ปัจจุบันอัตราการเสียชีวิตของประชากรโลก เกิดจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่มีไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ เป็นต้น และเมื่อเร็ว ๆ นี้ วงการแพทย์ทั่วโลกต่างให้ความสนใจกับปัจจัยเสี่ยงชนิดใหม่ที่มีชื่อว่า “สารโฮโมซีสทีน”
สารโฮโมซีสทีน (Homocysteine) หรือบางท่านอาจเรียก โฮโมซีสเตอีน เป็นสารที่เกิดจากการย่อยสลายของอาหารประเภทโปรตีน ปกติร่างกายจะพยายามขจัด “สารโฮโมซีสทีน” ให้เป็น “สารซีสทีน” แทน ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อหลอดเลือดและร่างกายส่วนอื่น ๆ เพราะฉะนั้น เมื่อเราไม่รับประทานอาหารประเภทโปรตีนมากจนเกินไป ไม่มีปัญหาเนื่องมาจากพันธุกรรมของครอบครัว ไม่มีความผิดปกติในเรื่องของการขาดวิตามินต่าง ๆ เช่น วิตามิน บี6 บี12 และกรดโฟลิก รวมถึงการที่เราไม่ดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟมากไป ก็จะไม่ทำให้เกิดสารโฮโมซีสทีนในเลือดสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเราจะไม่รู้ระดับของโฮโมซีสทีนในเลือด จนกว่าจะตรวจเลือดออกมาดูว่ามีค่าสูงหรือไม่
อันตรายอย่างไร ถ้ามีสารโฮโมซีสทีนในเลือดสูง
สารโฮโมซีสทีนไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเลย ถ้ามีสูงขึ้นเกินกว่าระดับที่ควรจะเป็นก็จะทำลายหลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดขนาดเล็ก เช่น หลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดที่อยู่ในสมอง โดยจะมีผลทำให้หลอดเลือดที่กล่าวถึงมีโอกาสตีบและอุดตันได้ง่ายกว่าที่ระดับของโฮโมซีสทีนในเลือดปกติ เช่น กรณีที่หลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน โอกาสที่หลอดเลือดที่ผ่านคอไปเลี้ยงสมองอุดตันหรือตีบก็เกิดขึ้นได้ เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้น้อยลง อาจสร้างปัญหาให้กล้ามเนื้อหัวใจตายเป็นส่วนๆ หากหลอดเลือดสมองตีบ เลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลง ประสาทในสมองก็ลีบฝ่อไปได้เช่นกัน ก่อให้เกิดปัญหาสมองฝ่อหรือโรคอัลไซเมอร์และปลายประสาทเสื่อม รวมถึงอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอัมพฤกษ์ – อัมพาตได้
ลักษณะอาการผิดปกติเมื่อค่าของสารโฮโมซีสทีนสูงจะมีลักษณะอย่างไร
อาการจะมีลักษณะคล้ายกับอาการของภาวะไขมันในเลือดสูงเหมือนกัน อาจจะมาพบแพทย์ด้วยเรื่องของอาการเจ็บแน่นหน้าอก ในกรณีของผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด หรือมีอาการอัมพฤกษ์ - อัมพาตเกิดขึ้น ในกรณีของผู้ป่วยที่มีปัญหาของหลอดเลือดโดยทั่วไปในสมองอุดตัน
วิธีการป้องกันไม่ให้สารโฮโมซีสทีนมีค่าสูงขึ้น
เนื่องจากสารโฮโมซีสทีนในเลือดเกิดจากการรับประทานอาหารโปรตีนมากเกินไป จึงควรลดอาหารโปรตีนลงมา แล้วก็ไปเพิ่มกลุ่มอาหารประเภทผักและผลไม้มากขึ้น พฤติกรรมการรับประทานแบบไทย ๆ ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าเราไม่แน่ใจว่ารับประทานอาหารกลุ่มต่าง ๆ ได้เพียงพอ แพทย์สามารถสั่งวิตามินที่มีความสำคัญในการลดระดับของโฮโมซีสทีนในเลือดลงมาได้รวมถึงกรดโฟลิก ก็จะทำให้ระดับโฮโมซีสทีนในเลือดเราไม่สูงเกินความเป็นจริงที่ควรจะเป็น อันตรายก็จะไม่เกิดขึ้นกับผนังหลอดเลือด เป็นที่ทราบกันดีว่า สารโฮโมซีสทีนจะขับออกมาทางปัสสาวะ ก็คือ ทางไต เพราะฉะนั้น ถ้าเรามีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ระบบสูบฉีดโลหิตดี สารโฮโมซีสทีนก็จะถูกขับถ่ายออกทางไตได้ดีมาก และจะเผาผลาญไขมันส่วนอื่นออกไปด้วย
ในปัจจุบัน การตรวจวัดระดับโฮโมซีสทีน ถือเป็นการทดสอบที่ค่อนข้างใหม่ทั้งในในเมืองไทยและต่างประเทศ สำหรับศูนย์ตรวจสุขภาพ โรงพยาบาลเวชธานี เราได้เห็นความสำคัญของสารดังกล่าว จึงได้นำเข้ามาไว้ในโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น