"เหล้าปั่น" ภัยซ่อนเร้น ล่าเหยื่อวัยรุ่น-นักดื่มหญิง (ข่าวสด)
จากสถิติข้อมูลจากศูนย์วิจัยปัญหาสุรา พบว่า อัตราการดื่มของนักดื่มหน้าใหม่มีถึงปีละ 260,000 คน อายุน้อยที่สุด 9 ขวบ และเคยพบเด็ก 5 ขวบที่ลองดื่ม ข้อมูลตั้งแต่ปี 2539-2550 พบว่า เยาวชนอายุ 15-19 ปี เป็นนักดื่มประจำเพิ่มขึ้นกว่า 70%
จากการสำรวจพบว่า ร้านขายเหล้ากว่า 83.3% ขายเหล้าให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวนหอพักนักศึกษากลายเป็นที่ขายเหล้ามากถึง 25% ในขณะที่ร้านเหล้าปั่นขยายตัวมากขึ้นกว่า 3 เท่า และส่วนใหญ่อยู่ในรัศมี 200 เมตรรอบมหาวิทยาลัย
นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ กรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ และผู้อำนวยการบริหารมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก กล่าวว่า ตอนนี้ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีวิธีการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กและเยาวชนคือ เปิดสถานจำหน่ายสุราใกล้สถานศึกษาเพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ได้อยู่ในรูปของการจำหน่ายสุราเป็นการเฉพาะแบบบาร์หรือผับ แอบแฝงในลักษณะร้านขายเครื่องดื่มทั่ว ๆ ไป ซึ่งมีการนำเหล้ามาปั่นกับน้ำแข็ง ผสมน้ำตาล ผสมสี ผสมกลิ่นให้ดูเหมือนกับว่าเป็นน้ำหวานหรือน้ำผลไม้ ทำให้เด็กนักเรียนนักศึกษาดื่มได้ง่ายและสะดวก คล้าย ๆ กับไวน์คูลเลอร์ในยุคหนึ่ง แต่ไวน์ คูลเลอร์ยังมีขวดมีสัญลักษณ์ที่ชัดเจน แต่นี่เหมือนน้ำผลไม้ปั่นตามร้านที่ขายน้ำผลไม้ปั่น ที่เรียกว่า สมูทตี้ ซึ่งเหล้าปั่นมีการปรุงคล้าย ๆ กัน อัตราการดื่มของผู้ดื่มหน้าใหม่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะเยาวชนหญิง มีการดื่มเพิ่มขึ้น เพราะมีการปรุงแต่งให้เป็นน้ำหวานหรือพันช์ ที่ดื่มง่ายและหน้าตาไม่เหมือนเหล้า แต่เป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ปะปนอยู่ เพื่อชูรส ซึ่งเป็นวิธีส่งเสริมการตลาดที่แนบเนียน
การดื่มสุราไม่เหมือนการดื่มน้ำอัดลมทั่วไป ตรงที่น้ำอัดลมดื่มแล้วไม่ติด ไม่ได้มีผลต่อสมอง แต่สุราถ้าดื่มแล้ว ทำให้เกิดภาวะเสพติด เพราะว่าเมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะไปควบคุม หรือแทรกแซงการทำงานของสมอง เมื่อดื่มติดต่อกันหลายครั้งแล้วรู้สึกมีความสุขจากการดื่มสุรา ก็จะเกิดภาวะเสพติดสุรา
ถ้าดื่มเพียงเล็กน้อยระยะต้น แม้สุราจะไปแทรกแซงหรือควบคุมการทำงานของสมอง แต่อาจไม่ได้ทำลายสมองมากนัก แต่ถ้าดื่มติดต่อกันระยะยาวหรือเป็นประจำวันละ 2-3 แก้ว ก็จะทำให้สมองถูกทำลาย มีภาวะเสื่อมของสมอง นอกจากจะทำลายตับแล้ว ยังทำลายสมองและเกิดโรคภัยไข้เจ็บหลายชนิด
ที่สำคัญคือ การดื่มสุราทำให้การศึกษาเล่าเรียนทำได้ไม่เต็มที่ เพราะเมื่อสุราดื่มเข้าไปแล้ว จะทำลายสมองหรือแทรกแซงการทำงานของสมอง จะให้เด็กและเยาวชนไม่สามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาในทางที่ดีและเหมาะสม
ประเด็นที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กและเยาวชน ถ้าดื่มสุราจะควบคุมพฤติกรรมของตัวเองไม่ได้ เพราะว่าโดยปกติเด็กหรือเยาวชน ความสามารถของสมองส่วนหน้าที่จะไตร่ตรอง ควบคุมพฤติกรรมของตัวเองทำได้น้อยอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฮอร์โมนเพศเริ่มทำงาน ก็จะกระตุ้นให้เกิดอารมณ์แปรปรวนเป็นพื้น ถ้าเป็นเด็กผู้ชายก็จะมีความก้าวร้าวจากฮอร์โมนเพศเข้า ไปเสริมทักษะทางสังคมก็มีน้อย ถ้าหากเด็กเยาวชนไปดื่มสุรา ก็มักจะก่อความรุนแรง ซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้ เพราะเวลาที่เมาสมองถูกแทรกแซงโดยสุรา ก็จะทำให้ไม่สามารถไตร่ตรอง ใคร่ครวญ ก่อนที่จะมีพฤติกรรมเลวร้าย ไม่เพียงเรื่องการใช้ความรุนแรงอย่างเดียว ยังรวมถึงเรื่องความก้าวร้าวทางเพศ
ปกติแล้วในวัยเยาวชน ฮอร์โมนเพศทำงานจะควบคุมตัวเองในเรื่องทางเพศได้น้อยมาก ยังไม่มีทักษะในการควบคุม อีกประการด้วยแรงกระตุ้นทางเพศ หรือ sexual stress จะรุนแรงกว่าทุกวัย เพราะฮอร์โมนเพศจะมีความเข้มข้นมากเป็นพิเศษ ประกอบกับร่างกายมีความกระตือรือร้นที่จะไปมีเพศสัมพันธ์เป็นพื้นอยู่ เมื่อดื่มสุราเข้าไปก็ทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยในเรื่องเพศ หรือดื่มจนครองสติไม่ได้ ถ้าดื่มแล้วยังพอมีสติอยู่บ้างก็จะควบคุมตัวเองไม่ได้เลยเมื่อมีอารมณ์เพศเช่นกัน นี่เป็นที่มาของการกระทำความผิดทางอาญาในด้านเพศ สุราจึงเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการกระทำความผิดทางอาญาที่สำคัญที่สุดปัจจัยหนึ่ง
นอกจากนี้ พบว่าการใช้ความรุนแรงในครอบครัวจำนวนมากก็เกิดขึ้นจากการดื่มสุรา ปัจจัยที่กระตุ้นให้เด็กกระทำความผิด หน่วยงานวิจัยจากสถานพินิจ พบข้อเท็จจริงว่า ภายใน 5 ชั่วโมงที่เด็กหรือเยาวชนเหล่านี้ดื่มสุรา 4 ใน 10 คน ก่อการกระทำความผิด
จุดนี้เป็นประเด็นที่ร้ายแรงมาก ถ้าหากปล่อยให้มีร้านจำหน่ายสุราอยู่ใกล้โรงเรียน หรือสถานศึกษา โดยเฉพาะไม่ได้เป็นรูปของการจำหน่ายสุราแท้ ๆ อย่างชัดเจน แต่แฝงตัวอยู่ในรูปของน้ำหวานหรือน้ำผลไม้ปั่น ทำให้การควบคุมทำยาก
"เหล้าปั่นดูเหมือนว่าแอลกอฮอล์จะเจือจางก็จริง แต่เป็นการล่อเหยื่อที่ร้ายแรง เพราะการดื่มเหล้าปั่นนั้นดื่มง่าย ดื่มสะดวกมากกว่าดื่มสุราแท้ ๆ เพราะคนที่ไม่เคยดื่มสุราก็สามารถดื่มได้สบาย ๆ เพราะไม่ต่างจากน้ำหวานหรือน้ำผลไม้มากนัก แต่ในระยะยาวจะทำให้เสพติดได้ หรือถ้าดื่มปริมาณมากพอสมควรก็ทำให้เมาได้"
นายสรรพสิทธิ์กล่าวด้วย ว่า เราไม่ได้ขัดขวางเรื่องการจำหน่ายสุรา เพียงแต่ควรมีข้อแม้และเงื่อนไขว่า รูปแบบการจำหน่ายสุราแบบสุราปั่น ถ้าจะจำหน่ายให้ไปจำหน่ายในสถานที่ที่จำหน่ายสุราโดยเฉพาะ ไม่ใช่ปะปนกับน้ำผลไม้ปั่น หรือไปจำหน่ายในสถานบริการ เพราะในสถานบริการมีกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์เข้าไป เพราะอย่างน้อยหากมีเด็กหรือเยาวชนเข้าไปในสถานบริการ ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ยังเห็นและรับรู้ได้ แต่ถ้าจำหน่ายตามร้านทั่วไป ผู้ปกครองจะไม่รู้ว่าเด็กกำลังดื่มน้ำผลไม้ปั่นหรือสุราปั่น ดังนั้น การจำหน่ายเหล้าปั่นลักษณะนี้ต้องยุติในทันที และควรมีการจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปควบคุมดูแลไม่ให้จำหน่ายให้แก่เด็ก โดยเฉพาะการออกเป็นกฎกระทรวง ไม่ให้ใส่แอลกอฮอล์ในน้ำหวานหรือในน้ำผลไม้ปั่น จำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป อีกประการคือ การควบคุมสถานที่จำหน่ายสุรา ผับหรือบาร์ ไม่ควรตั้งอยู่ในบริเวณใกล้โรงเรียนหรือสถานศึกษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น