ารสูญเสียฟันในช่องปากมีผลเสียต่างๆ ตามมามากมาย เช่น ในฟันหน้า ทำให้สูญเสียความมั่นใจ การพูดคุยไม่คล่องแคล่ว จนอาจส่งผลต่อการทำงาน หรือการเข้าสังคม แม้กระทั่งในฟันหลัง ก็จะสร้างปัญหาต่อระบบบดเคี้ยว ทำให้การเคี้ยวอาหารไม่มีประสิทธิภาพ รับประทานอาหารได้น้อยลง นอกจากนี้ ข้อมูลจากฝ่ายวิชาการ ศูนย์ทันตกรรมเดนทัลลิส โรงพยาบาลเวชธานี ยังระบุว่า การสูญเสียฟันซี่ใดซี่หนึ่งไปนานๆ และมีช่องว่าง จะทำให้เกิดการเคลื่อนตัว ฟันจะมีการล้มเอียง ซ้อนเก หรือยื่นยาว ทำให้มีเศษอาหารอัดติดแน่น ทำความสะอาดได้ยาก เกิดการสะสมของเชื้อโรค เป็นปัจจัยเสริมให้เกิดการละลายของกระดูกรองรับรากฟัน และเกิดฟันโยกตามมาในที่สุด ส่งผลให้สูญเสียฟันซี่อื่นตามมาได้อย่างต่อเนื่อง
การใส่ฟันปลอมทดแทนฟันแท้ที่สูญเสียไป โดยทันทีที่สภาพช่องปากพร้อมเป็นสิ่งจำเป็น โดยผู้ป่วยและทันตแพทย์อาจร่วมกันพิจารณาเลือกฟันปลอมชนิดที่เหมาะสมตามสภาพช่องปากและความชอบของผู้ป่วย ซึ่งมีหลายวิธีให้เลือก ทั้งฟันปลอมชนิดถอดได้และชนิดติดแน่น
ฟันปลอมชนิดถอดได้
ฟันปลอมชนิดถอดได้ มีข้อดีคือ ผู้ป่วยสามารถถอดฟันปลอมทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ค่อยมีผลกระทบต่อฟันธรรมชาติที่เหลืออยู่ แต่ประสิทธิภาพการบดเคี้ยวจะน้อยกว่าฟันปลอมชนิดติดแน่น และเมื่อระยะเวลาผ่านไป จะมีการฝ่อลีบลงของสันเหงือก ทำให้ฟันปลอมหลวม และมีจุดกดเจ็บบนเนื้อเยื่ออ่อนของสันเหงือกได้
ฟันปลอมชนิดติดแน่น
ส่วนฟันปลอมชนิดติดแน่น ที่นิยมทำในปัจจุบันมี 2 วิธีคือ
1 สะพานฟัน มีประสิทธิภาพการบดเคี้ยวใกล้เคียงฟันธรรมชาติ แต่ข้อเสียคือ จะต้องกรอฟันธรรมชาติ ที่อยู่ข้างเคียงต่อจากช่องว่างฟันที่ถูกถอนไป ให้เล็กลงเหลือแต่ชั้นเนื้อฟัน เพื่อใช้เป็นหลักยึด แล้วทำครอบฟันยึดติดกับตัวฟันปลอม ทำเป็นเหมือนสะพานฟันต่อกัน 3 ซี่ขึ้นไป ในระยะยาวมีโอกาสเกิดฟันผุใต้ครอบฟัน การอักเสบของอวัยวะปริทันต์ รวมถึงการบิ่นกระเทาะแตกของวัสดุสีเหมือนฟันที่เคลือบโครงโลหะของสะพานฟัน เป็นต้น
2 รากฟันเทียม ได้ถูกพัฒนาขึ้นในวงการทันตกรรมมากว่า 30 สิบปี โดยนำโลหะไทเทเนียมอัลลอย ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้ในวงการแพทย์มานาน นำมาสร้างรูปร่างเลียนแบบให้เหมือนรากฟัน ฝังเข้าไปในกระดูกขากรรไกร แล้วต่อแกนขึ้นจากรากเทียมนั้น และสร้างครอบฟันเหมือนรูปร่างฟันธรรมชาติขึ้นบนแกนดังกล่าว ข้อดีคือ เป็นฟันปลอมที่เลียนแบบฟันธรรมชาติมากที่สุด ประสิทธิภาพการบดเคี้ยวดีมาก สามารถกัดหรือบดเคี้ยวอาหารได้คล้ายฟันธรรมชาติ ทำความสะอาดง่าย และมีความคงทน แต่ในรายที่มีกระดูกรองรับรากฟันเทียมน้อย ต้องมีการประเมินสภาพกระดูกและปลูกกระดูกเพิ่มร่วมด้วย
การฝังรากฟันเทียมเป็นรูปแบบของการผ่าตัดแผลเล็กที่มีขนาดเล็กกว่าแผลถอนฟัน และมีภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดน้อย ผลสำเร็จสูงมากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ โดยขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของกระดูกขากรรไกร กระบวนการทำให้ปลอดเชื้อ และความชำนาญของทันตแพทย์
ในอดีตการ
ในอดีตการใส่รากฟันเทียม มีข้อจำกัดคือค่าใช้จ่ายสูง และใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนาน แต่ปัจจุบัน ด้วยความก้าวหน้าทางทันตกรรม นอกจากค่าใช้จ่ายจะถูกลงแล้ว ยังได้พัฒนารากฟันเทียมให้มีขนาดเล็กลงมาก มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.3 มิลลิเมตร และความยาว 11 มิลลิเมตร ซึ่งทำให้มีพื้นที่ของผิวทั้งหมดเท่ากับรากฟันกรามธรรมชาติ 2 ราก ที่มีประสิทธิภาพของการยึดเกาะระหว่างรากฟันเทียม กับกระดูกขากรรไกรแข็งแรงมั่นคงดีขึ้นกว่ารากฟันเทียมในสมัยก่อนมาก และอาการปวดที่เกิดหลังจากทำฟันก็ลดลงด้วย อีกทั้งใช้เวลาน้อยลงกว่าในอดีตมาก จากเดิมกรณีปกติโดยทั่วไปทันตแพทย์จะรอหลังจากฝังรากฟันเทียมไว้ประมาณ 4 - 6 เดือน จึงใส่ฟันให้ผู้ป่วย แต่ปัจจุบันจะใช้เวลาประมาณ 6 – 8 สัปดาห์ และถ้ากระดูกของผู้ป่วยมีความแข็งแรงดี ทันตแพทย์ก็สามารถใส่รากฟันเทียมและใส่ฟันให้กับผู้ป่วยในวันเดียวกันได้
ส่วนความสวยงามโดยเฉพาะบริเวณฟันหน้าที่เกิดอุบัติเหตุ หรือต้องถูกถอนไปจากสาเหตุต่างๆ ทันตแพทย์สามารถใส่รากฟันเทียมทดแทนได้ทันที พร้อมทั้งทำฟันครอบชั่วคราวไว้ประมาณ 6 - 8 สัปดาห์ ก็จะทำการใส่ฟันถาวรได้ อีกทั้งปัจจุบันความสวยงามในฟันหน้าทันตแพทย์สามารถกำหนดได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากขึ้น
สำหรับผู้สูงอายุ หรือ ผู้ที่สูญเสียฟันธรรมชาติทั้งปากไป การใส่รากฟันเทียม มีส่วนเข้ามาช่วยทำให้เคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น โดยในขากรรไกรล่างทันตแพทย์ จะใส่รากฟันเทียม ประมาณ 4 ราก และใส่รวมกับฟันปลอมชนิดถอดได้ทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานดีขึ้นในทันที และสามารถใช้เคี้ยวอาหารได้เลย และกรณีผู้ป่วยที่มีกระดูกขากรรไกรมากพอ ทันตแพทย์สามารถใส่รากฟันเทียมร่วมกับการใส่ฟันชนิดติดแน่น ทำให้ไม่ต้องใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้อีก
การใส่รากฟันเทียมทดแทนฟันแท้ เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยแก้ไขปัญหาให้ผู้ที่ต้องสูญเสียฟันอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ระบบการบดเคี้ยวอาหารดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารแข็งหรือเหนียวก็มีความสุขกับการรับประทานได้เสมือนฟันธรรมชาติ อีกทั้งปัจจุบันการใส่รากฟันเทียมไม่ได้มีราคาสูงมากเหมือนในอดีต และไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ทำให้ผู้ที่สูญเสียฟันมีโอกาสได้รับการใส่รากฟันเทียมเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น