11 เม.ย. 2553

Good Morning Toilet วันนี้คุณเข้าห้องน้ำหรือยัง?

"ทำยังไงดี ท้องป่องแล้ว ไม่มั่นใจเลย" เสียงบ่นของสาวออฟฟิศข้างบ้าน แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่า เธอคนนี้กำลังมีเด็กในท้อง เธอบ่นเรื่อง "การถ่ายหนัก" เพราะเธอไม่ได้เข้าห้องน้ำถ่ายหนักมาหลายวัน จนท้องแข็ง ใส่ชุดแนบตัวแล้วเหมือนมีพุง เราตามไปดูเหตุที่เธอไม่ถ่าย และไปช่วยให้เธอถ่ายหนักได้เป็นประจำ และถ่ายได้คล่องขึ้น ไม่เกิดอาการท้องผูกกันดีกว่า

เหตุที่ถ่ายไม่ออก และท้องผูก เพราะรีบเร่งไปทำงานตอนเช้า

ส่วนใหญ่พนักงงานออฟฟิศจะเข้าทำงานในช่วงเวลาประมาณ 08.30-.09.30 น. ทำให้ในตอนเข้าต้องรีบเร่ง แข่งกับเวลา และปัญหารถติด ส่งผลให้เธอไม่ยอมเสียเวลาในการเข้าห้องน้ำนาน ๆ เธอเลือกที่จะเก็บมันไว้ เพราะเกรงว่าจะไปสาย เครียดในเรื่องต่าง ๆ นอนดึก กินอาหารไม่เป็นเวลา และละเลยการออกกำลังกายอีก นี่คือสาเหตุที่ทำให้เธอไม่ถ่าย และอาจเกิดปัญหาท้องผูกตามมานั่นเอง

มาเริ่มฝึกเข้าห้องน้ำกันใหม่

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการเข้าห้องน้ำก็คือช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 05.00-07.00 น. หรือถ้าอยู่ในช่วงเช้าก็ยังพอไหว หากถ่ายตอนกลางคืน ของที่กินมื้อเย็นจะค้างอยู่ลำไส้ประมาณ 24 ชั่วโมง สำหรับคนที่ไม่ชินกับการเข้าห้องน้ำตอนเช้า ก็ต้องเริ่มฝึกกันใหม่ แต่ถ้าไม่ปวดก็ไม่ต้องเบ่ง เพราะมันจะปวดเป็นช่วง ๆ ถ้าช่วงไหนปวดก็เบ่งตาม หากไม่ปวดแล้วเบ่ง น้องริดซี่ (ริดสีดวง) ก็อาจตามมาเคาะถึงก้นกันเลย

ที่สำคัญ ห้ามอั้นถ่ายตอนเช้า เพราะนาทีทองของการถ่ายจะอยู่ช่วงเช้า หากอั้นจนเลยเวลาไปแล้ว จะไม่ปวดไปทั้งวันเลย

และไม่ต้องคิดมาก หากในหนึ่งวันจะเข้าห้องน้ำ 1-3 ครั้ง เพราะเป็นเรื่องปกติของการถ่ายหนัก แต่ถ้าถ่ายหนักสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง แบบนี้เรียกว่า ผิดปกติ เกิดอาการท้องผูกแล้ว

เทคนิคง่าย ๆ กับการถ่ายหนักให้คล่องขึ้น

การนวดลำไส้

เริ่มกันตั้งแต่ก่อนนอนเลย ให้ "นวดลำไส้" ด้วยการเอามือนวดที่ท้องส่วนล่างซ้าย ซึ่งเป็นที่อยู่ของลำไส้ใหญ่ คลำจนพบลำของกากอาหารแล้วก็กดลงเบา ๆ เป็นระยะ สักประมาณ 5 นาที พอตื่นขึ้นมาก็ดื่มน้ำอุ่นสักแก้ว รอสักพัก อาการปวดก็จะมา หรือให้นวดลำไส้ที่เดิมอีกสักรอบ โดยค่อย ๆ นวดเบา ๆ ดันลงไปด้านล่าง สักพักก็จะรู้สึกปวดอยากถ่ายขึ้นมา หากว่านั่งถ่ายแล้วยังไม่ออกก็ให้ลุกขึ้นเดินสักพัก อย่านั่งแช่ เพราะน้องริดซี่อาจมาได้

ออกกำลังกายแบบให้ "ไส้ขยับ"

อันดับแรกก็คือ การซิทอัพ อย่างน้อยวันละ 40 ครั้ง หรือวิ่งเหยาะ ๆ วันละครึ่งชั่วโมง และนั่งยอง ๆ ให้ หน้าขากดหน้าท้อง เพราะนี่คือท่าสำคัญของมนุษย์ ที่ธรรมชาติสร้างท่านั่งยอง ๆ มาให้เรา ก็เพื่อไว้สำหรับการถ่ายหนัก เพราะแรงกดจากหน้าขาของเราจะกดลงพอดีกับตรงลำไส้ใหญ่

กินอาหารล้างลำไส้

หากอยากถ่ายคล่อง ๆ ก็ต้องมีใยอาหารอยู่ในลำไส้ให้มากพอที่มันจะขับเคลื่อนได้ง่าย ส่งให้มาถึงหน้าด่านได้ง่ายกว่าเดิม โดยเราจะต้องได้รับใยอาหารประมาณ 30 กรัมต่อวัน ซึ่งได้มาจากผักและผลไม้หลาย ๆ อย่าง หมุนเวียนกันไป อาทิ ถั่ว เพราะมีใยอาหารมากที่สุด ผักต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ผักโขม ผักกระเฉด ตำลึง เห็ดหูหนู มะเขือ ถั่วฝักยาว ถั่วพู เป็นต้น

ผลไม้ อาทิ กล้วย ส้ม ฝรั่ง มะม่วงดิบ พุทรา โดยเฉพาะส้มโอ จะมีสารเพกติร ซึ่งร่างกายของเราย่อยไม่ได้ เวลาถ่ายก็จะออกมาให้เราเห็นเต็ม ๆ แต่บางคนกินแล้วอาจปวดท้องบ้าง ถ่ายเหลวบ้าง ซึ่งจริง ๆ แล้ว เป็นเพราะผลไม้เหล่านี้ช่วยในการขับถ่าย ระบายท้อง ทำให้ลำไส้สะอาด และท้องไม่ผูก

แต่หากอยากถ่ายให้ได้ผลชะงัด ก็ต้องมะขามเปียก และลูกพรุน ซึ่งหาได้ง่าย กินแบบทั้งเนื้อและน้ำ นี่ละจะเป็นตัวการทำให้ถ่ายได้ดีที่สุด รับรองไม่นานเกินรอ ทัพหน้าก็จะตีประตูแตกอย่างแน่นอน

ฟังทางนี้!!

ถ้าไม่จำเป็นอย่ากินยาถ่ายบ่อย เพราะการใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ จะมีผลทำให้เกิดภาวะขาดวิตามินได้ หากเกิดอาการท้องผูกแบบหนัก ๆ ควรปรึกษาแพทย์ เห็นจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด อีกอย่างจะทำให้เราไม่ยอมนั่งถ่ายเองตามธรรมชาติ กลไกการทำงานในระบบของร่างกายอาจเปลี่ยนแปลงไปได้

ก่อนที่จะไปเข้าห้องน้ำ อย่าลืมคาถาทีเด็ด ช่วยถ่าย "ปวดอย่าอั้น นั่งท่ายอง มั่นใจเบ่ง" ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 10-15 นาที โดยเฉพาะการบริหารตรงกล้ามเนื้อหน้าท้อง ที่สำคัญฝึกเข้าห้องน้ำให้เป็นกิจวัตรประจำวันนะคะ รับรองว่า งานนี้ทัพหน้าตีแตกทุกวันแน่นอนค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น