1. การใช้แปรงสีฟันร่วมกัน
การใช้แปรงสีฟัน ร่วมกันนั้นจะทำให้แบคทีเรียในช่องปากที่สะสมนั้น มีมากขึ้นในแปรงสีฟัน หากใช้ร่วมกันนานๆ อาจทำให้ติดโรคภายในช่องปาก หรือโรคติดเชื้อจากแผลในช่องปากด้วย หากวันใดคนที่เราใช้แปรงร่วมด้วยไม่มีแปรงสีฟันจริงๆ ให้เขาใช้น้ำยาบ้วนปากแทน เพราะน้ำยาบ้วนปาก จะช่วยยับยั้งการก่อตัวของเชื้อแบคทีเรีย และทำให้ลมหายใจหอมสดชื่นอีกด้วย
2. ใช้เครื่องเป่ามือในห้องน้ำสาธารณะ
ขอร้องเลยว่า อย่าทำให้มือแห้งด้วยเครื่องเป่ามือตามที่สาธารณะทั่วไป เพราะท่อส่งอากาศที่ถูกเป่าออกมานั้น เต็มไปด้วยจุลินทรีย์ที่กำลังแพร่ขยายพันธุ์อยู่ ผลที่ได้คือ มือของคุณจะปราศจากแบคทีเรีย แต่จะอุดมไปด้วยเชื้อโรคมากกว่าตอนก่อนล้างมือเสียอีก ดังนั้น ควรซับมือด้วยกระดาษชำระ หรือผ้าเช็ดมือแบบใช้ครั้ง เดียวเท่านั้น
การใช้แปรงสีฟัน ร่วมกันนั้นจะทำให้แบคทีเรียในช่องปากที่สะสมนั้น มีมากขึ้นในแปรงสีฟัน หากใช้ร่วมกันนานๆ อาจทำให้ติดโรคภายในช่องปาก หรือโรคติดเชื้อจากแผลในช่องปากด้วย หากวันใดคนที่เราใช้แปรงร่วมด้วยไม่มีแปรงสีฟันจริงๆ ให้เขาใช้น้ำยาบ้วนปากแทน เพราะน้ำยาบ้วนปาก จะช่วยยับยั้งการก่อตัวของเชื้อแบคทีเรีย และทำให้ลมหายใจหอมสดชื่นอีกด้วย
2. ใช้เครื่องเป่ามือในห้องน้ำสาธารณะ
ขอร้องเลยว่า อย่าทำให้มือแห้งด้วยเครื่องเป่ามือตามที่สาธารณะทั่วไป เพราะท่อส่งอากาศที่ถูกเป่าออกมานั้น เต็มไปด้วยจุลินทรีย์ที่กำลังแพร่ขยายพันธุ์อยู่ ผลที่ได้คือ มือของคุณจะปราศจากแบคทีเรีย แต่จะอุดมไปด้วยเชื้อโรคมากกว่าตอนก่อนล้างมือเสียอีก ดังนั้น ควรซับมือด้วยกระดาษชำระ หรือผ้าเช็ดมือแบบใช้ครั้ง เดียวเท่านั้น
3. การนั่งบนชักโครกสาธารณะ
เวลาสาวๆ นั่งปัสสาวะหรือจะถ่ายทุกข์แบบหนัก ไม่ว่าจะน้ำปัสสาวะหรือของเสียอื่นๆ ก็อาจจะมีบางส่วนที่กระเด็นมาสะสมกันอยู่ที่บริเวณโถรองนั่งของชักโครก จนเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคขนาดมหึมา ฉะนั้น ก่อนเข้าห้องน้ำสาธารณะทุกครั้ง เช็ดให้สะอาดด้วยกระดาษชำระชุบน้ำ แล้วตามด้วยกระดาษชำระที่แห้งวางทับบนโถรองนั่งก่อนปลดทุกข์ทุกครั้ง รับรองว่าวิธีการนี้ได้ผลแน่นอน
4. การกลั้นจาม
คุณรู้ไหมว่าอัตราความเร็วในการจาม แต่ละครั้งนั้นสูงถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทีเดียว ดังนั้น การยื้อหรือกลั้นไม่ให้จามนั้นจะก่อให้เกิดแรงอัดอากาศภายใน อาจส่งผลทำให้เยื่อแก้วหูแตกหรือเป็นรูได้
เวลาสาวๆ นั่งปัสสาวะหรือจะถ่ายทุกข์แบบหนัก ไม่ว่าจะน้ำปัสสาวะหรือของเสียอื่นๆ ก็อาจจะมีบางส่วนที่กระเด็นมาสะสมกันอยู่ที่บริเวณโถรองนั่งของชักโครก จนเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคขนาดมหึมา ฉะนั้น ก่อนเข้าห้องน้ำสาธารณะทุกครั้ง เช็ดให้สะอาดด้วยกระดาษชำระชุบน้ำ แล้วตามด้วยกระดาษชำระที่แห้งวางทับบนโถรองนั่งก่อนปลดทุกข์ทุกครั้ง รับรองว่าวิธีการนี้ได้ผลแน่นอน
4. การกลั้นจาม
คุณรู้ไหมว่าอัตราความเร็วในการจาม แต่ละครั้งนั้นสูงถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทีเดียว ดังนั้น การยื้อหรือกลั้นไม่ให้จามนั้นจะก่อให้เกิดแรงอัดอากาศภายใน อาจส่งผลทำให้เยื่อแก้วหูแตกหรือเป็นรูได้
5. กินยาแก้ปวดทุกครั้งที่ปวดศีรษะ
การ รับประทานยาแก้ปวดหัวบ่อยๆ และเป็นเวลานานจะมีผลทำให้ตัวยาสะสม และอาจกัดจนเป็นแผลในช่องท้อง หรือมีผลให้ตับทำงานหนักจนเกิดผลเสียกับตับได้ หนทางแก้ไขก็คือ เมื่อมีอาการปวดศีรษะ ให้พยายามดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือถ้าปวดศีรษะ เนื่องจากนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็ให้พักสายตาชั่วโมงละ 5 นาที ช่วงทานข้าวกลางวันก็ออกไปเดินเล่นเสียหน่อย เพื่อเป็นการพักผ่อนสายตาไปในตัว อยากมีธุรกิจส่วนตัวไหมคับ
การ รับประทานยาแก้ปวดหัวบ่อยๆ และเป็นเวลานานจะมีผลทำให้ตัวยาสะสม และอาจกัดจนเป็นแผลในช่องท้อง หรือมีผลให้ตับทำงานหนักจนเกิดผลเสียกับตับได้ หนทางแก้ไขก็คือ เมื่อมีอาการปวดศีรษะ ให้พยายามดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือถ้าปวดศีรษะ เนื่องจากนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็ให้พักสายตาชั่วโมงละ 5 นาที ช่วงทานข้าวกลางวันก็ออกไปเดินเล่นเสียหน่อย เพื่อเป็นการพักผ่อนสายตาไปในตัว อยากมีธุรกิจส่วนตัวไหมคับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น