การทำดีนั้น ไม่ว่าจะตั้งใจทำจากใจจริง หรือมีผลประโยชน์แอบแฝงก็ล้วนดีกว่าคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ดีกว่าการไม่ได้ออกแรงทำอะไร แล้วไปวิพากษ์วิจารณ์เขา
แต่เมื่อตันเลือกหนทางนี้แล้ว ย่อมไม่อาจหวนกลับ ต้องยอมที่จะถูกสปอตไลท์สาดส่องไปในทุกพื้นที่ที่เดินทางไปถึง หากทำดีมีคนชื่นชม หากทำผิดพลาดก็ย่อมถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเขาคือ “ตัวอย่างที่ดีของสังคม” หรือว่า “ไอดอล” ของคนเป็นจำนวนมาก
เมื่ออิชิตันปรากฎตัวพร้อมด้วยเสียงวิจารณ์ในระดับหนึ่งว่า “ผิดมารยาททางธุรกิจ” แต่น่าจะมีหลายๆคนที่เคยชื่นชมเขา “ผิดหวัง” มากกว่า
จากเรื่องอื่นๆที่เคยย้ำในภารกิจเพื่อสังคมมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลายเป็นการตอบคำถามว่า
เขาไม่เคยพูดว่าจะไม่กลับมาทำชาเขียวอีกแล้ว
ไม่ได้มีสัญญากับเจ้าสัวเจริญว่าจะไม่ทำชาเขียวมาแข่งด้วย
แค่รับปากว่าจะบริหารให้อย่างน้อย 3 ปี แต่ก็อยู่มา 5 ปี พร้อมดันตลาดชาเขียวมูลค่าถึงหมื่นล้านบาท
อิชิตันไม่ได้สนใจจะเป็นเบอร์หนึ่งของชาเขียว แต่จะเป็นผู้นำของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
และพยายามจะทำให้อิชิตันแตกต่างจากโออิชิ เมื่อเวลาตันพูดคำว่าชาเขียวก็จะต้องลงท้ายด้วยคำว่า “ออร์แกนิค” ทุกครั้ง
แต่คำตอบทุกอย่างเป็นการยืนยัน "ระดับความแค้นต่อโออิชิ" ว่าไม่ธรรมดา
ถ้าบอกว่าไม่แค้น แล้วจะทำชาเขียวแข่งกันทำไม
ถ้าแข่งกับตัวเองแล้วจะสร้างโรงงานมูลค่าสองพันกว่าล้านอยู่ไปทำไม ถ้าไม่ใช่เพื่อโค่น "โออิชิ"เ
พราะเมื่อขายชาเขียวเหมือนกัน การที่ยอดขาย "อิชิตัน" เพิ่มขึ้น หรือการที่ยอดขาย "โออิชิ" ลดลงนั่นเอง
ถ้าบอกว่าอยากทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ก็มีไปทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างอื่นได้มากมาย
เขาอาจจะต้องตอบคำถามแบบนี้แบบไม่เต็มปากนักในช่วงนี้ แต่สิ่งที่คุณตันอ่านขาดคือนิสัยของคนไทยที่ “ลืมง่าย” เมื่อเปิดตัวไปสักพัก คุณตันก็จะหาEVENTใหม่ๆ มาทำให้คนทั่วไปลืมเรื่องนี้กันหมด อย่างน้อยก็เริ่มด้วยการเปิดตัวที่ราคา 16 บาท ด้วยขนาดที่ย่อมเยาลงนิดหน่อยเหลือ 420 มิลลิลิตร แทรกพื้นที่เข้าไประหว่างขวดเล็ก 10 บาท กับขวดใหญ่ 20 บาท ได้อย่างพอเหมาะพอดี
เมื่อรสชาติมาจากเพื่อนไต้หวันที่ปรุงชาโออิชิ จึงไม่แปลกใจเลยว่าอิชิตันรสน้ำผึ้งมะนาวจะเหมือนกับโออิชิทุกประการ ต่างกันแค่ความหวานเท่านั้น ซึ่งถือว่าคุณตันใช้จุดแข็งของตัวเองที่กำความลับทุกอย่างของโออิชิไว้ แม้กระทั่งสูตรชา มาโจมตีแบรนด์เก่าของตัวเอง
ถ้าสินค้ารสชาติเหมือนกัน ราคาถูกกว่า ใครจะไม่ซื้อครับ
เมื่อตลาดชาเขียวไม่มีผู้เล่นรายใหญ่ที่สร้างความฮือฮาได้เลยในช่วง3-4ปีหลัง ทั้งที่ตลาดมูลค่าเป็นหมื่นล้าน ถ้าตันไม่ทำก็อาจจะมีคนอื่นทำในที่สุด แต่สุดท้ายผู้บริโภคคนไทยโดยส่วนใหญ่ก็คงไม่สนใจที่ใครจะมาแข่งกับใคร หรือแก้แค้นใคร เพราะคนที่ได้ประโยชน์จากการแข่งขันก็คือประชาชนที่จะได้ของถูกลง
น่าแปลกที่คุณตันใช้คำว่าชาเขียวออร์แกนิคได้อย่างมั่นใจมาก โดยที่ไม่ได้ดูส่วนประกอบอื่นๆว่ามาจากธรรมชาติหรือเปล่าหากไปเสริชดูGOOGLEด้วยคำว่า ORGANIC GREENTEA ก็จะเห็นแต่ใบชาเขียวแบบกล่องเท่านั้น หากเป็นชาเขียวออร์แกนิคพร้อมดื่มก็ต้องหมายถึงส่วนผสมทุกอย่างในนั้นต้องออร์แกนิคด้วยถึงจะสามารถใช้คำนี้ได้
ออร์แกนิค ORGANIC แปลง่ายๆว่ามาจากธรรมชาติ 100% จะอันตรายไม่อันตรายก็อีกเรื่องหนึ่ง
ชาเขียวออร์แกนิค หมายถึงต้องปลูกโดยไม่ใช่สารเคมี อย่างที่คุณตันได้โพสรูปไร่ชาเขียวในอินเทอร์เนต
แต่ น้ำตาล มะนาว ฟรุคโตส ที่อยู่ในชาเขียวใช้วิธีปลูกและสกัดมาแบบอินทรีย์หรือเปล่า คุณตันกลับไม่เคยพูดถึง แต่หากเปรียบเทียบง่ายๆ ก็น่าจะบอกได้ว่า เหมือนคุณเอาผักออร์แกนิค ไปต้มมาม่ากิน แล้วคุณจะเรียกมาม่าชามนั้นว่า มาม่าออร์แกนิค หรือมาม่าเพื่อสุขภาพได้หรือเปล่า? ผักที่ดีก็ทำให้มาม่ามีคุณค่ามากขึ้นเท่านั้น ไม่ได้เปลี่ยนองค์ประกอบอื่นของมาม่าให้เป็นออร์แกนิคแต่อย่างใด
ปัจจุบันกระแสรักสุขภาพมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่เครื่องดื่มน้ำอัดลมก็ยังมียอดขายสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องโฆษณาเกินจริง เพราะคนมีความรู้ความเข้าใจที่จะบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม ให้ความสดชื่น และพลังงานในยามที่จำเป็นเท่านั้น เหมือนที่ไม่มีใครดื่มน้ำอัดลม กาแฟ แทนน้ำเปล่า อยู่แล้ว
แนวคิดเพื่อสุขภาพเป็นสิ่งที่ดี อิชิตันก็เป็นชาเขียวที่รสชาติดี มีประโยชน์กับร่างกายระดับหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องอวดอ้างสรรพคุณพิเศษใดๆ ก็ขายดีอยู่แล้ว เพราะคุณตันมีต้นทุนทางสังคมที่สูงมากๆอยู่แล้ว เมื่อพูดอะไรแล้ว มีคนเป็นแสนเป็นล้านคนพร้อมจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดโดยไม่ลังเล
สุดท้ายแล้วสื่อมวลชนก็คงจะไม่เล่นประเด็นนี้ เพราะเป็นน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า สื่อได้เม็ดเงินจากงบโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ตันก็ได้พื้นที่ออกสื่อ คงไม่มีใครทำร้ายตัวเองอยู่แล้ว แล้วคนไทยก็คงจะไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ว่ามันออร์แกนิคจริงหรือเปล่า
เพราะคนไทยลืมง่ายจริงๆ
ที่มา www.blogger.com โดย assuming
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น