7 มี.ค. 2553

อันตรายจากการฉีดสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย


อันตรายจากการฉีดสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย (สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย)


โดย นพ.ธารา วงศ์วิริยางกูร สาขาวิชาศัลยศาสตร์ตกแต่ง

ในปัจจุบันจะพบว่าคนหนุ่มสาวในวัยทำงานมีความสนใจในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมากขึ้นทั้งผิวพรรณใบหน้ารูปร่าง มีการผ่าตัดเพื่อเสริมเติมแต่งส่วนที่ขาดส่วนที่บกพร่อง ให้ดูดียิ่งขึ้น และมีการแก้ไขส่วนที่ไม่พึงพอใจในร่างกายด้วยการฉีดเพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาด เพื่อแก้ไขริ้วรอย โดยสารที่ฉีดที่ได้มาตรฐานจะไม่มีปฏิกิริยาต่อร่างกาย ไม่แพ้ ไม่เป็นสารก่อมะเร็ง สารเหล่านี้ต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่ได้รับการฝึกฝนมาโดยเฉพาะและจะต้องฉีดด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากอาจจะมีผลข้างเคียงจากการฉีดเกิดขึ้นได้

และยังมีสารอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่สมควรที่จะฉีดเข้าสู่ร่างกาย เนื่องจากมีผลเสียที่จะเกิดขึ้นตามมามากมาย แต่ก็มีการนำมีฉีดโดยบุคคลที่แอบอ้างว่าเป็นแพทย์ ในที่นี้จะกล่าวถึงสารกลุ่มที่สามารถฉีดเข้าสู่ร่างกายก่อน และในตอนท้ายจะกล่าวถึงกลุ่มที่ไม่ควรฉีดเข้าสู่ร่างกาย

กลุ่มที่สามารถฉีดเข้าสู่ร่างกายได้มีดังนี้

1. ฉีดเพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาด เช่นแก้มตอบ มีร่องแก้ม เบ้าตาโบ๋ลึก เป็นต้น การฉีดเพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดนั้นสามารถใช้ไขมันของร่างกายตัวเอง โดยแพทย์จะดูดไขมันจากหน้าท้อง จากสะโพกหรือต้นขาในจำนวนที่เหมาะสม แล้วนำมาฉีดเข้าไปในตำแหน่งที่ต้องการแก้ไข ก็จะสามารถทำให้แก้มที่ตอบดูเต็มขึ้น ร่องแก้มตื้นขึ้น ส่วนบริเวณเบ้าตาคงจะต้องฉีดด้วยความระมัดระวัง ข้อดีของการใช้ไขมันของตัวเองนั้น ไขมันจะอยู่ในร่างกายอย่างถาวร แต่อาจจะถูกดูดซึมไปบ้างหลังฉีด ข้อเสียคือต้องมีขั้นตอนของการดูดไขมันเพิ่มขึ้น

2. ฉีดเพื่อลดรอยร่องลึกบนใบหน้า เช่นรอยร่องบริเวณหัวคิ้ว ร่องแก้ม ร่องรอบริมฝีปากแผลเป็นที่เป็นหลุมลึก และยังใช้ฉีดใช้ริมฝีปากให้อูมอิ่มขึ้นอีกด้วย ที่นิยมใช้ในปัจจุบันเป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้น คือ ไฮยารูโลนิกแอซิด ที่เรียกสั้น ๆ ว่า เอชเอ โดยทั่วไปเป็นสารที่เป็นส่วนประกอบพื้นฐานของผิวหนัง น้ำในข้อ ของเหลวในดวงตาอยู่แล้ว ข้อดีคือโอกาสแพ้สารชนิดนี้น้อยมากขั้นตอนไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องทดสอบก่อนฉีด แต่ข้อเสียคือฉีดแล้วอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน ร่องรอยต่าง ๆ ก็จะกลับเป็นขึ้นเหมือนก่อนฉีด และราคาค่อนข้างแพง อีกชนิดหนึ่งที่เคยเป็นที่นิยมคือคอลลาเจน แต่ปัจจุบันใช้ลดน้อยลงคุณสมบัติโดยทั่วไปคล้าย ๆ กับเอชเอ แต่ก่อนใช้ต้องทดสอบก่อนว่าแพ้หรือไม่

3. ฉีดเพื่อลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์บนใบหน้า เช่น รอยตีนกา รอยย่นบนหน้าผาก และรอยย่นระหว่างคิ้วที่เกิดจากการขมวดคิ้ว ร่องรอยเหล่านี้สามารถใช้สารที่สกัดจากแบคทีเรียที่เรียกว่า โบทูลินั่มทอกซิน โดยที่สารชนิดนี้สามารถยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ จะเห็นว่าถ้าต้องการให้กล้ามเนื้อในตำแหน่งใดหยุดทำงาน ก็เพียงฉีดสารชนิดนี้เข้าไปที่กล้ามเนื้อนั้น ๆ เช่นต้องการให้รอยตีนกาหายไปก็จะฉีดเข้าบริเวณดังกล่าว หลังจากฉีดแล้ว 1-2 วันรอยตีนกาก็จะลดน้อยลงเนื่องจากกล้ามเนื้อไม่สามารถทำงานได้ แต่ก็เป็นการหยุดทำงานชั่วคราวเท่านั้น

หลังจากนั้น 4-6 เดือนเมื่อหมดฤทธิ์ของสารสกัดดังกล่าว รอยตีนกาก็จะกลับมาเหมือนเดิม ถ้าต้องการให้ริ้วรอยหายไปอีกก็ต้องฉีดซ้ำ ข้อเสียคือริ้วรอยหายชั่วคราวไม่ถาวร สิ้นเปลือง และหากขาดความชำนาญในการฉีด สารสกัดดังกล่าวอาจจะไหลไปในตำแหน่งไม่พึงประสงค์ ก็จะทำให้มีผลต่อกล้ามเนื้ออื่น ๆ ใกล้เคียง เช่นไหลเข้าที่เปลือกตาบนทำให้หนังตาตก ไหลเข้ากล้ามเนื้อตาทำให้ตาเข แต่อาการแทรกซ้อนเหล่านี้สามารถหายได้หลัง 4-6 เดือนเมื่อหมดฤทธิ์ยา

4. ฉีดเพื่อลดขนาด เช่นกรามใหญ่ น่องโต ปกติแล้วภาวะดังกล่าวสามารถแก้ไขได้โดยการผ่าตัด แต่ปัจจุบันยังมีการใช้โบทูลินั่มทอกซินในการลดขนาดของกล้ามเนื้อ กรามที่ใหญ่กางออก การฉีดกล้ามเนื้อที่บริเวณมุมกราม จะทำให้กล้ามเนื้อลดขนาดลงกรามจะดูเรียวขึ้น กล้ามเนื้อน่องก็เช่นกัน สามารถฉีดแล้วทำให้น่องเล็กลงได้ แต่ข้อเสียคือราคาค่อนข้างแพง หลังฉีดกรามอาจทำให้เคี้ยวอาหารที่แข็งลำบากขึ้น ต้องฉีดทุก ๆ 4-6 เดือนและหลายครั้ง เมื่อหยุดฉีดแล้วระยะเวลาหนึ่ง กล้ามเนื้อดังกล่าวอาจกลับมาโตเหมือนเดิม

กลุ่มที่ไม่ควรฉีดเข้าสู่ร่างกาย

สารสังเคราะห์กลุ่มนี้เป็นสารที่ไม่ได้มาตรฐาน ได้แก่ ซิลิโคนเหลว พาราฟิน น้ำมันมะกอก เป็นต้น สารเหล่านี้ไม่ควรฉีดเข้าสู่ร่างกาย เนื่องจากพบว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนมานานนับสิบปี นอกจากบุคคลทั่วไปแล้วยังมีนักแสดงนักร้องมีปัญหาจากการฉีด สื่อต่าง ๆ ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ ได้นำเสนอถึงอันตรายที่เกิดขึ้น ทางสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย ก็ได้ประชาสัมพันธ์ถึงผลเสียต่าง ๆ แต่ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตามกฎหมายนั้นบุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่แพทย์ ไม่สามารถฉีดสารใดก็ตามเข้าสู่ร่างกายผู้อื่น และการทำการรักษาพยาบาล ต้องทำในสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น โดยจะมีบุคคลที่อ้างตัวเป็นแพทย์นำสารดังกล่าวโดยเฉพาะซิลิโคนเหลว หลอกประชาชนว่าเป็นไขมันเทียมบ้าง คอลลาเจนบ้าง ฉีดเพื่อให้จมูกโด่งขึ้น คางยาวขึ้น แก้มอูมขึ้น ฉีดหน้าอก สะโพก ตามแต่อยากจะให้ส่วนใดอูมใหญ่ขึ้น โดยที่ซิลิโคนเหลวมีราคาถูกและอยู่ถาวร แต่มีภาวะแทรกซ้อนมากมายตั้งแต่อักเสบเป็น ๆ หาย ๆ ไหลย้อยไปสู่ตำแหน่งอื่น บริเวณที่ฉีดดูอูมบวมแข็งเป็นไต ทำให้หน้าตาดูประหลาดผิดธรรมชาติ

เมื่อมีปัญหาคนไข้ก็จะมาพบแพทย์เพื่อให้แก้ไข บางคนเข้าใจผิดนึกว่าสามารถดูดออกได้ ความจริงแล้วสารดังกล่าวไม่สามารถดูดออกได้ และการผ่าตัดยังไม่สามารถเอาส่วนที่ฉีดออกมาได้หมดเลย อีกทั้งยังต้องตัดเอาเนื้อเยื่อที่ดีของคนไข้ ที่มีสารแปลกปลอมแทรกอยู่ออกมาอีกด้วย เช่นหากสารเหล่านี้อยู่บริเวณแก้มบริเวณขมับที่มีเส้นประสาทอยู่ การผ่าตัดอาจทำอันตรายต่อเส้นประสาททำให้ปากเบี้ยว ยักคิ้วไม่ขึ้น มีบางคนได้รับการฉีดเพื่อให้หน้าอกโตขึ้นผลคือ หน้าอกแข็งเป็นก้อน บางรายแตกเป็นแผลเรื้อรัง เป็นที่น่าเสียดายที่ทำให้การผ่าตัดรักษาต้องตัดเนื้อหน้าอกทิ้ง และยังทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนหน้าอกอีก

นอกจากนั้นยังมีความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้ชายที่นำ พาราฟินเหลว น้ำมันมะกอก มาฉีดเข้าบริเวณอวัยวะเพศเพื่อเพิ่มขนาด หากมีความรู้และมีสติคงจะไม่ทำการกระทำดังกล่าว เนื่องจากว่าสารดังกล่าวเป็นสารแปลกปลอม ที่ร่างกายจะมีปฏิกิริยาต่อต้านไม่รับสารเหล่านั้นอย่างแน่นอน หากฉีดสารดังกล่าวเข้าจะมีการอักเสบแข็งเป็นไต เจ็บปวด แตกเป็นแผลเรื้อรังในอนาคต และสุดท้ายแล้วอวัยวะส่วนนี้ของร่างการจะไม่สามารถทำงานได้ปกติ ต้องมาพบศัลยแพทย์ให้ผ่าตัดรักษา ซึ่งแม้จะผ่าตัดรักษาให้แล้ว รูปร่างและการทำงานก็ไม่สามารถกลับเป็นปกติเหมือนเดิม

จะเห็นได้ว่าสารสังเคราะห์ที่จะฉีดเข้าสู่ร่างกายนั้น มีทั้งที่สามารถฉีดเข้าสู่ร่างกายได้ และไม่สมควรฉีดเข้าสู่ร่างกาย ได้ทราบถึงข้อดีข้อเสียของสารแต่ละชนิด ดังนั้นหากคิดจะฉีดเพื่อแก้ไขส่วนใดก็ตาม ทางที่ดีที่สุดควรจะปรึกษาแพทย์ และต้องฉีดด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นถึงจะปลอดภัย ไม่ควรไปรับการฉีดจากบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ ในสถานที่ที่ไม่ใช่คลินิกหรือโรงพยาบาล เพราะอาจจะทำให้เกิดข้อแทรกซ้อนที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อร่างกายและจิตใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น