ข้อห้ามของเคหะศาสตร์
ที่ช่วยทำให้บ้านอยู่ร่มเย็นเป็นสุข
มีมากมายหลายข้อ
ล้วนประกอบไปด้วยเหตุผล
ในอันที่จะทำให้ คนรักบ้าน
อยู่เย็นเป็นสุข
แต่ข้อห้ามต่าง ๆ
ก็มิใช่กฏเกณฑ์ตายตัวที่ต้องปฏิบัติ
หากมีความจำเป็นจริง ๆ
ก็สามารถดัดแปลงประยุกต์แก้ไขได้
ตามสถานการณ์ที่เหมาะสม
ขอยกตัวอย่างข้อห้ามที่เป็นข้อห้าม
เกี่ยวกับการเลือกทำเลที่ตั้ง
กับพื้นที่ในตัวบ้านกัน
- ห้ามสร้างบ้านที่มีถนนรอบล้อมทั้งสี่ด้าน
เนื่องด้วยบ้านที่มีถนนรอบล้อมนั้น
ผู้อยู่อาศัยภายในบ้านจะหาความสงบได้ยาก
จากเสียง, ฝุ่น, ควัน
จากการจราจร
จะเข้ามารบกวนผู้อยู่อาศัยตลอดเวลา
เกิดผลเสียต่อสุขภาพจิต สุขภาพกาย
ทำให้พลังชีวิตลดลงได้
- ห้ามปลูกต้นไม้ใหญ่กลางลานบ้าน
หรือปลูกบ้านล้อมต้นไม้ใหญ่
เนื่องจากต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่และสูง
มีโอกาสที่กิ่งไม้แห้งจะหล่นลงมา
สร้างความเสียหายให้กับบ้านได้
นึกถึงเวลามีพายุฝน หรือลมกรรโชกแรง
จะทำให้ต้นไม้ที่เอนตามกระแสลม
และอาจหักโค่นลงมาทับ
สร้างความเสียหายให้กับบ้านได้
- ห้ามปลูกต้นไม้ใหญ่
ไว้ในแนวเดียวกับประตูบ้าน
เนื่องด้วยการปลูกต้นไม้บดบังทางเข้าบ้าน
สร้างความสับสนให้กับกัลยาณมิตร
ที่มาเยี่ยมเยือน
ตลอดจนต้นไม้หน้าบ้านนั้น
ทำให้การปรับใช้พื้นที่หน้าบ้าน
ทำได้ยากขึ้นด้วย
- ห้ามปลูกบ้าน
บนทำเลที่สร้างความรำคาญใจ
ท้อแท้และหดหู่ บั่นทอนพลังชีวิต
เช่น ป่าช้า สถานีตำรวจ
โรงพยาบาลเรือนจำ หรือศาล
เป็นต้น
- ห้ามมีร่องน้ำไหลผ่านกลางที่ดินหรือบ้าน
เนื่องจากร่องน้ำที่อยู่กลางบ้าน
อาจก่อให้เกิดสภาวะแวดล้อมที่ไม่พึงประสงค์
นอกจากนั้นยังมีการดูแลรักษายาก
อาจจะเป็นบ่อเกิดของเชื้อโรค
การมีร่องน้ำอยู่กลางบ้าน
ก็มีลักษณะเหมือนบ้าน
แยกออกจากกันเหมือนเมืองอกแตก
อันเป็นลักษณะที่ไม่ดี
- ห้ามปลูกบ้านคร่อมบ่อน้ำหรือตอไม้
บริเวณที่มีตอไม้นั้น
การขุดหลุมหรือปรับพื้นที่ทำได้ยาก
เนื่องจากมีรากไม้ที่แม้จะตายแล้ว
แต่ก็มีความแข็งแรงยากแก่การรื้อถอน
แต่พอตอไม้เริ่มผุพัง
ก็อาจเป็นที่อยู่ของปลวก, มด เป็นต้น
อาจเป็นอันตรายต่อบ้านได้
ส่วนบ่อน้ำเก่า
เป็นพื้นที่
ที่มีความหนาแน่นของดินน้อยกว่าส่วนอื่น ๆ
ถึงแม้ว่าจะมีการถมอย่างดีแล้วก็ตาม
นอกจากนี้บ่อน้ำเก่าบางแห่ง
ยังเป็นตาน้ำที่มีน้ำซึมตลอดเวลาอีกด้วย
จะเห็นว่าทั้งสองส่วนนี้
จะมีผลต่อการวางโครงสร้างบ้าน
- ห้ามสร้างบ้านอยู่ในน้ำ
โดยปกติในอากาศจะมีความชื้น
อยู่ในระดับที่พอเหมาะ
(เรียกว่าภาวะน่าสบาย
ประกอบไปด้วยอุณภูมิ
ความชื้น การถ่ายเทอากาศ)
หากบ้านอยู่บนน้ำแล้วความชื้นในอากาศ
ก็จะมีมากขึ้นส่งผลให้รู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว
มีโอกาสเป็นโรคทางเดินหายใจได้
นอกจากนั้น
โครงสร้างของบ้านที่อยู่ระหว่างน้ำและอากาศ
ก็มีโอกาสจะสึกกร่อนได้ง่ายกว่าปกติอีกด้วย
- ห้ามสร้างสระน้ำใหญ่ติดกับตัวบ้าน
เช่นเดียวกับข้อที่แล้ว
นอกจากสระน้ำที่มีขนาดใหญ่
จะข่มบดบังรัศมีของบ้านแล้ว
ยังมีเรื่องความชื้นที่สระน้ำขนาดใหญ่
ถ่ายเทให้กับอากาศ
ในปริมาณที่มากจนเกินไปได้
และยังต้องระวังการทรุดตัวของโครงสร้างบ้าน
แต่หากเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ
เช่น ทะเลสาบ, แม่น้ำ ไม่เป็นไร
- ห้ามขุดบ่อน้ำไว้หลังบ้าน
เพราะหลังบ้าน
เป็นบริเวณที่ไม่ค่อยมีกิจกรรมสักเท่าไร
อีกทั้งยังมืดและอาจจะรก ร้าง
การมีบ่อน้ำอยู่หลังบ้านจึงเป็นอันตราย
อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
ตลอดจนการดูแลรักษาทำได้ยาก
การใช้ประโยชน์จากบ่อน้ำ
ก็ดูไม่คุ้มค่าสักเท่าไร
- ห้ามก่อสร้างกำแพงก่อนการสร้างบ้าน
ในการสร้างบ้านนั้น
จำเป็นต้องขนย้ายวัสดุต่าง ๆ
เข้าออกอยู่ตลอดเวลา
หากท่านสร้างกำแพงบ้านก่อนแล้วนั้น
การขนย้ายวัสดุก็ไม่คล่องตัว
อีกทั้งอาจจะทำให้กำแพงสวย ๆ
ที่สร้างเสร็จแล้ว
ชำรุดเสียหายได้
- ห้ามสร้างกำแพงหรือรั้วสูงกว่าตัวบ้าน
การที่บ้านจะมีสภาวะน่าสบาย
มีความโล่งโปร่งสบายได้นั้น
จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีลมพัดผ่าน
และถ่ายเทอากาศที่ดี
การสร้างกำแพงหรือรั้วสูง ๆ นั้น
จะเป็นการปิดกั้นทิศทางลมนั้นเสีย
ทำให้อากาศในบ้านอุดอู้
ไม่เกิดการถ่ายเทแต่อย่างใด
- ห้ามสร้างศาลพระภูมิหันหน้าออกนอกบ้าน
เรื่องของความเชื่อและเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
การวางศาลพระภูมิในตำแหน่งที่เหมาะสม
ทำให้มีความสะดวกต่อการสักการบูชา
เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
ก็ส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยเกิดความเจริญรุ่งเรืองได้
- ห้ามสร้างบนหน้าผาสูงชัน
แม้ว่าตามหน้าผาสูง ๆ
จะมีทิวทัศน์ที่สวยงามก็ตาม
บ้านที่อยู่บนหน้าผาสูงชัน
ทำให้ผู้อาศัยเกิดความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัย
หากคำนึงถึงตั้งแต่ในช่วงการก่อสร้างแล้ว
การขนย้ายวัสดุเพื่อมาก่อสร้างก็ทำได้ยาก
- ห้ามสร้างซุ้มประตูใหญ่กว่าตัวบ้าน
ซุ้มประตูที่มีขนาดใหญ่เกินไป
ก็จะข่มให้บ้านหมดสง่าราศี
เนื่องจากขนาดของบ้านที่เล็กกว่า
อีกทั้งคนที่ผ่านซุ้มประตูมา
ก็เกิดความรู้สึกต่อซุ้มประตูบ้านขนาดใหญ่
ที่ไม่สู้จะดีนัก
- ห้ามสร้างบันไดหรือห้องน้ำห้องส้วม
อยู่กลางบ้าน
โดยหลักการพื้นฐานแล้ว
บันไดกับห้องน้ำ
เป็นส่วนที่ต้องการแสงสว่าง
บันได ต้องมีการให้แสงสว่างที่เพียงพอ
เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น
จากการก้าวขึ้นลงบันได
ยิ่งผู้สูงอายุหรือเด็กยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ
ในส่วนของห้องน้ำ
เป็นห้องที่ต้องการแสงสว่าง
และการระบายอากาศที่ดี
เพราะเป็นเรื่องสุขอนามัย
ดังนั้น
หากบันไดและห้องน้ำห้องอยู่กลางบ้านแล้ว
ทั้งแสงสว่างและการระบายอากาศ
ก็ย่อมจะทำได้ยาก
- ห้ามสร้างห้องน้ำมากกว่าสมาชิกในบ้าน
ไม่มีความจำเป็นอันใด
ที่ปริมาณห้องน้ำจะมากกว่าสมาชิกในบ้าน
เพราะโอกาสที่คนในบ้าน
จะใช้ห้องน้ำพร้อมกันนั้นมีน้อยมาก
ห้องน้ำเป็นห้องที่หมุนเวียนกันใช้ได้
ฉะนั้นการสร้างห้องน้ำมากจนเกินไป
จึงเป็นการเสียงบประมาณ
และจะเป็นการใช้พื้นที่ภายในบ้าน
ที่มีอยู่อย่างจำกัดไปอย่างไม่คุ้มค่านัก
- ห้ามสร้างห้องนอนไว้ใต้บันไดบ้าน
ห้องนอนและบันไดบ้าน
ในแง่การใช้สอย
ก็เป็นสิ่งที่ขัดกันโดยธรรมชาติ
เนื่องจากว่าห้องนอน
เป็นห้องที่ต้องการความสงบเป็นส่วนตัว
เพื่อพักผ่อนนอนหลับ
ขณะที่บันไดเป็นส่วนที่บุคคลภายในบ้าน
ใช้เป็นทางสัญจรขึ้นลงตลอดเวลา
จึงเกิดเสียงรบกวน
หากทำห้องนอนไว้ที่ใต้บันได
วิธีใช้ประโยชน์จากส่วนใต้บันไดนี้
อาจใช้เป็นห้องเก็บของ
ก็จะดูมีความเหมาะสมกว่า
- ห้ามสร้างประตูหน้าต่างมากเกินไป
การมีประตูหน้าต่างมาก ๆ
อาจทำให้บ้านโล่งโปร่งสบายก็จริง
แต่ว่าหากมีมากจนเกินไป
ก็อาจทำให้การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน
ทำได้ยาก
ทำให้เปิดปิดลำบาก
อีกทั้งเวลาเกิดฝนตกหรือลมพายุ
การจะปิดประตูหน้าต่างจำนวนมาก ๆ
เพื่อป้องกันกระแสลมแรง
และน้ำฝนที่ซัดเข้าบ้าน
ในเวลาอันรวดเร็ว
ก็ดูเหมือนจะมีความยุ่งยากไม่น้อยทีเดียว
- ไม่ควรดัดแปลง
เอากำแพงเจาะเป็นช่องหน้าต่าง
เนื่องจากกำแพงเป็นสิ่งห่อหุ้มอาณาเขต
และปกป้องบ้าน
และในการดัดแปลงนั้น
เป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อน
และยากกว่าคิดวางแผนสร้างตั้งแต่ต้น
ถ้าเป็นไปได้
จึงไม่ควรจะดัดแปลงโดยไม่จำเป็น
- ไม่ควรสร้างบ้านที่ใหญ่เกินไป
แต่มีคนอยู่น้อย
การสร้างบ้านควรพิจารณาถึงสมาชิกในบ้านด้วย
เพราะหากบ้านมีขนาดใหญ่เกินไป
ก็จะทำให้การพบปะของสมาชิกในบ้านน้อยลง
เนื่องจากขนาดที่ใหญ่ของบ้านนั้นเอง
นอกจากนี้ยังดูแลรักษาให้ทั่วถึงได้ยาก
ในพื้นที่ที่ต่างกันออกไปนั้น
ข้อห้ามแต่ละข้อก็อาจส่งผลไม่เหมือนกัน
หรือไม่เท่ากัน
การพิจารณาไตร่ตรองแก้ปัญหาอย่างรอบคอบ
โดยยึดเอาข้อห้ามเคหะศาสตร์เป็นเครื่องเตือนใจ
ก็เป็นสิ่งที่ควรพินิจอย่าง"มีเหตุมีผล"
และประกอบด้วย"สติ"
ข้อห้ามหลาย ๆ ข้อนั้น
อาจเป็นเรื่องของนามธรรม
ที่จับต้องไม่ได้
แต่หากใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองดี ๆ แล้ว
ก็เห็นเป็นจริงตามนั้น
สำหรับหลักการทางเคหะศาสตร์
ในการจัดวางห้องและส่วนต่าง ๆ ของบ้าน
ก็พิจารณาจากหลักของความต้องการโดยธรรมชาติ
ของห้องนั้น ๆ เพื่อป้องกันเหตุและภัย
อันมองไม่เห็นที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ข้อห้ามเฉพาะสำหรับการสร้างบ้านทรงไทย
ตามลัทธิไสยศาสตร์
ประเพณี และความเชื่อ
อันมีอิทธิพลต่อขวัญของบุคคล
ซึ่งความเชื่อลัทธิดังกล่าว
บางอย่างมีเหตุผลสมควร
บางอย่างหาสาเหตุยังไม่พบ
หรือไม่มีเหตุผลอธิบาย
บางคนไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อห้ามเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม
ยังคนมีผู้ให้ความสำคัญอยู่เช่นกัน
ข้อห้ามเฉพาะสำหรับการสร้างบ้านทรงไทย
พอจะรวบรวมเป็นข้อห้ามเฉพาะการสร้างบ้าน
ได้ดังนี้
บันไดห้ามใช้จำนวนขั้นคู่
(ต้องเป็นขั้นคี่นับเฉพาะขั้น ไม่นับพื้นหรือชานพัก)
บันไดไม่ลงไปทางทิศตะวันตก
ไม่หันหัวนอนไปทางทิศตะวันตก
ไม่ทำน้ำพุน้ำตกไหลเข้าตัวเรือน (ตึก)
ไม่ปลูกต้นหางนกยูง
ต้นลั่นทม ต้นโศก ตรุษจีนฯ
ไม่ทำทางเข้าลอดใต้ห้องน้ำ
ไม่ทำอาคารรูปตัว "ที"
มีปีกเท่ากันสองข้าง
เรียก "แร้งกระพือปีก"
ถือเป็นอัปมงคล
ไม่ทำเรือนทะลุหน้าตลอดหลัง
ถือว่าเป็น "เรือนอกแตก"
เป็นอัปมงคล
ไม่ทำภูเขาจำลองไว้ในบ้าน
ห้ามใช้ไม้ตะเคียน ไม้มะค่า
ในการปลูกเรือน
ห้ามใช้เสาตกน้ำมัน
ห้ามทำทางเข้าออกคู่
ไว้ตอนมุมของพื้นดิน
ที่ทางสามแพร่งหรือสี่แยก
ห้ามทำภาพยักษ์ไว้ในบ้าน
ห้ามทำหนังใหญ่หรือหนังตะลุง
ไว้ในบ้าน
ห้ามใช้
ช่อฟ้า ใบระกา - เครื่องวัด - เครื่องหลวง
หรือมีเครื่องประดับชั้นสูงในบ้าน
ห้ามปลูกเรือนคร่อมตอ
ห้ามตั้งศาลพระภูมิ
ใต้เงาเรือน
ไม่ปลูกต้นมะละกอ
ใกล้ตัวเรือน
ห้ามทำบันได
เวียนซ้ายขาขึ้น
ไม่ปลูกบ้าน
ใต้ต้นไม้ใหญ่
ห้ามมิให้มีสัตว์ตกตาย
ในหลุมตอม่อ
ห้ามใช้เสาไม้มีตา
ในระยะ
"เป็ดไซ้ ไก่ตอด สลักรอด หมู่สี"
ห้ามวางรูปพื้นเรือน
ในอัตราส่วน
ที่ใกล้เคียงรูปโลงศพ
ห้ามทำเตียงนอนขาสิงห์
เครื่องใช้ขาสิงห์
(ซึ่งเทียมเจ้านาย)
ห้ามนำของวัด
เข้าบ้าน
หรือมาประกอบ
เป็นส่วนของบ้าน
ห้ามทำทางเข้า
เวียนซ้ายของอาคาร ฯลฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น