มนุษย์ยุคดิจิตอล กับมหันตภัยในวันธรรมดา ๆ (Health plus)
เราจะพาไปดูโรคภัย ที่คุณอาจกำลังพกพามันไปด้วยทุกหนแห่ง กับพาหะก่อโรคอย่าง MP3, IPOD, มือถือ และอีกหลายอุปกรณ์สุด HIGH ที่ใช้เพื่อความบันเทิง หรือแม้แต่อุปกรณ์ที่เชื่อมทุกมุมโลกไว้ด้วยกัน อย่าง คอมพิวเตอร์ นอกจากมีหน้าที่อำนวยความสะดวกสบายแล้ว อาจมีของแถมเป็นโรค (ร้าย) อย่างที่คุณคาดไม่ถึง..
อุปกรณ์ที่คนยุคปัจจุบันมีติดตัว และใช้เป็นประจำในวันธรรมดา ๆ ของชีวิต ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูแปลกตาไปจากยุคที่ผ่านมา แต่ยังมีผลจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าล้ำยุค เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย ล้วนขับเคลื่อนด้วยคลื่นสัญญาณที่มองไม่เห็น แต่ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ หากใช้เกินความจำเป็น หรือใช้ในระยะเวลาที่ยาวนานเกินความจำเป็น
นอกจากนี้การสำรวจยังพบว่า กลุ่มคนที่ใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตมากที่สุดคือ กลุ่มเด็กและวัยรุ่น โดยในกลุ่มอายุ 6-14 ปี มีอัตราการใช้คอมพิวเตอร์มากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 61.6 ส่วนการใช้อินเทอร์เน็ตพบมากที่สุด กลุ่มอายุ 15-24 ปี คือร้อยละ 54.7 นับว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่หลาย ๆ คนควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
เรามาดูผลกระทบที่มาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายดีกว่า?
โทรศัพท์มือถือ
อุปกรณ์สื่อสารที่ผลการวิจัยพบว่า มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว ผู้ใช้มักมีพฤติกรรมการใช้แนบหูผู้ใช้กับเครื่องอยู่ตลอดช่วงเวลาของการใช้งาน ทำให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากการรับ-ส่งสัญญาณของระบบมือถือกระทบอวัยวะโดยตรง ทั้งบริเวณหู ตาและเข้าไปถึงสมอง
ผลกระทบในระยะสั้น-อาจเกิดอาการปวดหู ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว ขาดสมาธิและเครียด เนื่องจากระบบพลังงานในร่างกายถูกรบกวน
ผลกระทบในระยะยาว-อาจทำให้เกิดโรคความจำเสื่อม มะเร็งในสมอง มะเร็งเม็ดเลือดขาว นอกจากนี้ผลจากการศึกษา พบว่า เนื้องอกในสมองมีความสัมพันธ์กับการใช้โทรศัพท์มือถือ เพราะเนื้องอกในสมองมักจะเป็นข้างเดียวกับข้างที่ใช้ฟัง-พูดโทรศัพท์มือถือเป็นประจบ
เครื่องเล่น MP3, IPOD และหูฟังของโทรศัพท์มือถือ
ดูเป็นอุปกรณ์ เพื่อความบันเทิงที่เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยข้อมูลสรุปสภาวะสังคม จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่า การเป็นโรคหูเสื่อม หรือหูดับ สาเหตุมาจากากรนิยมฟังเพลงโดยใช้หูฟังจากเครื่องเล่น MP 3 หรือ i-Pod รวมถึงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสียงดังมาก
คอมพิวเตอร์
อุปกรณ์ที่รวมทุกการสื่อสารไว้แค่ปลายนิ้ว แต่ผลจากการใช้งานเป็นระยะเวลานานเกินกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน อาจส่งผลกระทบทางด้านสายตา จะทำให้ตาขาดน้ำหล่อเลี้ยงจนเกิดอาการระคายเคืองได้ มีอาการตาพร่า และมองไม่เห็นชั่วคราว ปวดคอ หลังและไหล่ บางรายอาจมีอาการท้องร่วงเพราะคีย์บอร์ด (Qwety Tummy) สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องร่วง คือคีย์บอร์ดมักมีแบคทีเรียสะสมอยู่ หลายคนมักรับประทานอาหารหน้าจอคอมพิวเตอร์ ที่มีคีย์บอร์ดตั้งอยู่ แบคทีเรียเหล่านี้อาจปะปนมากับอาหารได้
มนุษย์ออฟฟิศจนถึงผู้ใช้คอมพิวเตอร์ควรระมัดระวังอาการ Carpal Tunnel Syndrome ที่เกิดจากการใช้งานซ้ำ ๆ บริเวณข้อมือ ทำให้เอ็นรอบบริเวณข้อมือหนาตัวขึ้น แล้วไปกดทับเส้นประสาทที่วิ่งผ่าน ทำให้เกิดอาการชาและเจ็บได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น