13 ก.ค. 2553
คัยชอบคุยโทรศัพท์นาน ๆ อ่าน T^T
อันตราย จริงๆ...อย่าโทรฯนานละกัน...เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน...โทรฯนานไม่ดี
เดี๋ยว ตังค์หมดนะ
สัปดาห์วิทย์ยํ้าอันตรายมือถือปวดหัว-มะเร็ง
แพทย์สรุปแล้วคลื่นโทรมือถือมีฤทธิ์ก่อมะเร็ง
ผลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับรังสีคลื่นโทรศัพท์มือถือ
อันตรายจากการใช้โทรมือถือ เกิดเนื้องอกในสมองได้ถึง 240%
แพทย์เตือนอันตรายจากมือถือ เพศชายไม่ควรเหน็บเอว เสี่ยงเสื่อม
สัปดาห์วิทย์ย้ำอันตรายมือถือปวดหัว-มะเร็ง ไปยังหัวข้อข้างบน
สภาสมาคมวิทยาศาสตร์ฯ จัดนิทรรศการแจงอันตรายโทรศัพท์มือถือต่อสุขภาพ ภายในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ พร้อมแนะนำ
วิธีใช้ที่ปลอดภัย มุ่งลดปริมาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทะลุทะลวงสมอง
ดร.ดนัย ทิวาเวช กรรมการสมาคมพิษวิทยา และรองเลขาธิการสภาสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (สสวทท.) กล่าวว่า สสวทท.จัดนิทรรศการมนุษย์และสิ่งรอบตัว ในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-28 สิงหาคม ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยนำเสนอข้อมูลผลกระทบจากการใช้โทรศัพท์มือถือที่มีต่อสุขภาพ เพื่อให้ผู้ใช้ตระหนัก
ถึงอันตรายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ปัจจุบันประชากรกว่า 1.4 พันล้านคนทั่วโลกพกพาโทรศัพท์มือถือ ขณะที่ในประเทศไทยมีผู้ใช้กว่า 20 ล้านคน และมีแนวโน้ม
ที่จะเพิ่มมากขึ้น แต่การใช้โทรศัพท์มือถือแนบหูครั้งละนานๆ จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยในระยะสั้นจะมีอาการปวดหู ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว มึนงง ขาดสมาธิ และเกิดความเครียดนอนไม่หลับ ส่วนผลในระยะยาว อาจทำให้เกิดโรคความจำเสื่อม โรคมะเร็งสมอง มะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นต้น
ดังนั้น เพื่อป้องกันอันตรายในอนาคต ผู้ใช้มือถือควรใช้แต่ละครั้งให้น้อยลง ใช้อุปกรณ์หูฟังทุกครั้ง เพราะจะทำให้ได้รับ
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าน้อยลง หลีกเลี่ยงการใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบ เพราะคลื่นแม่เล็กไฟฟ้าจะผ่านกะโหลกศีรษะของเด็ก
เข้าสู่เยื่อสมองได้ลึกกว่าของผู้ใหญ่ ไม่ใช้มือถือในขณะขับรถ เพราะทำให้ขาดสมาธิและเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หลีกเลี่ยงการใช้
ในขณะเติมน้ำมันรถยนต์ เพราะจะทำให้เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้
แพทย์สรุปแล้วคลื่นโทรมือถือมีฤทธิ์ก่อมะเร็ง ไปยังหัวข้อข้างบน
แพทย์สรุปแล้วคลื่นโทรมือถือมีฤทธิ์ก่อมะเร็ง ศัลยแพทย์จุฬาฯระบุ ผลวิจัยของ ฮาร์วาร์ด ที่ได้รับทุนจากบริษัทมือถือ
สรุปผลออกมาแล้วว่า การใช้โทรศัพท์มือถือส่งผลให้เซลล์มนุษย์เปลี่ยนแปลงและอาจก่อให้เกิดมะเร็งหรือเนื้องอกในสมองได้
แนะให้กดรับ โทรศัพท์ให้ห่างตัวก่อนพูดคุยตามปกติ
เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม น.พ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑาศัลยแพทย์ระบบประสาท คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า
เมื่อเร็วๆ นี้รายงานของคณะกรรมการพิเศษ สภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากบริษัทโทรศัพท์มือถือ
ทุกยี่ห้อทุกระบบ ให้คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเป็นผู้บริหารจัดการ โดยศึกษาวิจัยการใช้โทรศัพท์มือถือผลกระทบ
ต่อสุขภาพระยะยาว และได้ทยอยเปิดเผยรายงานวิจัยดังกล่าวออกมาเป็นระยะล่าสุดเมื่อไม่กี่เดือนนี้
นักวิจัยได้เปิดเผยผลการศึกษาในสัตว์ทดลองที่ศึกษามานานกว่า 7 ปี พบว่า การใช้โทรศัพท์มือถือมีผลกระทบต่อความเปลี่ยน
แปลงในระดับเซลล์ของมนุษย์ทำให้การซ่อมแซมดีเอ็นเอในร่างกายเสื่อมสมรรถภาพ และมีความเป็นไปได้ทำให้เกิดเนื้องอกหรือ
มะเร็งที่สมองได้ จากการศึกษาดังกล่าว นักวิจัยได้นำไปศึกษาต่อในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งสมอง พบว่าเนื้องอกที่สมองมีความ
สัมพันธ์กับการใช้โทรศัพท์มือถือ กล่าวคือพบว่าผู้ป่วยที่เป็นเนื้องอกในสมองจะเป็นข้างเดียวกับข้าง ที่ใช้โทรศัพท์ ถ้าถือ
โทรศัพท์มือถือข้างขวาก็เป็นเนื้องอกที่สมองข้างขวา และยังพบว่าในเนื้องอกนั้นมีเซลล์ลักษณะพิเศษที่พบเฉพาะ ในผู้ที่ใช้
โทรศัพท์มือถือ ซึ่งนักวิจัยพยายามหาข้อมูลเชิงระบาดวิทยาให้มากขึ้น เพื่อยืนยันผลการทดลองดังกล่าว แต่โดยสรุปแล้ว
คณะกรรมการพิเศษเห็นว่าผลการศึกษานี้มีมูล รวมทั้งจะพิมพ์เป็นตำราอย่างเป็นทางการภายในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้
จนเป็นเหตุให้บริษัทที่ทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือพยายามวิ่งล็อบบี้ไม่ให้ ผลการวิจัยนี้ออกมาเผยแพร่ ต่อสาธารณชน น.พ.ธีรวัฒน์
กล่าวอีกว่า นอกจากนี้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศอังกฤษ ยังได้ออกประกาศเตือนประชาชน
โดยเฉพาะวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 16 ปี ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือ เพราะเชื่อว่า ช่วงอายุดังกล่าวสมองของเด็กวัย รุ่นยังเติบโต
พัฒนาไม่เต็มที่ อีกทั้งกะโหลกศีรษะไม่หนาพอที่จะรับผลกระทบจากคลื่นแม่เหล็กหรือรังสีจากโทรศัพท์ มือถือได้อย่างเต็มเม็ด
เต็มหน่วย อย่างไรก็ตามจากการศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพ จากโทรศัพท์มือถือทั่วโลก ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการใช้
โทรศัพท์มือถือครั้งละ 1 นาที10 ครั้ง ติดต่อกัน ช่วงระยะเวลาหนึ่ง กับการใช้โทรศัพท์มือถือ ครั้งละ 10 นาที มีอันตราย
มากน้อยต่างกันหรือไม่อย่างไร อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศนั้นมีคำแนะนำให้ผู้ที่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์มือถือเป็นประจำ
ให้ใช้อุปกรณ์แฮนด์ฟรีช่วย เพื่อให้ปริมาณและอัตราการใช้โทรศัพท์มือถือห่างสมองมากที่สุด
ผลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับรังสีคลื่นโทรศัพท์มือถือ ไปยังหัวข้อข้างบน
คงมีหลายๆ ท่าน ที่เคยอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับอันตรายจากมือถือกันมาบ้างแล้วสำหรับบทความนี้ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะทำให้ท่านตระหนักถึงอันตราย
และหาวิธีป้องกันอันตรายได้มากขึ้น โดยเป็นการวิเคราะห์การแพร่กระจายรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มาจากการใช้งานของโทรศัพท์
เคลื่อนที่ ซึ่งอาจทำให้ผู้อ่านได้ตระหนักถึงภัยที่จะเกิดตามมาจากการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในชีวิตประจำวัน
ในทุกวันนี้เรามีโทรศัพท์มือถือใช้กันจนดูเป็นเรื่องปกติ แต่ในขณะเดียวกัน รายงานผลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับรังสีคลื่นแม่เหล็ก ไฟฟ้า ที่เป็นอันตรายจาการใช้โทรศัพท์มือถือ มีผลการวิจัยจากประเทศต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง คุณทราบหรือไม่ว่า ปีที่แล้วใน ประเทศสวีเดน มือถือจำนวนถึง 1,000,000 เครื่อง ถูกขายทิ้งเนื่องจากผลการวิจัย
จะรู้ได้อย่างไรว่ามือถือที่ใช้อยู่นั้นมีอันตรายหรือเปล่า ?
ในขณะนี้ไม่มีใครมั่นใจในความปลอดภัยของการใช้โทรศัพท์มือถือ มีนักวิทยาศาสตร์หลายท่านพยายามลดความหวาดกลัวของผู้คน นักวิทยาศาสตร์ Mr.Olle Johanson จากสถาบัน Karolinska กล่าวว่า ความเข้าใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้โทรศัพท์มือถือ
ในวันนี้อาจกลายเป็นฝันร้ายในอนาคต ซึ่งมีความเป็นไปได้ ว่าอีก 30 ปีข้างหน้า เราจะมาสงสัยกันว่าเรายอมให้รังสีไมโครเวฟที่มี
ความถี่สูงขนาดนี้วิ่งผ่านศีรษะเราได้อย่างไร
โทรศัพท์มือถือที่เราใช้อยู่จะมีอันตรายได้อย่างไร ?
เนื่องจากเสาอากาศของโทรศัพท์มือถือได้แผ่รังสี ซึ่งเป็นรังสีชนิดเดียวกับที่ใช้อุ่นและทำอาหารของเตาไมโครเวฟ เพียงแต่มีปริมาณ
น้อยกว่ามาก ทั้งนี้วิทยาศาสตร์ยังไม่มีหลักฐานที่เด่นชัดถึงผลที่จะเกิดอันเนื่องมาจากการส่งผ่านความร้อนของคลื่นไมโครเวฟ ผ่าน
เซลล์ของมนุษย์
การใช้มือถือจะเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งหรือไม่ ?
จากผลการทดลองกับหนู ได้แสดงให้เห็นว่า มีการเปลี่ยนแปลง และยีนต์ DNA ถูกทำลายลงเป็น
ผลมาจากรังสีไมโครเวฟซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่แผ่ออกมาจากโทรศัพท์มือถือ
อันตรายจากการใช้โทรมือถือ เกิดเนื้องอกในสมองได้ถึง 240% ไปยังหัวข้อข้างบน
ผลงานวิจัยล่าสุดจากชาวสวีเดน ระบุว่าการใช้งานโทรศัพท์ในระยะเวลาที่นานอาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดเนื้องอกในสมองได้มากถึง 240% โดยเฉพาะบริเวณที่ศรีษะติดกับโทรศัพท์ ซึ่งขัดแย้งกับผลงานวิจัยอื่นๆ ที่เคยออกมาก่อนหน้านี้
เมื่อปีที่ผ่านมา สภาที่ปรึกษาด้านสุขภาพของชาวเนเธอร์แลนด์ (Dutch Health Council) ได้อธิบายงานวิจัยทั่วโลกโดยสรุป พบว่า ไม่มีหลักฐานใดที่พิสูจน์ได้ว่ารัศมีจากการใช้โทรศัพท์และโทรทัศน์จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ รวมถึงผลงานวิจัยจากประเทศอังกฤษที่ทุ่มเทเวลาถึง 4 ปีในการศึกษาก็แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะใช้โทรศัพท์นานเท่าใดก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
กับการโตของเนื้องอกแต่อย่างใด
แต่มาในปีนี้ นักวิจัยจากสถาบันวิจัยสำหรับชีวิตการทำงานแห่งชาติ (Swedish National Institute for Working Life) สังเกตอาการของผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ใช้โทรศัพท์มือถือจำนวน 2,200 คน เปรียบเทียบกับจำนวนเดียวกันของผู้ที่กำลังควบคุมสุขภาพอยู่
พบว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งจำนวน 905 คนที่มีอายุระหว่าง 20 - 80 ปี ได้รับความเสี่ยงจากการเป็นเนื้องอกในสมอง และประมาณหนึ่งในสิบ
จากจำนวนดังกล่าวเป็นผู้ที่ติดโทรศัพท์อย่างแรง
"มีผู้ที่เป็นมะเร็งกว่า 85 คนจากจำนวนผู้ที่ถูกทดสอบกว่า 905 คน ที่ติดการใช้โทรศัพท์เป็นอย่างมาก" นักวิจัยกล่าว
งานวิจัยดังกล่าวได้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร International Archives of Occupational and Environmental Health เพื่อพุ่งเป้าไปยังผู้ที่ใช้โทรศัพท์มากกว่า 2,000 ชั่วโมงขึ้นไป หรือเทียบเท่ากับการใช้โทรศัพท์วันละ 1 ชั่วโมงนานถึง 10 ปี ให้ตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสุขภาพของตน
นับว่างานวิจัยครั้งนี้พุ่งประเด็นแตกต่างจากงานวิจัยก่อนๆ ที่ต่างให้ความสำคัญกับผลกระทบของผู้ที่เริ้มใช้โทรศัพท์มือถือก่อนอายุ 20 ปี
งานวิจัยนี้ยังได้แสดงให้เห็นว่า การใช้โทรศัพท์เป็นเวลานานก็จะยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกที่แฝงตัวอยู่ภายในศรีษะ โดยเฉพาะจุดเดียวกันกับที่วางโทรศัพท์แนบหู และอาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดพฤติกรรมต่างๆ อาทิ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ เป็นต้น
"ผู้ที่ติดโทรศัพท์มือถืออย่างหนักก็จะยิ่งได้รับผลกระทบมาก และยิ่งมีโอกาสที่จะได้รับความเสี่ยงที่จะเกิดเนื้องอกระดับอันตรายโดยเฉพาะ
ส่วนที่โทรศัพท์ติดกับศรีษะมากถึง 240% ทีเดียว" Kjell Mild หนึ่งในผู้ที่ทำการวิจัย กล่าว
แพทย์เตือนอันตรายจากมือถือ เพศชายไม่ควรเหน็บเอว เสี่ยงเสื่อม ไปยังหัวข้อข้างบน
แพทย์เตือนผู้ชายไม่ควรพกมือถือที่เอว เสี่ยงรับผลกระทบต่อไข กระดูก และอัณฑะ และกรณีโรคหัวใจไม่ควรพกใส่กระเป๋าเสื้อ แม้ไม่มีผลยืนยันชัดเจน แต่ต้องป้องกันไว้ก่อน ทั้งไม่ควรโทรนานเกิน 15 นาที เพราะอาจส่งผลต่อการทำงานของสมองและระบบ
ผลกระทบจากเทคโนโลยี ที่มีคลื่นออกมาจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยใน 2 ตัวแปรหลัก ได้แก่...
1. การใช้งานในระยะใกล้ ที่เอาโทรศัพท์มาอยู่ใกล้บริเวณสมองมาก ทำให้กำลังส่งของเครื่องอาจจะกระทบต่อบริเวณสมองได้ ฉะนั้นจึงควรใช้แฮนด์ฟรี ที่ทำให้การใช้งานไกลจากบริเวณสมอง แต่กำลังส่งยังเท่าเดิม
2. ระยะเวลาของการสนทนาจากการใช้โทรศัพท์ ซึ่งข้อมูลทั่วไปในทางเทคนิคของการใช้เครื่องมือแพทย์บางชนิด เช่น เครื่องมือกายภาพบำบัด ที่ต้องใช้การกระตุ้นไฟฟ้า ทำให้เลือดหมุนเวียน จะมีการใช้งานเฉลี่ย 15 นาทีต่อครั้ง ดังนั้นการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่นานกว่า 15 นาที อาจส่งผลต่ออุณหภูมิของเลือดหรือเนื้อเยื่อ ที่จะเพิ่มขึ้นได้ โดยส่งผลต่อความรู้สึกบางอย่าง เมื่ออุณหภูมิของเลือดเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม ทางออกที่ดีที่สุดควรหลีกเลี่ยง และป้องกันการกระทบต่อคลื่นแม่เหล็ก ที่มีความเข้มข้นสูง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น