6 มี.ค. 2553

ระวังมิจฉาชีพ

เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเองเลย ใกล้ ๆ ที่ทำงาน แถวตึกสิรินรัตน์พระราม 4 ยังตกใจไม่หาย ดีที่ตั้งสติได้ วันนั้นเป็นวันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน 2552 บริษัททำงานครึ่งวัน หลังเลิกงานเราก็มารอแฟนที่ป้ายรถเมย์ใกล้ออฟฟิตเหมือนทุกวัน


แต่บังเอิญว่าวันนั้นแฟนมาช้ารออยู่นานมากรถก็มีวิ่งไปมา คนรอรถก็เยอะ แล้วจู่ ๆ ก็มีผู้หญิงอุ้มเด็กเล็กอายุประมาณ 2 ขวบได้ เดินมาหาเรา แล้วก็ถามว่ารถสายอะไร ไปรามได้บ้าง เราก็บอกไปว่าสาย 22 ก็ไปได้ เขาก็ถามว่า.....รอป้ายนี้ใช่ไหม เราก็ตอบว่า.....ใช่ เขาก็พยายามเดินเข้ามาใกล้ ๆ และชวนเราคุยถามว่าเราจะไปไหนเราก็ไม่ได้คิดอะไร

ตอบเขาไปว่าจะกลับบ้าน เขาก็ถามว่าบ้านเราอยู่ไหน รอรถสายอะไร เราก็เริ่ม(ในใจ??? เอะยังไง !!!)

แต่ก็ตอบนะว่ารอแฟนมารับ สักพักก็มีผู้ชายเดิมมาถามพี่ผู้หญิงคนนี้ว่าตกลงจะขายให้ไหมพระนะให้ตามอยู่นั่นแหละ ให้ 5,000 เอาไหม ถ้าเอาจะได้ไปเบิกเงินมาให้ รออยู่ตรงนี้นะเดี๋ยวมาแล้วก็เดินไป

ผู้หญิงคนนี้ก็ทำท่าทางเหมือนตกใจบอกกับเราว่าให้ช่วยด้วยจะทำยังไงดีไม่ค่อยรู้จักทางมาจากบ้านนอกเงินก็ไม่ค่อยมี

บอกเราไปพร้อมกับร้องไห้ (ตีบทแตกจริง ๆ ) นี่เขาจะมาขอซื้อพระของเก่า ของพ่อขายได้ราคาตั้งหลายหมื่น แต่คนนี้จะมาขอซื้อให้แค่ 5,000 เอง นี่ถ้าน้องชอบนะ พี่จะขายให้น้องเอาไหมถ้าน้องไม่มีเงินเอาทองมาแลกก็ได้นะ

เอาแล้วไง (คิดอยู่นะว่าจะใช่พวกแก๊งตกพระหรือเพราะเคยได้อ่านจากเพื่อน ๆ ที่ส่ง forward mail มาให้อ่าน) ยังทำใจดีสู้เสือไว้ก่อนอยากจะรู้ไงว่าเขาจะมายังไง ก็เลยบอกไปว่าไม่อยากขายก็บอกเขาไปซิ ว่าไม่ขาย ผู้หญิงคนนี้พยายาม พูดโฆษณาอวดพระให้ดูอีกนะว่าพระของเธอดี มีคนให้ราคาตั้งหลายหมื่นก็เลยบอกว่าถ้าอยากขายก็เก็บไปขายคนที่ให้ราคาสูงก็แล้วกัน

ในตอนนั้นเริ่มเบื่อแล้วแบบว่าอารมณ์เริ่มเสียที่แฟนมาช้าแล้วยังมาเจออะไรเนี่ย!!!!!!!!!! สักพักเดียวมีผู้หญิงมาอีก 2 คน เดินเข้ามาใกล้เรากับผู้หญิงคนแรก แล้วก็เริ่มอีก เรื่องพระว่าดียังงั้น ดีอย่างงี้ ใครมีนะดียังไง..... เราก็เห็นเขามีเพื่อใหม่แล้วเลยเดินถอยห่างออกมา แต่เชื่อไหมทั้ง 3 คนไม่ยอมปล่อยให้เราเดินห่างพยายามเดิมมาชวนคุยและจะเข้าใกล้เราตลอดเวลา

ยังมันยังไม่ยอมเราเริ่มระวังตัวเพราะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ !!!!!!

เพราะช่วงเวลาที่เขายืนคุยกันอยู่นี่รถเมย์สาย 22 วิ่งมาเขาไม่ขึ้น แต่ยืนคุยกันไม่มองรถซะด้วยซ้ำ ถึงตอนนี้เริ่มกลัวว่าจะมีใครโผล่มาอีกป่าว และระวังตัวมากขึ้น กระเป๋าก็คล้องไว้กับตัว เริ่มสวมเสื้อคลุมปิดสร้อยคอกับสร้อยข้อมือ เริ่มมองหาแฟนก็ไม่มาซะที นึกในใจ ???? เอาแล้วไง !!!!!! มั่นใจเลยล่ะตอนนี้ ว่าใช่แน่ ๆ

สักพักทั้ง 3 คนหันมาชวนเราขึ้นรถเมย์ไปพร้อมกับเขา อ้างว่าสงสารกลัวว่าพี่เขาจะถูกหรอก ให้ไปช่วย ๆ กันดู หว่านล้อมสารพัด ชวนให้ไปด้วยให้ได้ คนก็มารอกันตั้งหลายคน ไม่เห็นเขาจะสนใจชวนคนอื่นเลย

อ้าว !!!!!! รถเมย์มาอีกคันแล้ว คิดนะถ้าไม่ใช่อย่างที่เราคิดเขาก็คงไปกันคันนี้แหละ พระเจ้าช่วย ????? ไม่มีใครสนใจจะขึ้นรถซักคน !!!!!!! ทำไงดี ?????????

พอดีเห็นพี่ตำรวจ ขี่มอไซร์วิ่งอยู่ถนนฝั่งตรงข้าม หน้าโลตัสเลยคิดขึ้นมาได้ เอามุขนี้แย้วเรา....... เริ่มทำเสียงหงุดหงิด แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

ฮาโหลอยู่ไหนเนี่ย มึ....ง มัวทำไรอยู่........กู..รอตั้งนานแล้ว ไหนบอกว่าออกเวรแล้วไงป้อมอยู่แค่นี้ ทำไมมาช้าจัง เมื่อกี้เห็นพี่ชาย (ชายไหนก็ไม่รู้จัก ) เขาออกเวรกลับบ้านแล้วเนี่ย มึ...งทำไรอยู่ไม่มาซะที ชักช้า แล้วหันไปบอกกับ 3 คนว่า

พี่รอเดี๋ยวนะ แฟนใกล้ถึงแล้ว เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้างดูซิเป็นตำรวจอยู่ป้อมตรง ม.กรุงเทพแค่นี้เอง ว่าไง....รีบมาละกันจะได้ช่วยพี่เขา

มองไปอีกทีเชื่อไหม 3 คนไปอยู่บนรถแท็กซี่ แล้วมองมาทางเราแบบจะกินเลือดกินเนื้อ ที่แย่ไปกว่านั้น ไอ้คนขับแท๊กซี่ คือผู้ชายคนที่จะมาขอซื้อพระจากผู้หญิง คนที่ 1

บางอ้อ .... แล้วเรามันมากันเป็นขบวนการเลย โชคดีนะที่เราคิดมุข ( เมียตำรวจ ) นี้ขึ้นมาได้ทันไม่สงวนสิทธิ์ หากใครจะนำไปใช้นะคะได้ผลจริง ๆ คิดแล้วหากวันนั้นหลงไปกับเขาหรือโดนเขาเข้ามาป้ายยาจะทำไง นับว่ายังโชคดี ช่วยส่งต่อๆกันให้มากๆ นะคะ

ไม่มีความคิดเห็น: