6 ธ.ค. 2552

โรคผิวหนังที่มาพร้อมหน้าหนาว

ลมหนาวเริ่มพัดโบกมา บรรยากาศชวนให้ถวิลหาใครสักคนอันเป็นที่รัก แต่พอต้องไปประสบพบหน้ากันที่ไรในหน้าหนาวแบบนี้ มีเหตุให้ต้องหงุดหงิดใจทุกที ก็หน้าหนาวอย่างนี้เป็นที่รู้กันอยู่ว่าสาวๆมักเจอปัญหาผิวหน้า ทำอย่างไรก็ไม่หาย เห็นใจสาวๆกลัวว่าจะหน้าพังกันทั่วหน้าเลยรีบไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังได้เรื่องอย่างไร เชิญทางนี้เลยค่ะ
หากสังเกตกันดู เราจะเห็นว่าเมื่อลมหนาวโชยมาบวกกับความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ มักจะส่งผลให้เกิดปัญหาผิวหนังและคัน หลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่าอาการคันเหล่านี้เกิดจากผิวแห้ง หรือไม่ก็เกิดจากความสกปรก จึงใช้สบู่กระหน่ำฟอกถูทาๆบริเวณนั้นมากขึ้น จนอาการก็หนักขึ้นเช่นกัน บวกกับสาเหตุจาก ความเครียดและการอยู่ห้องแอร์เป็นเวลานาน หรือถูกแสงแดดจัด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่การนิยมดื่มเครื่องดื่มร้อนจัดจะพลาดทำให้เราถูก"โรคเซ็บเดิม" หรือรังแคของผิวหน้าเล่นงานเอาได้ ซึ่งเป็นโรคที่พบมากขึ้นในคนไทยโดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว
ในเรื่องนี้ น.พ.ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์โรคผิวหนัง เปิดเผยว่า ขณะนี้พบโรคเซ็บเดิมในคนไทยบ่อยขึ้นมาก โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว มีความเครียดและการอยู่ห้องแอร์เป็นตัวกระตุ้นสำคัญ พบโรคนี้บ่อยมากในฤดูหนาว เพราะอากาศแห้ง โดยเซ็บเดิม เป็นโรคในกลุ่มเดียวกับรังแคและโรคสะเก็ดเงิน ซึ่งเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ โรคเซ็บเดิมจะแสดงอาการเป็นผื่นแดงตามหน้าผาก ข้างแก้ม คิ้ว หรือเป็นผื่นมีขุยที่เหนือคิ้ว ร่องจมูก แนวไรผม
ถ้าเป็นชนิดรุนแรง แผลจะเห็นได้ชัดเจนมากซึ่งดูแล้วไม่ต่างไปจากโรคสะเก็ดเงิน นอกจากพบผื่นที่ใบหน้าแล้วยังอาจพบผื่นที่หนังศีรษะคล้ายรังแค แต่หนังศีรษะจะมีผื่นแดง และยังพบตามตำแหน่งอื่น ๆ ที่มีต่อมไขมันมาก ได้แก่ ในรูหู หลังหู ในสะดือ และหัวเหน่า เป็นต้น ในบางรายอาจมีอาการคัน ตำแหน่งที่พบเซ็บเดิมเป็นตำแหน่งเดียวกับที่พบโรคสิว

เพราะพบในบริเวณที่ต่อมไขมันทำงานมากเช่นกัน
น.พ.ประวิตร กล่าวถึงปัจจัยของการเกิดโรคว่า ในอดีตโรคเซ็บเดิมนี้พบบ่อยในฝรั่ง แต่ปัจจุบันคนไทยมีสภาพความเป็นอยู่คล้ายชาวตะวันตกและมีความเครียดสูงขึ้น จึงทำให้พบอาการเช่นนี้มากขึ้นตามไปด้วย ปัจจัยที่ทำให้โรคเซ็บเดิมหรือรังแคของผิวหน้ากำเริบ ได้แก่ ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ผิวหน้าแห้ง ล้างหน้าฟอกสบู่บ่อยครั้งเกินไป การโดนแสงแดดจัด ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่ร้อนจัด เหล่านี้ล้วนทำให้รังแคของผิวหน้ากำเริบได้


นอกจากนี้ยังพบว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยโรคเอดส์จะเป็นเซ็บเดิมอย่างรุนแรง แต่คนธรรมดาที่ไม่ได้เป็นโรคเอดส์ก็พบโรคเซ็บเดิมได้บ่อยเช่นกัน จึงไม่ควรวิตกกังวลว่าถ้าเป็นโรคเซ็บเดิมแล้วจะต้องเป็นเอดส์เสมอไป
แนวทางในการรักษาโรคนี้ คือหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นดังกล่าว หากเป็นมากควรพบแพทย์ผิวหนัง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาทาที่เหมาะสม เช่น ครีม ทาลดเชื้อยีสต์ หรือครีมสเตียรอยด์อย่างอ่อน เนื่องจากโรคนี้มักเป็น ๆ หาย ๆ ผู้ป่วยจึงไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไป เพราะจะทำให้เครียดและโรคยิ่งกำเริบขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น