 โค้ง ใครกลัวจะเวียนหัวก็ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะมีจุดแวะพักให้ดมยาดมแก้เป็นระยะๆ หรือจะเตรียมยาแก้เมารถไปด้วยก็เข้าที
หลังจากขับมาถึงหลักกิโลเมตรที่ 161 ก็ให้เลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 30 กิโลเมตร ไปที่ด่านเดลอ หรือจุดตรวจ "เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง" เส้นทางช่วงนี้เป็นทางดินควรใช้รถปิคอัพ หรือรถขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีสมรรถนะสูงเท่านั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้เดินทางแต่ในฤดูฝนรถหมดสิทธิ์เข้าค่ะ ต้องเดินเท้าอย่างเดียวค่ะ
แต่ถ้าไม่อยากเดินก็ขอแนะนำให้มาช่วงหน้าหนาว เพราะจะสามารถนั่งรถเข้ามาถึงจุดพักแรมได้เลย แม้จะไม่ได้สัมผัสถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของน้ำตกทีลอซูเหมือนกับในช่วงปลายฝน แต่ก็ได้บรรยากาศอีกแบบหนึ่ง หรือถ้าใครอยากเก็บบรรยากาศได้ครบทุกแบบ จะมาทุกฤดูเลยก็ไม่ว่ากัน
ปกติถ้าจะมาทีลอซูก็สามารถนั่งรถเข้ามาถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางได้เลย แล้วค่อยเดินเท้าต่อไปที่ตัวน้ำตก แต่สำหรับในช่วงฤดูฝนอย่างนี้จนถึงปลายเดือนตุลาคมเขาจะปิดถนนไม่ให้รถเข้า เนื่องจากถนนลื่นและค่อนข้างอันตราย อีกทั้งยังเป็นการพักฟื้นธรรมชาติไม่ให้ถูกรบกวนอีกด้วย ดังนั้นใครที่จะมาเที่ยวหน้าฝนก็จะต้องล่องแพยางเข้าไป แล้วเดินเท้าต่อแทน . . . เรียกว่า ถึงจะลำบาก แต่ก็เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่ดึงดูดให้คนมาเที่ยวได้อย่างดี
ก่อนเดินทางต้องขอบอกที่มาที่ไปของชื่อทีลอซูกันก่อน ซึ่งคำว่า ทีลอซูนี้เป็นภาษากะเหรี่ยง เพราะมีพรานชาวกะเหรี่ยงเป็นผู้ค้นพบ มีความหมายว่า น้ำตกดำ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะน้ำตกทีลอซูไหลมาจากลำห้วยกล้อท้อ บริเวณประเทศพม่า เข้ามาอยู่ท่ามกลางป่าดงดิบทึบ ในเขตอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก จนดูเหมือนดินแดนลึกลับนั่นเอง เรื่องความสวยงามไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นน้ำตกที่ไหลผ่านหินปูน น้ำตกจึงสวยงามเป็นพิเศษ แถมมีความสูงถึง 300 เมตร กว้างถึง 500 เมตร ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 6 ของเอเชีย และติดอันดับสวยงามระดับโลก จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมที่นี่ถึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต เพราะไม่ว่าจะฤดูกาลไหนก็มีผู้มาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ
เอาล่ะถ้าเตรียมข้าวของเพื่อล่องแพกันเสร็จแล้ว ก็จะเริ่มเดินทางกันได้เลย โดยเราจะล่องแพยางไปตามแม่น้ำแม่กลองเพื่อไปยังท่าทราย จุดเริ่มต้นเดินเท้าที่รอเราอยู่ข้างหน้า ระหว่างที่ล่องแพกินบรรยากาศ เราก็ได้แวะเที่ยวระหว่างทางไปด้วย โดยจุดแรกเราจะเจอกับ "น้ำตกทีลอจ่อ" หรือ น้ำตกสายฝน ที่ไหลจากหน้าผาลงมาเป็นม่านคล้ายสายฝนจริงๆ ผ่านจาก "ทีลอจ่อ" ไปจะเจอ "บ่อน้ำร้อน" ใครขี้เมื่อย อยากผ่อนคลาย ก็สามารถโดดลงไปแช่ให้สบายเนื้อ สบายตัวได้ อุณหภูมิกำลังเหมาะ หลังจากขึ้นมาจากบ่อน้ำร้อนแล้วก็เดินทางกันต่อ จะผ่านทั้ง "ผาเลือด" หน้าผาสูงที่มีสีแดงเหมือนเลือด "ผาผึ้ง" ที่เมื่อก่อนเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงผึ้งจำนวนมาก และ "ผาบ่อง" หน้าผาที่มีช่องขนาดใหญ่จากการถูกน้ำกัดเซาะ นั่งเรือยางชิลๆ ไม่กี่อึดใจก็ถึงท่าทรายแล้ว รวมๆ ก็ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าได้
พอถึงท่าทรายก็ต้องเตรียมเดินเท้าต่ออีก 10 กิโลเมตร เพื่อไปยังจุดกางเต๊นท์บริเวณที่ทำการ "เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง" สำหรับนักผจญภัยอย่างเรา แค่ 10 กิโลเมตรนี่สบายๆ อยู่แล้ว(จริงม่ะ?)เส้นทางช่วงแรกๆ ก็จะเป็นเส้นทางป่า ขึ้นเขาลงเขากันตลอดทาง จุดนี้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษกว่าจะผ่านเส้นทางหฤโหดนี้ได้ พอผ่านไปได้ช่วงที่เหลือจะเป็นถนนลูกรัง ระหว่างทางเดินก็มีดอกไม้ ต้นไม้นานาพันธุ์ให้ชมจนเพลินด้วย มารู้ตัวอีกที อ้าว! ถึงจุดกางเต๊นท์ซะแล้ว
พักผ่อนเอาแรงกันสักคืน รุ่งเช้าค่อยเดินเท้าต่อเพื่อไปยังไฮไลท์ที่รออยู่ข้างหน้า แต่ทางนี้รับรองว่าสบายกว่าเมื่อวาน เพราะเป็นทางปูลาดด้วยซีเมนต์ ยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร เดินไปเรื่อยๆ ยังไม่ทันถึงตัวน้ำตก เสียงกึกก้องดังสนั่นหวั่นไหวของสายน้ำขนาดใหญ่ที่ตกลงมากระทบผาจากความสูงกว่า 300 เมตร คือ สิ่งแรกที่เราได้สัมผัส ก่อนจะได้ตื่นตาตื่นใจกับพลังของสายน้ำในช่วงฤดูฝนที่มีขุ่นชา และไหลแรง ยิ่งใหญ่และสวยงามยากจะบรรยายจริงๆ ไม่เสียแรงที่บุกผ่าฝ่าดงหลายชั่วโมงมาเยือนครั้งนี้ กระซิบบอกนิดนึงว่า ช่วงเวลาที่เหมาะชมน้ำตกทีลอซูที่สุดคือ ช่วงเช้า เพราะช่วงบ่ายดวงอาทิตย์จะอ้อมไปที่หลังหน้าผา ภาพที่เห็นอาจไม่สวยเท่าตอนเช้า
เราสามารถยืนชมน้ำตกตามจุดต่างๆ ที่จัดไว้ตลอดเส้นทางได้ โดยน้ำตกจะไหลลดหลั่นเป็นชั้นๆ บางจุดต้องเดินผ่านสายน้ำตก จึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก เต็มอิ่มแล้วก็เดินย้อนกลับมาตามเส้นทางเดิม เพื่อกลับมาลงเรือยางล่องต่อไปยังจุดที่ลำน้ำบรรจบกับถนน แล้วกลับสู่ที่พักค่ะ
ถ้าอดใจไม่ไหวอยากมาเที่ยวน้ำตกทีลอซู ก็ต้องวางแผนล่วงหน้าสักนิดนะคะ เพราะต้องติดต่อขอรับใบอนุญาตเข้าที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง (สป.7) ก่อน เนื่องจากที่นี่เขาต้องการควบคุมปริมาณท่องเที่ยว เพื่อจะได้ไม่รบกวนธรรมชาติมากเกินไป สามารถขอแบบฟอร์มผ่านชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว และอนุรักษ์อุ้มผางได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 0-5556-1338 หรือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง โทรศัพท์ 0-5550 0919-20 ค่ะ สำหรับการเข้าไปเที่ยวก็จะเสียค่าธรรมเนียมเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ คนละ 20 บาท ถ้าขับรถยนต์เข้าไป ก็เสียค่าธรรมเนียมคันละ 30 บาท
การเดินทาง รถยนต์ เริ่มจากตัวเมืองตากก็ขับรถไปตามเส้นทางหมายเลข 105 สายตาก-แม่สอด ถึงตัวเมืองแม่สอด ก็เปลี่ยนมาใช้เส้นทางหมายเลข 1090 แม่สอด-อุ้มผาง ตรงนี้ต้องผ่านโค้ง 1,219 โค้ง ใครกลัวจะเวียนหัวก็ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะมีจุดแวะพักให้ดมยาดมแก้เป็นระยะๆ หรือจะเตรียมยาแก้เมารถไปด้วยก็เข้าที
หลังจากขับมาถึงหลักกิโลเมตรที่ 161 ก็ให้เลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 30 กิโลเมตร ไปที่ด่านเดลอ หรือจุดตรวจ "เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง" เส้นทางช่วงนี้เป็นทางดินควรใช้รถปิคอัพ หรือรถขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีสมรรถนะสูงเท่านั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้เดินทางแต่ในฤดูฝนรถหมดสิทธิ์เข้าค่ะ ต้องเดินเท้าอย่างเดียวค่ะ
แต่ถ้าไม่อยากเดินก็ขอแนะนำให้มาช่วงหน้าหนาว เพราะจะสามารถนั่งรถเข้ามาถึงจุดพักแรมได้เลย แม้จะไม่ได้สัมผัสถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของน้ำตกทีลอซูเหมือนกับในช่วงปลายฝน แต่ก็ได้บรรยากาศอีกแบบหนึ่ง หรือถ้าใครอยากเก็บบรรยากาศได้ครบทุกแบบ จะมาทุกฤดูเลยก็ไม่ว่ากัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น