27 ก.ค. 2553

ปฏิบัติการเติมแคลเซียม100% ให้ร่างกาย


คุณทราบหรือไม่ว่า..."องค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ" หรือ "The Food and Agriculture Organization" หรือ "FAO" ได้กำหนดให้วันที่ 1 มิถุนายนของทุกปี เป็น "วันดื่มนมโลก" (World Milk Day) เพื่อเกิดการกระตุ้นให้ผู้คนเห็นความสำคัญของการดื่มนม

มองมาที่บ้านเราจะพบว่าในปี 2551 มีการผลิตนมพร้อมดื่มได้ประมาณ 876,000 ตัน เป็นนมเพื่อการพาณิชย์ 360,000 ตัน หรือร้อยละ 41 นมโรงเรียน 276,000 ตัน หรือร้อยละ 32 และนมเปรี้ยว 240,000 ตัน หรือร้อยละ 27 ซึ่งผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้ ผลิตมาจากน้ำนมดิบภายในประเทศ และจากนมคืนรูป โดยผลผลิตที่ได้จะออกมาในรูปนมสด มีทั้งรสจืดและรสหวาน และในรูปนมปรุงแต่ง ซึ่งมีการเติมกลิ่นและรสต่างๆ ตามความนิยมของผู้บริโภค เช่น รสช็อกโกแลต รสกาแฟ และรสสตรอเบอร์รี่ เป็นต้น

ที่น่าทึ่งคือจากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่าประเทศไทย คือฐานการผลิตน้ำนมดิบมากที่สุดใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ที่สวนทางกันอย่างแรงคือคนไทยเองกลับดื่มนมเพียงน้อยนิด ตกประมาณ 14.19 ลิตรต่อคนต่อปีเท่านั้น ขณะที่อัตราบริโภคนมโดยเฉลี่ยของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ที่ 60 ลิตรต่อคนต่อปี และทั่วโลกอยู่ที่ 103.9 ลิตร ต่อคนต่อปี!!!

จากตัวเลขอันน่าตกใจข้างต้นสะท้อนอย่างชัดเจนว่าคนไทยยังให้ความสำคัญกับการดื่มนมที่น้อยมาก ทั้งๆ ที่นมเป็นแหล่งรวมของโภชนาการ และสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างมากมาย...

ในประโยชน์ของการดื่มนมที่เป็นแหล่งรวมของสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายไม่ว่าะเป็นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ที่สำคัญเช่น ฟอสฟอรัส นอกจากนี้ยังได้รับแร่ธาตุ “แคลเซียม” ที่ถือเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างกระดูก ซึ่งจากข้อมูลของมูลนิธิโรคกระดูกพรุนนานาชาติ (International Osteoporosis Foundation หรือ IOF) ระบุ ว่า นมและผลิตภัณฑ์จากนมอื่นๆ จัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่มีแร่ธาตุ “แคลเซียม” สูงที่สุด ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมากความสำคัญอย่างมากในการเสริมสร้างกระดูก โดยเป็นแคลเซียมที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ดีที่สุด และการดื่มนมตั้งแต่อายุยังน้อยยังจะช่วยป้องกันไม่ให้กระดูกแตกหักง่ายเมื่ออายุมากขึ้น เพราะเมื่อล่วงเลยถึงวัย 35 ปีขึ้นไป ร่างกายจะค่อยๆ เริ่มสูญเสียกระดูกมากกว่าการสร้าง ดังนั้นวิธีการง่ายๆ และดีที่สุดที่จะช่วยรักษากระดูกคือการดื่มนมเป็นประจำ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันความดันโรหิตสูงอีกด้วย

ในเรื่องนี้ “ศ.กิตติคุณ นพ.เสก อักษรานุเคราะห์” อดีตประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย อธิบายว่า

“นมสดคือนมที่ดีที่สุด มีสารอาหารและโปรตีนจำนวนมาก ซึ่งโปรตีนเคซิน เป็นโปรตีนเด่นที่สุด จับแคลเซียมเก่ง ช่วยสร้างความสูงให้ร่างกาย จึงควรดื่มวันละ 500 ซีซี หรือ 2 กล่อง หากเกินจากอาจก่อให้เกิดผลเสีย เนื่องจากไปกระตุ้นต่อมพาราไทรอยด์ (ต่อมข้างไทรอยด์) ซึ่งไปสลายกระดูก สำหรับเด็กสามารถดื่มนมได้วันละ 500 - 800 ซีซี โดยเฉพาะเด็กที่ใช้พลังงานสูง ออกกำลังกายและมีเหงื่อออกมาก เพราะฟอสฟอรัสที่เกินจะถูกใช้เป็นพลังงาน ไม่สามารถกระตุ้นต่อมพาราไทรอยด์ได้ ส่วนเด็กที่อยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไร ควรดื่มนมเท่าผู้ใหญ่” ศ.กิตติคุณ นพ.เสก แนะนำ

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นจากการศึกษาธาตุอาหารในนม 1 กล่อง พบว่ามีทั้งแคลเซียม สร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟัน "วิตามินบี 12” ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง "คาร์โบไฮเดรต" ให้พลังงานกับร่างกาย "แมกนีเซียม" สร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ "ฟอสฟอรัส" สร้างพลังงานให้กับเซลล์ในร่างกาย และทำให้กระดูกแข็งแรง

และสำหรับผู้ที่กำลังมองหาแหล่งแคลเซียมง่ายๆ ที่ซื้อหาได้สะดวก สามารถรับประทานได้ทุกวันแถมรสชาติดี นมโฟร์โมสต์ แคลซีแมกซ์ แคลเซียมสูง น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี เพราะ จากรายงานสำรวจสภาวะอาหารและโภชนาการของประเทศไทย ครั้งที่ 5 พศ. 2546 พบว่าคนไทยได้รับแคลเซียมจากอาหารเพียงแค่ 30 % ของความต้องการต่อวัน โฟร์โมสต์ แคลซีเม็กซ์ จึงคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้แคลเซียมสูงขึ้น 70%ของความต้องการในต่อวัน ดังนั้นการดื่มโฟร์โมสต์ แคลซีเม็กซ์ ร่วมกับการทานอาหารตามปกติทุกวันจะทำให้คุณได้รับ แคลเซียมเต็ม 100% ที่ร่างกายต้องการ

...วันนี้ คุณให้รางวัลตัวเอง ด้วยการเติมแคลเซียม 100% ให้แก่ร่างกายของคุณหรือยัง...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น