17 เม.ย. 2554

นอนหลับอย่างไรให้เป็นสุข ตอนที่ 2


ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่น่าจะช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น

1. ควรเข้านอนแต่หัวค่ำและตื่นแต่เช้าดีกว่านอนดึกตื่นสาย ถ้าเป็นไปได้ควรเข้านอนอย่าให้ เกินสี่ทุ่ม เพราะช่วงเวลาระหว่างหกโมงเย็นถึงสี่ทุ่มนั้นตามหลักอายุรเวทถือว่าเป็นช่วงเวลาของธาตุดินธาตุน้ำ บรรยากาศโดยทั่วไปจะมีความหนักหน่วงโน้มนำให้นอนหลับได้ง่าย เหมือนกับธรรมชาติส่งสัญญาณให้รู้ว่าชีวิตในวันหนึ่งสิ้นสุดลงแล้วถึงเวลาของการพักผ่อนเสียที (ยกเว้นสัตว์บางประเภทที่มีวงจรชีวิตตื่นและหากินตอนกลางคืน)

แต่ถ้าเลยสี่ทุ่มไปแล้วจะเป็นช่วงเวลาที่ธาตุไฟเพิ่มขึ้นทำให้ร่างกายตื่นตัวอีกครั้ง และอาจส่งผลให้นอนไม่หลับ (ยกเว้นคนที่หลับง่ายและนอนดึกจนเคยชิน) ส่วนที่ให้ตื่นเช้านั้นก็ประมาณว่าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นซึ่งจะเป็นช่วงที่ธรรมชาติเปี่ยมด้วยพลังชีวิต

การเข้านอนแต่หัวค่ำและตื่นแต่เช้านั้นควรทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน เพื่อฝึกให้ร่างกายและจิตใจของเราเคยชิน กลายเป็นวงจนชีวิตที่สมดุล เมื่อถึงเวลาก็จะนอนก็จะหลับได้ แต่ถ้าเราเข้านอนไม่เป็นเวลาร่างกายและจิตใจจะสับสนไม่รู้ว่าตอนไหนควรจะ นอนตอนไหนควรจะตื่นเหมือนกับกินอาหารไม่เป็นเวลาจะทำให้เป็นโรคกระเพาะระบบย่อยอาหารแปรปรวนฉันใดก็ฉันนั้น

2. ควรเผื่อเวลาให้อาหารมื้อเย็นถูกย่อยให้เสร็จก่อนเข้านอนอย่างน้อยสอง ชั่วโมง นั่นหมายถึงว่าควรกินอาหารมื้อเย็นให้เร็วสักหน่อย เพราะการนอนหลับเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายและจิตใจจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ถ้ากินอาหารเสร็จแล้วเข้านอนทันทีจะทำให้อาหารไม่ย่อย เพราะกระเพาะทำงานไม่เต็มที่ ขณะเดียวกันก็จะนอนหลับไม่สนิทด้วย

3.ก่อนเข้านอนควรล่างมือ เท้าและหน้า และใช้น้ำมัน(ถ้าได้น้ำมันงายิ่งดี)นวดที่ฝ่าเท้า จะทำให้เกิดความผ่อนคลาย ช่วยให้นอนหลับง่ายและหลับสนิทขึ้น อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น คือดื่มนมต้มอุ่นๆสักแก้วก่อนนอน เนื่องจากนมมีคุณสมบัติชุ่มชื้น บำรุง อาการนอนไม่หลับนั้นส่วนหนึ่งเกิดจากร่างกายตื่นตัว ความชุ่มชื้นของนมจะทำให้เกิดความหนืดหน่วงลดความตื่นตัวทำให้นอนหลับง่ายขึ้น

4.ก่อนเข้านอนไม่ควรทำกิจกรรมใดๆที่จะกระตุ้นให้ตื่นตัว เช่น อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เร้าใจชวนติดตามเพราะจะทำให้คุณไม่อยากนอนหรือนอนไม่หลับ หรือไม่ก็ทำให้หลับสนิทเพราะเก็บเอาเรื่องราวที่ดูหรืออ่านไปฝัน ถ้าจะฟังเพลงควรจะฟังดนตรีที่นุ่มนวลชวนให้อารมณ์และจิตใจผ่อนคลายช่วยให้หลับง่ายขึ้น ถ้าต้องการหลับให้สนิทและจิตใจได้พักผ่อนอย่างสมบูรณ์ ควรจะทำจิตใจให้สงบโดยการสวดมนต์และทำสมาธิ การทำสมาธิก่อนนอนจะทำให้หลับได้ลึกอย่างที่เรียกว่า "โยคะนิทรา" คือหลับแบบมีสมาธิได้

5.ท่านอนและทิศในการนอนก็มีผลต่อการนอนหลับด้วยเหมือนกัน ท่านอนตะแคงขวาจะทำให้รูจมูกซ้ายโล่งเพราะน้ำหนักตัวไปลงที่ร่างกายซีกขวา รูจมูกด้านซ้ายสัมพันธ์กับพลังเย็น เมื่อเปิดโล่งจะทำให้ร่างกายชุ่มเย็นและผ่อนคลาย การนอนตะแคงขวาจึงทำให้ผ่อนคลายมาก

ส่วนท่านอนตะแคงซ้ายจะทำให้รูจมูกขวาซึ่งสัมพันธ์กับพลังร้อนเปิดโล่ง มีผลทำให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น จึงเหมาะที่จะเป็นท่านอนช่วงสั้นๆก่อนหรือหลังอาหารมากกว่า ไม่เหมาะที่จะเป็นท่าในการนอนหลับเพราะมีผลทำให้ร่างกายร้อนขึ้น

ท่านอนหงายมีผลทำให้การไหลเวียนของพลังในร่างกายไม่ดี ทำให้ธาตุลมกำเริบ ส่วนท่านอนคว่ำเป็นที่ไม่เหมาะที่สุดเพราะร่างกายโดยเฉพาะบริเวณท้องและอกถูกกดทับทำให้หายใจไม่สะดวก

ใน ส่วนของทิศทาง ถ้านอนให้ศรีษะอยู่ทางทิศตะวันออกจะทำให้หลับได้ลึกและมีสมาธิ ถ้าศรีษะอยู่ทางทิศตะวันตกจะทำให้ฝันถึงความรุนแรง ถ้าศรีษะอยู่ทางทิศเหนือพลังจะถูกถ่ายเทออกจากร่างกายทำให้กระวนกระวาย ถ้าศรีษะชี้ไปทางทิศใต้จะทำให้ร่างกายได้รับพลังมากขึ้นและผ่อนคลาย

โดยสรุปแล้วทิศที่ดีที่สุดคือควรนอนโดยให้ศรีษะอยู่ทางทิศตะวันออกเพราะจะช่วยให้หลับลึกและมีสมาธิ


6.โดยทั่วไปแล้วไม่ควรนอนกลางวันเพราะจะทำให้อาหารไม่ย่อยและอาจเป็นไข้ได้ ข้อยกเว้นในฤดูร้อนที่อนุโลมให้นอนหลับตอนกลางวันได้ เพราะอากาศร้อนทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย การนอนกลางวันจะช่วยฟื้นคืนพลังได้ หรือคนแก่ เด็กเล็ก คนที่ร่างกายอ่อนเพลีย หรือเหน็ดเหนื่อยจากการมีเพศสัมพันธ์ การใช้แรงมากๆจากการเดินทางหรืออดนอน อนุโลมให้นอนกลางวันได้เพื่อชดเชยพลังที่สูญเสียไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น