15 วิธีสุดง่ายดาย คืนความสดใสให้ชีวิต (Lisa)
พลังงาน...คือหัวใจในการสร้างความสดใสให้แก่ชีวิต ถ้าชีวิตของคุณกำลังอับเฉาและอ่อนล้า เรามีวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยคุณคืนความสดใสให้ชีวิต
การใช้ชีวิตในทุกวันนี้มีหลากหลายปัจจัย ที่ล้วนแล้วแต่ดึงพลังไปจากเรา ทำให้เราลงเอยอยู่กับความรู้สึกอ่อนล้าโรยแร งเมื่อแต่ละวันสิ้นสุดลง แต่มันก็มีหลายวิธีที่จะช่วยคืนความสดใสให้ชีวิตเราได้เช่นกัน และเราได้รวบรวมคำแนะนำที่ดีที่สุดในการคืนความสดใสให้แก่ร่างกาย จิตใจ และวิญญาณ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งตะวันตกและตะวันออก ลองเริ่มต้นทำสักอย่างในชีวิตประจำวันของคุณ และอย่าทำมันเพียงเพื่อเยียวยาความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แต่ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างความสมดุล และความสดใสให้แก่ชีวิตในระยะยาว
ปลุกพลังทางกาย
1.อาบน้ำร้อนสลับเย็น
วารีบำบัดที่ใช้ความร้อนสลับความเย็น เป็นวิธีการเก่าแก่ของชาวฟินแลนด์ ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันแข็งแกร่งขึ้น ทำให้เลือดสูบฉีดดี และช่วยกระตุ้นร่างกาย โดยวิธีการแบบโบราณจะให้เข้าซาวน่า แล้วกระโจนลงสู่กองหิมะที่เย็นเจี๊ยบในทันที แต่เนื่องจากเราคงทำอย่างนั้นไม่ได้ การใช้น้ำฝักบัวจึงเป็นวิธีการที่เข้ามาแทนที่ โดยหลังอาบน้ำเสร็จ หมุนลูกบิดให้น้ำเย็นที่สุดเท่าที่จะทนได้สัก 30 วินาที จากนั้นหมุนกลับไปที่น้ำร้อนแล้วจบลงที่น้ำเย็น ทำซ้ำแบบนี้สองสามรอบ
2.ดื่มกระตุ้นร่างกาย
แทนการดื่มกาแฟ เริ่มต้นวันใหม่ด้วยน้ำร้อนหนึ่งแก้วผสมกับน้ำมะนาวครึ่งซีก และพริกป่นอีกหยิบมือหนึ่ง (น้ำผึ้งเล็กน้อยด้วยก็ได้ถ้าคุณชอบ) รสเปรี้ยวของน้ำมะนาวจะกระตุ้นน้ำย่อยและการปล่อยน้ำดีจากตับ ส่วนพริกป่นก็กระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร และเร่งอัตราการเผาผลาญ ดังนั้น ตามทฤษฎีแล้ว นี่สามารถช่วยเพิ่มการเผาผลาญ ไขมันและขับสารพิษจากเซลล์ไขมัน และเริ่มต้นกระบวนการขับเคลื่อนของร่างกายอย่างเหมาะสม
3.ทุบตัวเอง
การกระทำที่ฟังดูเหมือนการทำร้ายร่างกายนี้ แท้จริงแล้วช่วยกระตุ้นพลังงานได้อย่างเหลือเชื่อ เริ่มด้วยการกำหมัดแบบหลวม ๆ แล้วค่อย ๆ ทุบแขนทั้งด้านนอกและด้านใน และตามข้างลำตัวเรื่อยลงมายังขา หน้าท้อง คอ และบั้นเอว การทุบนี้จะกระตุ้นการไหลของพลังชิ และทำให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น นอกจากนี้ มันยังรู้สึกดีอีกด้วย
4.กินแต่เช้าและบ่อย ๆ
ถ้าคุณงดอาหารเช้าและกินอาหารเที่ยงเพียงนิดเดียว ตอนบ่ายแก่ ๆ คุณก็แทบจะหมดแรงแล้ว และเมื่อกลับถึงบ้านตอนเย็น คุณก็จะหิวจนตาลาย แถมเมื่อถึงจุดนี้แล้ว ร่างกายของคุณก็ไม่อาจจะชดเชยสารอาหารที่ขาดหายไปได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าคุณจะกินเข้าไปมากแค่ไหนก็ตาม ดังนั้น กินอาหารเช้าที่มีเส้นใยอาหาร โปรตีน และไขมันเพียงเล็กน้อย พร้อมด้วยอาหารว่างมื้อเล็ก ๆ ระหว่างอาหารแต่ละมื้อ เพื่อรักษาระดับพลังงานในร่างกายให้คงที่ตลอดทั้งวัน
5.ยืดเส้นสาย
หาเวลายืดเส้นสายทุกชั่วโมง หรือทุกครั้งที่โอกาสอำนวยเพื่อป้องกันกล้ามเนื้อตึง เพิ่มการไหลเวียนโลหิต และทำให้คุณมีพลังวังชา ลองทำเดี๋ยวนี้เลยก็ได้ ด้วยการยืนขึ้น หายใจเข้าลึก ๆ ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ เหยียดยืดลำตัวให้สุด ค้างไว้สักครู่ หายใจออกแล้วปล่อยแขนลง จากนั้น ค่อย ๆ ก้มตัวลงทีละน้อยจนมือจรดพื้น อย่าเกร็งเข่า แต่ให้รู้สึกว่ากล้ามเนื้อด้านหลังต้นขาตึงเล็กน้อย สั่นศีรษะเบา ๆ เพื่อคลายลำคอ ค้างอยู่ในท่านี้สักครู่
6.เร่งการเต้นของหัวใจ
การที่คุณรู้สึกดีอย่างมาก หลังการออกกำลังกายนั้นมีเหตุผลที่อธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์ การออกกำลังที่หนักพอ และทำให้เหงื่อออกจะกระตุ้นการหลั่งสารเคมีที่ทำให้รู้สึกดี ๆ ในสมอง อันได้แก่ เซโรโทนิน อะดรีนาลีน และเอ็นดอร์ฟินส์ ซึ่งช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้น การออกกำลังเป็นประจำยังให้ประโยชน์อีกหลายอย่าง ตั้งแต่ลดความดันโลหิตไปจนถึงคลายความเครียด และไม่มีการสร้างพลังงานแบบไหนจะสมบูรณ์แบบได้ถ้าขาดสิ่งนี้ ฉะนั้น ถ้าคุณไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำก็เริ่มต้นได้แล้ว และถ้าออกกำลังเป็นประจำอยู่แล้ว ลองเพิ่มความหนักและจำนวนวันขึ้นไปอีกหน่อย
สร้างชีวิตชีวาทางสังคม
7.สร้างความรื่นรมย์ให้ผู้อื่น
8.ชมการแสดงสด
เลิกดูหนังตามโรง แล้วให้โอกาสตัวเองได้เพลิดเพลินกับการแสดงสดดูบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงตลก ละคร ดนตรี ในการแสดงสด นักแสดงและคนดูจะสามารถส่งและรับอารมณ์ร่วมกัน ในแบบที่เปี่ยมพลังและเต็มไปด้วยความสดใหม่ ซึ่งจะหาไม่ได้ในการแสดงที่อัดเทปไว้ล่วงหน้า
กระตุ้นความสดใสทางอารมณ์
9.ซึมซับกับงานศิลปะ
ศิลปะมีพลังอันน่าทึ่ง ลองเลิกใช้สมองชั่วคราวแล้ว ปล่อยตัวปล่อยใจให้ซึมซับพลังจากงานศิลปะ ปล่อยให้สีรูปทรง และปัจจัยทางด้านอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ของศิลปะกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของคุณ แล้วคุณจะรู้สึกว่าประสาทสัมผัสของคุณตื่นตัวขึ้น
10.เสริมพลังทางการรับกลิ่น
น้ำมันหอมระเหยสามารถทำให้คุณสงบมีสมาธิ และมีพลังวังชาได้ ด้วยการช่วยลดความเครียดและความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ น้ำมันโรสแมรี่ จูนิเปอร์ คลารีเซจ และเปปเปอร์มินต์ มีผลในการทำให้ประสาทสัมผัสตื่นตัว ในขณะที่น้ำมันมะนาว ส้ม หรือเกรปฟรุต สร้างความสมดุลให้อารมณ์และกระตุ้นพลังวังชา เวลาเลือกผลิตภัณฑ์อะไรมาเธอราพี มองหาน้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ที่ได้จากพืช ไม่ใช่น้ำหอม ซึ่งอาจเป็นสารเคมี
เติมพลังทางจิตวิญญาณ
11.แหวกความเคยชิน
การทำทุกอย่างจนเป็นกิจวัตร ทำให้ตกอยู่ในหลุมพรางของความจำเจ น่าเบื่อ ลองพาตัวเองไปรู้จักสิ่งใหม่ ๆ ลองไปกินร้านอาหารใหม่ ๆ หรือฟังเพลง ที่ไม่เคยฟังมาก่อน เมื่อคุณปลดปล่อยตัวเองให้ได้ออกนอกลู่นอกทางซะบ้าง คุณจะรู้สึกมีชีวิตชีวาและเชื่อมโยงกับโลกโดยรวมมากขึ้น
12.สวดมนต์
ไม่สำคัญว่าคุณจะนับถือศาสนาใด อำนาจของการสวดมนต์ผสมผสานกับการทำสมาธิ ไม่เพียงแต่ทำให้คุณมีช่วงเวลาแห่งความสงบ แต่ยังได้มุมมองใหม่ ๆ ของชีวิตด้วย
13.จัดเวลาการดูทีวี
อันตรายที่แท้จริงของทีวีก็คือ การปล่อยให้มันดึงเอาเวลาว่างในชีวิตของคุณไปจนหมด ฉะนั้น ทำตัวแบบเดียวกันกับนักช้อปผู้ชาญฉลาด ที่ทำรายการของที่จะซื้อล่วงหน้า และซื้อตามรายการนั้นโดยไม่เดินอ้อยอิ่งไปเรื่อย ๆ ลองตรวจโปรแกรมทีวีก่อน และดูว่าคุณอยากดูรายการอะไรบ้าง ยิ่งใคร่ครวญและจำกัดเวลาการดูทีวีของคุณมากเท่าไหร่ คุณก็จะได้ดูรายการที่อยากดูได้อย่างตั้งใจมากขึ้น และตัวคุณก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
14.หยุดทำหลายอย่างพร้อมกัน
ถ้าคุณไม่อยู่กับสิ่งที่คุณกำลังทำอย่างน้อย 80 เปอร์เซ็นต์ ก็เท่ากับว่าคุณทำให้ตัวเองต้องทำงานมากขึ้น และเมื่อคุณไม่ได้อยู่กับสิ่งที่ทำอย่างเต็มที่ คุณก็จะไม่ได้ความพึงพอใจกับมันมากพอ ฉะนั้น ทำทีละเรื่อง และคุณจะทำงานได้มากกว่าโดยยังมีพลังงานเหลือด้วย
15.ใส่ความคิดสร้างสรรค์ให้ชีวิต
คุณไม่จำเป็นต้องเป็นศิลปินผู้เก่งกาจ แต่ความสร้างสรรค์คือตัวตนของคุณเป็นบางสิ่งที่คุณเท่านั้น จะสามารถสร้างให้แก่โลกนี้ได้ มันเป็นส่วนผสมของจินตนาการ หัวใจและความฉลาดที่เกิดมาจากความเป็นคุณ ลองเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการให้ของขวัญทำเองทำอาหารตามสูตรของตัวเอง หรือแต่งห้องใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น