"เมื่อกินอาหารผิด กินยาอะไรก็ช่วยไม่ได้ เมื่อกินอาหารถูก ยาก็ไม่จำเป็นต้องใช้" ภาษิตอายุรเวทโบราณ บอกไว้...
กินดี กินอาหารที่ถูกต้อง ยารักษาโรคก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น แต่ไม่รู้จักกิน กินอาหารผิดชนิด ยาขนานเอกใด ๆ ก็ช่วยไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนถ้าอาหารคือยา หรือกินอย่างไรก็บอกตัวตนของคนคนนั้น ศาสตร์โบราณจากอินเดีย จีน และไทย ว่าไว้...ถ้าเล่าย้อนหลังไปนับพันปี ศาสตร์โบราณจากตะวันตก โดยนักปราชญ์ชาวกรีก ฮิปโปเครตีส ก็บอกเอาไว้เหมือนกันคือ "ให้อาหารเป็นยา" แต่ทำไมพอถึงคนยุคนี้กลับหลงลืม...
ที่ คามาลายา เกาะสมุย (kamalaya Koh Samui) รีสอร์ทเพื่อพักผ่อน ฟื้นฟูร่างกาย เยียวยาจิตใจ เตรียมอาหารเพื่อสุขภาพให้ทุกมื้อ แล้วแต่ประสงค์ของผู้มาเยือน เช่นที่ห้องอาหาร Amrita Cafe เสิร์ฟเมนูสุขภาพ มีให้เลือกตั้งแต่อาหารทั่วไปและสูตรดีท็อกซ์หรือล้างพิษ ตามเป้าหมายของผู้พำนักที่ต้องการทำความสะอาดร่างกาย และอาหารเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้โปรแกรมล้างพิษสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
Amrita เป็นภาษาสันสกฤตโบราณ หมายถึง "น้ำทิพย์จากสวรรค์" ในภาษาไทยมีคำว่า "น้ำอมฤต" ตรงตามเป้าหมายของคามาลายา ที่ผนวกศาสตร์ทางเลือกจากตะวันตกจรดตะวันออก เชื่อมโยงจุดมุ่งหมายของปราชญ์ชาวกรีกสู่การแพทย์แผนจีนและอายุรเวท อันมีแนวคิดตรงกันว่า ให้อาหารดูแลสุขภาพ หรือแค่เปลี่ยนอาหารที่คุณกินเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณได้ แต่คนทั่วไปแค่เปลี่ยนเสื้อผ้า และมักละเลยเรื่องการกิน
เชฟใหญ่ประจำคามาลายา เกาะสมุย Kai Muller เดินตามแนวคิดของรีสอร์ทเพื่อสุขภาพ เขาพัฒนาสูตร Kamalaya Cuisine ตามแนวคิดของผู้ก่อตั้ง Karina Stewart รวมทั้งชาวไทย คนท้องถิ่นที่นำพืชผักตามฤดูกาลมาปรุงเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ แต่ถ้าใครอยากกินสเต๊ก บาร์บีคิว หรือไวน์สักแก้วสองแก้วช่วงดินเนอร์ เชฟก็จัดให้ อย่างไรก็ดี ถึงจะจบวันด้วยอาหารเนื้อจานใหญ่ ของหวานอย่างไอศกรีมหรือข้าวเหนียวมะม่วง แต่ในมื้ออื่นๆ คนรักษ์สุขภาพจะเข้าใจและตระหนักทันทีว่า ปล่อยให้อาหารเป็นยา ดีกว่ากินอาหารตามใจปากแล้วถามหายารักษาโรคทีหลัง
เชฟ Kai บอกว่า หัวใจหลักของการปรุงอาหาร "คามาลายา ควิซีน" ก็เหมือนปรุงอาหารทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าใครเลือกเมนูดีท็อกซ์ บอกได้ว่า จะเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับอาหาร รอว์ฟู้ด เน้นผักสดและของปรุงแต่งไม่ผ่านกระบวนความร้อน ส่วนวิธีการปรุงอาหารที่เชฟบอกว่า "ทั่วๆ ไป" นั้น ก็ตั้งอยู่บนขั้นตอนและกระบวนการ ดังนี้
* เลี่ยงอาหารทอดน้ำมันท่วม ใช้กระบวนการปรุงสุกหลายวิธีแทน เช่น ผัด (น้ำมันแต่น้อยหรือไม่ใช้น้ำมันเลย) อบ ลวก ต้ม นึ่ง และย่าง (น้อยๆ ไม่ให้เกิดสีดำจากการไหม้) ตุ๋นและเคี่ยว
* ปรุงรสสดๆ ด้วยสมุนไพรและเครื่องเทศ ใช้มากหน่อยแต่ให้คุณค่าสารแอนตี้ออกซิแดนท์สูง หลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งมาแล้ว
* ผัก เน้นผักสด โดยเฉพาะมื้อกลางวันและมื้อเย็น จานสลัดมีผักเป็นกองใหญ่ เลือกผักหลากหลายประเภท หลายสี อันเป็นแหล่งแร่ธาตุวิตามินหลากหลาย และจัดจานได้สวยด้วย ผักบางชนิดที่ต้องปรุงให้สุกใช้วิธีลวกหรือผัดอย่างรวดเร็ว เพื่อรักษาคุณค่าสารอาหาร
* ถั่วและธัญพืช เป็นแหล่งโปรตีนและไขมัน ชาวมังสวิรัติหลายคนมาเยือนที่นี่ ดังนั้นพวกเขาต้องการอาหารโปรตีนสูง อันได้แก่ ถั่วมีฝัก ถั่วเปลือกแข็ง ธัญพืชนานาชนิด คนไทยเราเรียก "อาหารนก" ซึ่งเป็นซูเปอร์ฟู้ดของอาหารคน เชฟใช้ถั่วทุกชนิดเท่าที่หาได้ในโลก ได้แก่ เม็ดฟักทอง ทานตะวัน อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ บราซิลนัท วอลนัท ฮาเซลนัท พีแคน พิสตาชิโอ งาขาว งาดำ หลีกเลี่ยงถั่วลิสง
* เลี่ยงไขมันทรานส์ (Trans fat) ใช้น้ำมันสุขภาพ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าวใช้ได้แต่ไม่ผ่านกระบวนความร้อนสูง น้ำมันงา และกี (เนยแบบอินเดีย) ใช้ได้ในอุณหภูมิต่ำ
* เลี่ยงเนื้อแดง แทนด้วยเนื้อปลาและอาหารทะเล ไก่ไร้ไขมัน แต่ถ้าคนขาดไม่ได้ เชฟแนะนำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง (1 จาน) ถ้าทำได้
* เลี่ยงน้ำอัดลม ในเมนูไม่มีเครื่องดื่มน้ำอัดลม มีแต่น้ำผลไม้คั้นสดๆ หรือ สมูธี่ หรือน้ำผลไม้ผสมน้ำผัก ถ้าติดกันจริงๆ เชฟแนะนำว่าพยายามดื่มให้น้อยลงแล้วดื่มชาเขียว ชาสมุนไพร ได้แก่ ชามิ้นท์ ตะไคร้ คาโมมายล์ ชาเครื่องเทศที่ผสมขิง อบเชย กานพลู ชะเอมเทศ จนถึงน้ำเปล่า ดื่มให้มากเพื่อทดแทนความอยากน้ำอัดลม หรือแค่น้ำเปล่าบีบมะนาวจะดีมากต่อลำไส้
* ดื่มน้ำเปล่าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 1-2 ลิตรต่อวัน ไม่ใช่เรื่องยาก (โดยเฉพาะในเมืองไทยที่อากาศร้อนอบอ้าวตลอดปี) หรือออกกำลังกายบ่อยๆ ตามโปรแกรมที่จัดให้ ควรดื่มน้ำมากเข้าไว้ในอุณหภูมิปกติ
* เกลือทะเล ไม่ใช้น้ำปลา มีซีอิ๊วขาวบ้าง
* หญ้าหวาน ให้รสหวานแทนน้ำตาล เป็นความหวานจากธรรมชาติ การปรุงอาหารบางอย่างใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาลทราย และน้ำตาลปึก บางเมนูปรุงความหวานจากน้ำผลไม้
* เลือกโปรตีนคุณภาพ ได้แก่ เนื้อปลา ไก่งวง ไก่ไร้มัน ถั่ว ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองเช่น เต้าหู้ นมถั่วเหลือง สำหรับเนื้อแดงใช้เนื้อแกะและเนื้อวัวออร์แกนิค
* เลือกไขมันคุณภาพ ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา น้ำมันอะโวคาโด น้ำมันจากเมล็ดถั่วชนิดต่าง ๆ
* เลือกคาร์โบไฮเดรตคุณภาพ ได้แก่ แป้งสาลีไม่ขัดสี ข้าวไม่ขัดสี เช่น ขนมปังโฮลเกรน แพนเค้กบัควีท
* เลี่ยงถั่วงอกหรือต้นอ่อนงอก เช่น หญ้าอัลฟาฟ่า แต่ต้นอ่อนงอกบางอย่างใช้ในเมนูรอว์ฟู้ด ซึ่งเสิร์ฟสดไม่เก็บไว้นาน
* อาหารไทยเป็นอาหารสุขภาพแต่ปรุงตามหลักของ คามาลายา ควิซีน ที่ไม่เน้นรสจัดจ้าน
* เครื่องดื่มจากผลไม้และชาหลากชนิด เช่น ชาดำ ชาเขียว ชาอู่หลง ชาสมุนไพรและเครื่องเทศ มีต้นวีทกราสปลูกเองในโรงเรือนและแนะนำให้ดื่มน้ำวีทกราสวันละ 1 ชอต
* ผลิตภัณฑ์นมมาจากแพะ เช่น โยเกิร์ตและชีสจากนมแพะ
* ดีท็อกซ์ เมนู มีแต่จานผักไม่มีเนื้อสัตว์ และผ่านกระบวนการปรุงแต่งน้อยที่สุด ถ้าเลี่ยงได้ควรงดกาแฟให้ดื่มชาแทน
* ปรุงผสมผสาน เช่น ในอาหาร 1 จาน ประกอบด้วยผักหลายชนิด ถั่วและธัญพืช ตั้งแต่ถั่วต้มทั้งเปลือก ถั่วมีฝัก บัควีท ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง ถั่วเลนทิล ชิคพี ถั่วแอดซูกิ ซึ่งอุดมด้วยไฟเบอร์และกรดอะมิโน
ทุกจานโลว์โซเดียม น้ำตาลต่ำ ไขมันต่ำ ไม่ใส่ผงชูรส กระบวนการปรุงดูเหมือนไม่ยุ่งยาก แค่การจัดเตรียมพืชผักที่ต้องมีประจำตู้เย็น เน้นของสดและเลี่ยงสารปรุงแต่ง
ดังนั้นใครๆ ก็กลับไปทำกินเองได้ อย่าลืมผักกองใหญ่ๆ จัดจานให้สวย ปรุงด้วยใจให้คนใส่ใจต่อร่างกายตัวเอง ให้อาหารตรงหน้าเป็นยารักษาโรค ย่อมดีกว่าตามด้วยยาเม็ดหลังอาหาร...
หมายเหตุ : ข้อมูลจาก คามาลายา เกาะสมุย (Kamalaya Koh Samui)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น