25 มิ.ย. 2553

กำจัด "กลิ่นปาก" ให้สิ้นซาก ตัวเลือก

เชื่อหรือไม่ว่าประมาณ 30 - 40 % ของประชากร

มักประสบปัญหาการมีกลิ่นปากและต้องการการรักษา

กลิ่นปาก

นับเป็นปัญหาสุขภาพช่องปากอย่างหนึ่งที่พบได้บ่อยและขาดการได้รับการรักษา ทั้งๆ
ที่เป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้
หลายคนเก็บความกังวลใจกับปัญหากลิ่นปากเอาไว้จนทำให้เสียบุคลิกภาพ
กลายเป็นคนขาดความมั่นใจในการสนทนากับผู้อื่นในระยะใกล้ๆ

กลิ่นปาก เป็นอาการเรื้อรังซึ่งมีอยู่ทุกวัน
และไม่สามารถขจัดให้หายไปได้ด้วยการแปรงฟัน หรือใช้น้ำยาบ้วนปากตามปกติ
กลิ่นที่เกิดขึ้นเป็นกลิ่นของสารประกอบกำมะถันอันประกอบด้วย ไฮโดรเจน ซัลไฟด์,
เมททิล เมอร์แคปแทน, และไดเมททิล ซัลไฟด์
ซึ่งเกิดจากการย่อยสลายของโปรตีนโดยแบคทีเรียในช่องปากประเภทที่ไม่ใช้ ออกซิเจน
โปรตีนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากเศษอาหารที่ตกค้าง
และคราบจุลินทรีย์ที่สะสมอยู่บนลิ้น
หรือมาจากเซลล์อักเสบที่พบในเลือดและร่องเหงือก (gingival crevice)
หรืออาจมาจากน้ำมูก และเสมหะที่ไหลลงในลำคอทางด้านหลังจมูก (post nasal drip)
ในผู้ป่วยที่มีการอักเสบเรื้อรังของทางเดินหายใจ

กลิ่นปากแท้จริงแล้วมีสาเหตุจากอะไร

สาเหตุจากภายในช่องปาก ได้แก่

- ฟันผุเป็นรู ฟันคุด

- โรคเหงือกอักเสบ และโรคปริทันต์

- แผลถอนฟัน แผลผ่าตัดในช่องปาก หรือแผลที่เกิดจากการติดเชื้อต่างๆในช่องปาก
ตลอดจนแผลร้อนใน หรือแผลมะเร็ง เป็นต้น

- ฟันปลอมที่ไม่สะอาด ครอบฟันที่ขอบไม่แนบกับตัวฟัน
หรือหรือวัสดุอุดฟันที่มีขอบเกิน ทำให้เป็นที่กักของเศษอาหาร

- ฟันซ้อนเก หรือการใส่เครื่องมือจัดฟัน ทำให้มีเศษอาหารตกค้าง

- ฝ้าขาวบนลิ้น ซึ่งเกิดจากการสะสมของเศษอาหารและแบคทีเรียบนพื้นผิวของลิ้น
เป็นสาเหตุใหญ่ของการเกิดกลิ่นปาก

เนื่องจากฝ้าขาวบนลิ้นทำให้เกิดสารประกอบกำมะถัน จำพวกไฮโดรเจน ซัลไฟด์
และการอักเสบในร่องเหงือก ทำให้เกิดสารจำพวกเมททิล เมอร์แคปแทน
หากผู้ป่วยมีน้ำลายไหลน้อย
หรือปากแห้งร่วมด้วยจะทำให้การสะสมของสารประกอบกำมะถันดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น ถึง
6 เท่า

สาเหตุจากภายนอก ช่องปาก ได้แก่

- อาหาร กลิ่นปากที่เกิดจากอาหารจะเป็นกลิ่นที่ไม่ถาวร
คือจะหายไปเมื่อร่างกายย่อยสลายและขับออกหมด
เว้นเสียแต่ว่าจะรับประทานอาหารเหล่านั้นเป็นประจำทุกวัน
จนมีอยู่ในร่างกายอย่างต่อเนื่อง อาหารเหล่านั้นได้แก่ กระเทียม เครื่องเทศ
หัวหอม อาหารที่มีโปรตีนสูงตลอดจนเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

- บุหรี่

- โรคทางระบบอื่น ๆ เช่น

- โรคของระบบทางเดินหายใจ เช่น การอักเสบ หรือมะเร็งในโพรงจมูก ไซนัส ทอนซิล
คอหอย กล่องเสียง หรือปอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอักเสบเรื้อรังของทางเดินหายใจ
ซึ่งทำให้เกิดน้ำมูกที่ข้นเหนียวกว่าปกติ
และไหลลงในลำคอทางด้านหลังจมูกเป็นประจำ

- โรคของระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ การอักเสบของหลอดอาหาร โรคกระเพาะ โรคลำไส้
ซึ่งในระยะหลังมีการวิจัยสนับสนุนว่าโรคกรดไหลย้อนเป็นสาเหตุที่สำคัญที่ทำ
ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุผิวในทางเดินหายใจ ซึ่งมีผลต่อการเกิด post
nasal drip ได้ในระยะต่อมา

- โรคตับ โรคไต และโรคเบาหวาน สามารถทำให้เกิดกลิ่นปากได้เช่นกัน
ซึ่งจะเป็นกลิ่นเฉพาะของแต่ละโรค

กำจัดกลิ่นปาก

กุญแจหลักของการรักษาผู้ที่มีปัญหากลิ่น ปาก คือ
การหาสาเหตุและขจัดสาเหตุนั้นให้หมดไป

หากมีโรคในช่องปาก การรักษาคงเป็นการรักษาโรคนั้นๆ ให้หายดีเสียก่อน เช่น
อุดฟันที่ผุหรือรักษาโรคเหงือก แต่ถ้าในกรณีที่ไม่มีโรคในช่องปาก
แต่ยังคงมีกลิ่นปากอยู่
วิธีลดกลิ่นปากที่สามารถทำได้ง่ายที่สุดและได้ผลมากที่สุดคือ
การทำความสะอาดช่องปากของเราเองโดยการแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน และการแปรงลิ้น
ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนมักมองข้าม
ส่วนใหญ่แล้วมักแปรงแต่ฟันเพียงอย่างเดียว จากเหตุผลข้างต้น
ลิ้นของเรานั้นมีผิวขรุขระ เวลารับประทานอาหารเข้าไป
อาหารอาจหมักหมมอยู่ที่ลิ้นได้ รวมทั้งผู้ที่ชอบอมลูกอม และสูบบุหรี่
สีของลูกอม และคราบบุหรี่ จะติดสะสมไม่เพียงที่ฟันเท่านั้น
แต่จะสะสมอยู่ที่ลิ้นด้วย ดังนั้น การแปรงฟันนอกจากการทำความสะอาดฟันแล้ว
การทำความสะอาดลิ้นก็เป็นสิ่งจำเป็น

การลดกลิ่นปากนั้น ทำได้ไม่ยากเพียงแต่ทำความสะอาดช่องปากรวมทั้งลิ้น
ตามด้วยการใช้น้ำยาบ้วนปากหลังทำความสะอาดช่องปาก
เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดกลิ่นปาก ปัญหาที่ไม่พึงประสงค์ลงได้

ปัญหา เรื่องกลิ่นปากเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไข
การเข้ารับการรักษากลิ่นปากไม่ใช่เรื่องน่าอาย
แต่เป็นการเสริมสร้างบุคลิกภาพให้ดีขึ้น
และยังมีส่วนช่วยเพิ่มเสน่ห์ในการพูดคุยแก่คู่สนทนาอีกด้วย


คลินิกรักษากลิ่นปาก ศูนย์ทันตกรรมเดนดัลลิส โรงพยาบาลเวชธานี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น