24 ธ.ค. 2554

13 วิธีชำระกายสบายสุขภาพ

 เราขอแนะนำ 13 ข้อปฏิบัติเรื่องน้ำ ๆ ที่จะทำให้คุณมีสุขอนามัยมาฝาก



1.หลีกเลี่ยงการอยู่ในฝูงชนจำนวนมาก เพราะน้ำคือ หนึ่งในพาหะที่สามารถถ่ายเทเชื้อโรคจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่งได้รวดเร็วทั้งทางผิวหนัง และการดื่มกิน


2.เชื้อโรคที่ติดต่อกันทางสัมผัส ถือเป็นภัยเงียบที่คุกคาม โรคตาแดง ท้องร่วง ไข้หวัด ล้วนสืบเนื่องมาจากการดูแลตัวเองให้สะอาดตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า สามารถป้องกันได้โดยหลีกเลี่ยงการสะสมของแบคทีเรียที่จะก่อให้เกิดเชื้อโรคต่าง ๆ


วิธีที่ดีที่สุดคือ การดูแลร่างกายให้สะอาดหมดจดด้วยการอาบน้ำอย่างถูกวิธี


3.ควรเริ่มอาบน้ำจากบริเวณปลายมือ หรือปลายเท้า เพื่อปรับอุณหภูมิในร่างกาย ก่อนจะราดน้ำอาบทั้งตัว


4.ควรเช็กอุณหภูมิของน้ำให้พอดีกับอุณหภูมิในร่างกาย เช่น ถ้าเพิ่งออกกำลังกายมาใหม่ ๆ อย่าเพิ่งแช่น้ำเย็นจัดในทันที ธรรมชาติของร่างกายจะค่อย ๆ ปรับอุณหภูมิลงสู่ระดับที่เหมาะสม


5.ควรอาบน้ำให้เหมาะกับสภาพผิว เช่น ถ้าเป็นคนผิวแห้งมีผื่นคันขึ้นง่าย ไม่ควรอาบน้ำอุ่น หรือร้อนจัด เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้ง


6.การแช่บ่อน้ำพุร้อน นอกเหนือจากการอาบน้ำทำความสะอาดผิวแล้ว อุณหภูมิของน้ำในบ่อน้ำร้อน ยังสามารถช่วยคลายความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ คืนความสดชื่นไปพร้อม ๆ กับการบำรุงผิว ด้วยประโยชน์อันหลากหลายของแร่ธาตุนานาชนิด


7.ก่อนอาบน้ำ ลองขัดผิวโดยการจับปลายผ้าขนหนูแห้งไว้ทั้ง 2 ข้าง แล้วเริ่มถูไปตามร่างกาย จุดละประมาณ 20 ครั้ง เพื่อขจัดคราบไคล ฝุ่นละอองต่าง ๆ รวมทั้งเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดไป


8.การอาบน้ำเย็น ควรให้อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 21-27 องศาเซลเซียส ซึ่งช่วยลดอาการอ่อนเพลียของกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวพรรณเต่งตึง รวมถึงช่วยเรื่องระบบหายใจให้ดีขึ้น


9.การอาบน้ำจากชาเขียว กำลังเป็นที่นิยม เพราะเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาความร้อนภายในหรืออาการไข้ รวมทั้งยังช่วยป้องกันการติดเชื้อ โรคติดต่อต่าง ๆ นอกจากนั้นยังช่วยบรรเทาอาการปวด และทำให้ผิวพรรณดีขึ้น


10.เหงื่อมีสาร "เดอร์ เมดิซีน" มีสรรพคุณช่วยปกป้องผิวหนังจากการอักเสบ ที่ทำให้ผิวหนังเป็นผื่นคันมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ก่อนที่แบคทีเรียจะทำอันตรายกับผิว การอาบน้ำล้างหน้าบ่อย ๆ จึงทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังง่ายขึ้น การอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น จึงดีที่สุด


11.สารระคายเคืองต่อผิวหนัง คือสิ่งที่จะทำให้ยาฆ่าเชื้อบนผิวหนังถูกกำจัด การเลือกซื้อน้ำยาต่าง ๆ ควรเลือกชนิดที่ไม่ทำความระคายเคืองให้กับผิวหนัง สังเกตได้หลังจากการใช้ จะทำให้ผิวแห้งผากและเกิดอาการคัน



 
 
12.วิธีทดสอบยาสีฟัน เพื่อจะได้รู้ว่ายาสีฟันนั้นใส่สารที่ทำลายเคลือบฟันรุนแรงหรือไม่ ให้นำยาสีฟันที่คุณใช้มาบีบขนาดประมาณเม็ดข้าวโพด ถูไปถูมาบนปฏิทินตั้งโต๊ะประมาณ 20 ครั้ง ถ้าสีของปฏิทินซีดจางเป็นสีขาว แสดงว่ายาสีฟันที่คุณใช้มีสารทำลายเคลือบฟันในปริมาณมาก ถ้าใช้ไปนาน ๆ จะทำให้ฟันกร่อน ฟันจะบางลง เกิดอาการเสียวฟันตามมา หรือบีบขนาดประมาณเม็ดข้าวโพดลงในแก้ว แล้วเติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อยคนให้เข้ากัน หยดสารละลายไอโอดีนลงไป ถ้าน้ำเปลี่ยนเป็นสีดำหรือม่วงแสดงว่ายาสีฟันนั้นมีแป้งผสมอยู่




13.วิธีทดสอบครีมอาบน้ำ นำครีมอาบน้ำหรือเจลเทใส่แก้วเล็กน้อย แล้วนำเกลือเทลงในแก้วคนให้

เข้ากัน ถ้าเกลือไม่ละลายจับตัวเป็นก้อนกับครีมอาบน้ำ แสดงว่าครีมอาบน้ำยี่ห้อนั้นไม่สามารถทำความสะอาดผิว หลังจากนั้นให้นำน้ำเปล่าเทใส่แก้วที่มีเกลือกับครีมที่ได้ผสมไว้ ถ้าเกลือไม่ละลายแล้วครีมยังลอยตัวเป็นก้อนอยู่ แสดงว่าเวลาคุณล้างครีมออก มันจะติดอยู่ที่ผิว ทำให้ผิวแห้งเหี่ยวในอนาคต



สุขภาพเป็นสิ่งที่เราสามารถวางแผนจัดการเพื่อให้เกิดสุขอนามัยได้ และการป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข การแก้ไขย่อมดีกว่าการเพิกเฉย









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น