ผมได้มีโอกาสอ่าน ผลการวิจัยของทาง Watson Wyatt ที่อเมริการนะครับ ไม่ใช่ประเทศไทย เขาได้ทำวิจัยกับบริษัทจำนวน 201 บริษัทซึ่งเป็นบริษัทที่มีการนำเอานโยบายการ Freeze เงินเดือนพนักงานในปีที่ผ่านมา มาใช้ในการบริหารค่าจ้างเงินเดือนพนักงาน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยอย่างรุนแรงมากในเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้เอง ทาง Watson Wyatt ก็ได้ไปทำวิจัยเรื่องนี้อีกครั้งกับบริษัททั้ง 201 บริษัทที่เคยตอบคำถามเรื่องการ Freeze เงินเดือนนั้น ว่าในปีถัดไปจะมีมาตรการอะไรที่เปลี่ยนแปลงในเรื่องของการบริหารค่าจ้างเงิน เดือนบ้าง ผลก็ออกมาดังนี้ครับ
Salary Freezes
Of those companies that have implemented salary freezes…
54% plan to eliminate the freeze in the next 6 months
26% plan to eliminate the freeze in the next 12 months
6% plan to eliminate the freeze in the next 18 months
2% believe it will be more than 18 months before the freeze is eliminated
5% do not expect to reinstate salaries
7% do not know
Salary Reductions
Of those companies that have implemented salary reductions…
57% plan to reverse the salary reduction in the next 6 months
20% plan to reverse the salary reduction in the next 12 months
3% plan to reverse the salary reduction in the next 18 months
7% do not expect to reverse the salary reduction
13% do not know
จากผลการสอบถามข้างบนจะเห็นว่า 54% จะเลิก Freeze เงินเดือนพนักงานในอีก 6 เดือนข้างหน้า นั่นก็แปลว่า จะมีการขึ้นเงินเดือนตามผลงานให้กับพนักงาน และเรื่องของการลดเงินเดือนนั้น 57% ก็บอกว่าจะเลิกมาตรการการลดเงินเดือนพนักงานในอีก 6 เดือนข้างหน้า และจะคืนเงินเดือนที่ลดลงไปนั้น กลับคืนให้กับพนักงานแต่ละคนซึ่งผลดังกล่าวนั้นถ้าจะแปลง่ายๆ ก็คือ แนวโน้มเศรษฐกิจของอเมริกามีแนวโน้มที่จะดีขึ้นแน่นอนในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้
ซึ่งก็น่าคิดนะครับว่า แล้วประเทศไทยล่ะ จะเป็นอย่างไรในเรื่องของการบริหารค่าจ้างเงินเดือน บริษัทที่เคยลดเงินเดือนพนักงาน หรือ ไม่มีการขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานนั้น จะเริ่มทยอยกลับสู่ภาวะปกติกันเมื่อไรในความเห็นผม และประกอบกับผลการสำรวจค่าจ้างที่ BMC และ PMAT ทำไว้ในเรื่องของการขึ้นเงินเดือนประจำปีตามผลงานนั้น บริษัทเกินกว่า 60% ที่เข้าร่วมสำรวจตอบมาว่ามีการขึ้นเงินเดือนตามผลงานให้กับพนักงาน แต่อาจจะขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา
ภายในปีหน้า สถานการณ์เรื่องของการบริหารค่าจ้างเงินเดือนพนักงานน่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ ได้มากขึ้นกว่าปีนี้ เพราะถ้าพิจารณาจากการพยากรณ์ GDP ของประเทศในปี 2010 นั้น ทางธนาคารแห่งประเทศไทยก็พยากรณ์ไว้ว่า น่าจะขึ้นที่ประมาณ 3% นั่นก็แปลว่าเศรษฐกิจของไทยก็น่าจะดีขึ้น และเรื่องของการบริหารทรัพยากรบุคคลก็จะเริ่มกลับมามีบทบาทมากขึ้นอีกครั้ง ในบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการสรรหาคัดเลือก
การฝึกอบรมพนักงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการบริหารค่าจ้างเงินเดือน ก็จะกลับมาแข่งขันกันเพื่อให้ได้คนที่เก่งและดีที่สุด เมื่อได้เข้ามาแล้วแต่ละบริษัทก็ต้องหามาตรการและกลยุทธ์ในการที่จะรักษา พนักงานที่เก่งๆ นี้ไว้ให้นานที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น