12 ก.ย. 2553

กฎของเมล็ดพันธุ์ -- The Apple Tree

Take a good look at an apple tree.
มองดูต้นแอ๊บเปิ้ลต้นหนึ่งให้ดี

There might be five hundred apples on the tree, each with ten seeds. That’s a lot of seeds!
มันอาจจะมีผลแอ๊บเปิ้ลอยู่ 500 ผล แต่ละผล มีเมล็ดพันธุ์อยู่ 10 เมล็ด มันจึงเมล็ดพันธุ์จำนวนมากมาย

We might ask, “Why would you need so many seeds to grow just a few more trees?”
เราอาจจะถามว่า "ทำไมคุณถึงต้องใช้เมล็ดพันธุ์มากมายเพื่อที่จะปลูกต้นแอ๊บเปิ้ลเพียงไม่กี่ต้น"

Nature has something to teach us here. It’s telling us: “Most seeds never grow.
ธรรมชาติมักจะบอกอะไรเราบางอย่าง .. มันกำลังบอกเราว่า “มีเมล็ดพันธุ์จำนวนมาก ไม่ได้เจริญงอกงาม”

So if you really want to make something happen, you had better try more than once.”
ฉะนั้น ถ้าคุณปรารถนาจะให้บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น คุณน่าจะลองทำสิ่งนั้นมากกว่าแค่ 1 ครั้ง

This might mean:
นี่อาจจะหมายถึง

You’ll attend twenty interviews to get one job.
คุณอาจจะต้องสอบสัมภาษณ์ถึง 20 ครั้งเพื่อจะให้ได้งานสักงานหนึ่ง

You’ll interview forty people to find one good employee.
คุณอาจจะต้องสัมภาษณ์คน 40 คนเพื่อที่จะได้ลูกจ้างดีๆ สักคน

You’ll talk to fifty people to sell one house, car, vacuum cleanner, insurance policy, idea ..
คุณอาจจะต้องพูดกับคน 50 คนเพื่อจะได้ขายบ้านหนึ่งหลัง ขายรถ ขายเครื่องดูดฝุ่น ขายประกัน หรือแม้แต่ขายไอเดีย

And you might meet a hundred acquaintances to find one special friend.
และคุณอาจจะได้พบปะคนเป็นร้อยเป็นร้อยเพื่อที่จะเจอเพื่อนดีๆ สักคน

When we understand the “Law of the Seed”, we don’t! get so disappointed.
เมื่อเราเข้าใจ "กฎของเมล็ดพันธุ์" เราก็จะไม่ต้องมาคอยผิดหวัง

We stop feeling like victims. Laws of nature are not things to take personally. We just need to understand them - and work with them.
เราจะไม่รู้สึกว่าเราเป็นเหยื่อ .. กฎของธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาใช้ได้เองตรงๆ เราเพียงแค่ต้องเข้าใจและลองค่อยๆ ปฏิบัติดู

IN A NUTSHELL
สั้นๆ ง่ายๆ ก็คือ

Successful people fail more often. They plant more seeds.
ผู้คนที่ประสบความสำเร็จก็ล้มเหลวได้บ่อย แต่พวกเค้าก็ใช้เมล็ดพันธุ์มากกว่า (ถึงจะประสบความสำเร็จ)

When Things Are Beyond Your Control here’s a recipe for permanent misery ..
เวลาอะไร ๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด .. สูตรสำเร็จของคนที่ไร้ซึ่งความสุขก็คือ

a) Decide how you think the world SHOULD be.
1) ตัดสินว่า .. โลกมันควรจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้

b) Make rules for how everyone SHOULD behave.
2) ตั้งกฎเกณฑ์ว่าผู้คนควรจะทำตัวยังไง

Then, when the world doesn’t obey your rules, get angry! That’s what miserable people do!
และ .. เมื่ออะไรๆ ไม่เป็นไปตามกฎของคุณ .. ก็โกรธซะ!! นั่นแหละ .. คือสิ่งที่คนไร้ความสุขเค้าทำกัน

Let’s say you expect that:
เอาเป็นว่า ถ้าคุณคาดหวังว่า

Friends SHOULD return favours.
เพื่อนควรจะตอบแทนอะไรคุณบ้าง

People SHOULD appreciate you.
ผู้คนควรจะชื่นชมคุณ

Planes SHOULD arrive on time.
เครื่องบินน่าจะลงตรงเวลา

Everyone SHOULD be honest.
ทุกๆ คนควรจะซื่อสัตย์

Your husband SHOULD remember your birthday.
สามี (แฟน) ควรจะจำวันเกิดคุณได้

These expectations may sound reasonable.
ความคิดพวกนี้ .. ฟังดูเหมือนมีเหตุผล

But often, these things won’t happen! So you end up frustrated and disappointed.
แต่บ่อยครั้ง สิ่งพวกนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นตามใจเราไปซะทุกอย่าง และมันก็จบลงที่ .. คุณรู้สึกรำคาญใจและผิดหวัง

There’s a better strategy. Have less demands. Instead, have preferences!
มันมีหลักเกณฑ์ที่ดีกว่านี้คือ .. ลดความต้องการให้น้อยลง แล้วเปลี่ยนเป็นความชอบแทน

For things that are beyond your control, tell yourself:
สำหรับสิ่งต่างๆ ที่เกินคาด ก็บอกตัวเองว่า

I WOULD PREFER AN “A”, BUT IF “B” HAPPENS, IT’S OK TOO!”
"เราอยากจะให้เป็น เอ มากกว่า แต่ถ้าเป็น บี .. ก็โอเคได้เหมือนกัน"

This is really a game that you play in your head. It is a shift in attitude, and it gives you more peace of mind ..
มันเป็นแค่เกมของความคิดในหัวคือ .. เปลี่ยนทัศนคติซะใหม่ แล้วมันจะทำให้จิตใจคุณสุขสงบขึ้น

You prefer that people are polite ... but when they are rude, it doesn’t ruin your day. You prefer sunshine .. but rain is ok!
คุณอยากคนอื่นสุภาพกับคุณ แต่ถ้าเค้าเกิดหยาบคายขึ้นมา .. มันก็ไม่ได้บ่อนทำลายวันของคุณ คุณอาจจะอยากให้ท้องฟ้าสดใส แต่ถ้าฝนเกิดตก .. ก็โอเค

To become happier, we either need to
ถ้าอยากจะมีความสุขมากขึ้น เราเลือกที่จะ

a) change the world, or
เปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ หรือ

b) change our thinking. It is easier to change our thinking!
เปลี่ยนแปลงความคิดเราเอง แต่มันจะง่ายกว่านะ .. ถ้าจะเปลี่ยนแปลงความคิดเราเอง

IN A NUTSHELL
สั้นๆ ง่ายๆ ก็คือ

It’s not what happens to you that determines your happiness.
สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ .. ไม่ใช่สิ่งที่จะกำหนดความสุขของคุณ

It’s how you think about what happens to you.
แต่เป็นความคิดของคุณเองต่างหาก .. ที่กำหนดสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคุณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น