เรื่องที่ 1 – นกน้อยสีฟ้า
วันหนึ่งมีนกสีฟ้าบินเข้ามาในห้องของคุณ และหาทางออกไม่ได้ นกตัวนี้มีอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณประทับใจ คุณจึงตัดสินในเลี้ยงมันไว้ แต่แล้วในวันรุ่งขึ้น คุณก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า เจ้านกตัวนี้สามารถเปลี่ยนสีได้ในชั่วข้ามคืน จาก สีฟ้า กลายเป็น สีเหลือง เช้าวันที่สามมันเปลี่ยนสีเป็น สีแดง และวันที่สี่ก็เปลี่ยนเป็น สีดำสนิท คุณคิดว่าเช้าวันที่ห้าเมื่อคุณตื่นขึ้นมา เจ้านกตัวนี้จะกลายเป็นสีอะไร?
1.ไม่เปลี่ยนสี ยังคงเป็นสีดำ
2.เปลี่ยนกลับไปเป็นสีฟ้าเหมือนเดิม
3.เปลี่ยนเป็นสีขาว
4.เปลี่ยนเป็นสีทอง
ความหมาย “นกน้อยสีฟ้า”
นกที่บินเข้ามาเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความโชคดี แต่แล้วจู่ๆ มันก็เปลี่ยนสี ทำให้คุณกังวลว่า ความสุขที่คุณมีอยู่จะไม่ยั่งยืน ปฏิกิริยาของคุณต่อเหตุการณ์นี้ แสดงให้เห็นว่า คุณตอบสนองต่ออุปสรรค และความไม่แน่นอนของชีวิตอย่างไร
1.หากคุณตอบว่านกยังคงเป็นสีดำ คุณเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย คุณมักจะเชื่อว่า เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี มันก็ไม่มีทางที่จะกลับมาเป็นปกติได้ ความจริงคุณน่าจะพยายามคิดว่า ถ้าเกิดว่าอะไรๆ มันเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ มันคงไม่สามารถเลวร้ายลงไปกว่านี้ได้อีกแล้ว ขอให้พึงระลึกว่า “ไม่มีฝนคราใดจะตกได้ตลอดกาล และไม่มีราตรีใดที่มืดมิดเสียจนไร้ซึ่งอรุณรุ่งแห่งวันใหม่”
2.หากคุณตอบว่า นกเปลี่ยนกลับไปเป็นสีฟ้าเหมือนเดิม คุณเป็นคนมองโลกในแง่ดี คุณเชื่อว่าชีวิตก็ต้องมีดีบ้างร้ายบ้างปะปนกันไป ไม่มีทางที่คุณจะฝืนความจริงข้อนี้ได้ คุณยอมรับสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นได้อย่างสงบ และปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็นโดยไม่กังวลหรือเครียดกับมันจนเกินไป มุมมองของคุณทำให้คุณสามารถยืนหยัดอยู่ได้ แม้คลื่นแห่งความยากลำบากจะถาโถมเข้ามา
3.หากคุณตอบว่า นกเปลี่ยนเป็นสีขาว คุณเป็นคนสงบ และกล้าตัดสินใจเมื่ออยู่ภายใต้ความกดดัน แม้ว่าสถานการณ์จะถึงขั้นวิกฤต คุณก็จะไม่เสียเวลามานั่งกลุ้มใจ หรือมัวลังเล ถ้าสถานการณ์แย่ลงจะเกินเยียวยา คุณจะตัดสินใจถอนตัวแล้วหาหนทางใหม่ที่จะทำให้คุณบรรลุเป้าหมายโดยไม่ยอมจมปลักอยู่กับความทุกข์ วิธีการริเริ่มแก้ไขปัญหาของคุณดูเหมือนจะทำให้สิ่งต่างๆ ผ่านพ้นไปได้เอง
4.หากคุณตอบว่า นกเปลี่ยนเป็นสีทอง คุณเป็นคนไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด คุณไม่รู้จักกดดัน สำหรับคุณทุกๆ วิกฤต คือโอกาส คุณอาจเปรียบตัวคุณเหมือนจักรพรรดินะโปเลียนผู้เคยกล่าวไว้ว่า “…เป็นไปไม่ได้ : มันไม่ใช่ภาษาฝรั่งเศษนี่” แต่คุณต้องระวังอย่าให้ความมั่นใจแบบไร้ขีดจำกัดของคุณทำลายส่วนที่ดีที่สุดของคุณไป เพราะ ความกล้า กับ ความบ้าบิ่น นั้นมันต่างกันเพียงนิดเดียว
เรื่องที่ 2 – อ่านนิตยสารยอดนิยม
คุณเพิ่งซื้อนิตยสารยอดนิยมรายสัปดาห์เล่มหนึ่ง และนำกลับมาอ่านที่บ้าน คุณอ่านนิตยสารนั้น อย่างไร?
1.อ่านทั้งเล่มจากหน้าแรกถึงหน้าสุดท้าย
2.เปิดคอลัมน์ที่คุณสนใจ และอ่านเฉพาะคอลัมน์นั้น
3.พลิกไปเรื่อยๆ และอ่านเฉพาะหน้าที่คุณคิดว่าควรค่าแก่การอ่าน
4.ถ้ารูปเล่ม และการเรียงหน้าเหมือนเดิม คุณก็อ่านเหมือนกับทุกๆ ทีที่เคยอ่าน
ความหมาย “การอ่านนิตยสารยอดนิยม”
ลักษณะของการอ่านนิตยสารของคุณสะท้อนให้เห็นว่า คุณจัดการกับตัวเลือกที่หลากหลาย อย่างไร กล่าวโดยเจาะจง คือ การแบ่งและจัดสรรเวลาในการอ่านนิตยสารของคุณแสดงถึงวิธีการที่คุณใช้จัดสรรการใช้ทรัพยากร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…เงิน…
1.อ่านทั้งเล่มจากหน้าแรกถึงหน้าสุดท้าย
คุณเป็นคนประเภทที่รู้ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ของคุณอยู่ที่ไหน และได้ถูกใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง ไม่ใช่เพราะคุณคำนึงถึงงบประมารณ หรือ การวางแผนการเงินอะไรหรอก คุณแค่รู้สึกสบายใจที่ได้รู้ว่าอะไรอยู่ที่ไหน คุณเกลียดความคิดที่ว่าคุณหลงลืมอะไรบางอย่างไป คุณจัดทำบัญชีของคุณไว้อย่างเป็นระเบียบ และรู้ว่าคุณมีเงินเหลืออยู่ในบัญชีของคุณเท่าไหร่รวมถึงดอกเบี้ยต่างๆ ด้วย
2.เปิดคอลัมน์ที่คุณสนใจ และอ่านเฉพาะคอลัมน์นั้น
คุณเป็นคนที่ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย และไม่ระมัดระวัง เมื่อไหร่ที่คุณมีเงินคุณก็จะใช้มัน ซื้ออะไรก็ตามที่คุณพอใจ คุณมักคิดว่า “ฉันอาจจะเริ่มเก็บเงินเดือนหน้านี้แล้วนะ” ตอน ที่คุณใช้เงินบาทสุดท้าย ถ้าคุณจะสามารถเก็บเงินได้บ้าง ก็ไม่แปลกเลยที่คุณจะไปกด เอทีเอ็มถอนเงินนั้นมาเพื่อใช้ทำอะไรฆ่าเวลา
3.พลิกไปเรื่อยๆ และอ่านเฉพาะหน้าที่คุณคิดว่าควรค่าแก่การอ่าน
คุณอาจจะคิดว่า คุณเป็นคนประหยัด แต่บางคนอาจจะบอกว่า คุณเป็นคนขี้เหนียว ความจริงก็คือ คุณจะไม่ใช้จ่ายอะไรโดยที่ไม่เกิดประโยชน์ หรือเสียเปล่า คุณเลือกที่จะเก็บออมไว้ใช้ยามจำเป็น คุณจะไม่เผลอตัวซื้อของโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือใช้บัตรเครดิตจนชนวงเงิน ความจริงคุณน่าจะผ่อนปรนวิธีการใช้เงินของคุณบ้างในบางโอกาส เงินมีไว้เพื่อให้คุณมีชีวิตที่ดีไม่ใช่หรือ?
4.ถ้ารูปเล่มและการเรียงหน้าเหมือนเดิม คุณก็อ่านเหมือนกับทุกๆ ทีที่อ่าน
คุณใช้เงินตามแบบของคุณจนเป็นนิสัย ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไร ถ้าคุณถูกล็อตเตอรี่ คุณจะไม่ไปเดินชอบปิ้งซื้อของราคาถูกตามห้างต่างๆ และในทางกลับกัน ถ้าคุณล้มละลาย คุณก็จะยังคงใช้เสื้อผ้าราคาแพงที่ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชื่อดัง คุณเป็นคนที่ไม่สนใจ หรือกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของสถานะการเงิน เพราะฉะนั้นคุณน่าจะหาคู่ชีวิตที่ดูแลเรื่องเงินๆ ทองๆ ให้คุณได้ และยกหน้าที่นี้ให้เขาหรือเธอไปเลย
เรื่องที่ 3 – ลึกลงไปนั้น…
คุณอยู่ในตึกร้างแห่งหนึ่ง และกำลังยืนอยู่หน้าห้องใต้ดิน ที่มีบันไดทอดยาวลงไป คุณค่อยๆ เดินลงไปช้าๆ ขณะเดียวกันก็นับขั้นของบันได 1 ขั้น… 2 ขั้น… 3 ขั้น…
1.บันไดที่นำคุณลงไปถึงข้างล่างมีทั้งหมดกี่ขั้น?
2.หลังจากนั้นคุณได้ยินเสียงของใครบางคนดังออกมาจากความมืด คนผู้นั้นกำลัง
-ร้องไห้เบาๆ
-ร้องคร่ำครวญจนฟังไม่ได้ศัพท์
-หรือว่ากำลังพูดกับคุณ?
3.คุณทำอย่างไรเมื่อได้ยินเสียงคนคนนั้น?
-พยายามหาที่มาของเสียง?
-วิ่งหนีโดยสัญชาตญาณขึ้นมาข้างบนอย่างไม่เหลียวหลัง?
-หรือว่ายืนตัวแข็งด้วยความหวาดกลัว และไม่ขยับเขยื้อนไปไหน?
4.คุณได้ยินเสียงคนคนหนึ่งเรียกชื่อคุณ และเห็นเงาของเขาทอดตัวลงมาจากบันไดขั้นบนสุด ใครคือคนที่กำลังเดินลงมาหาคุณ?
ความหมาย “ลึกลงไปนั้น…”
ตึกร้างและห้องใต้ดินเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนของความทรงจำที่ฝังลึก และรอยแผลในจิตใจเราทุกคนต่างก็มีประสบการณ์ที่ไม่อยากจะระลึกถึง หรือความผิดหวังที่เราคิดว่า เราลืมมันไปแล้ว แต่ความทรงจำนั้นไม่อาจลบเลือนไปได้ง่ายๆ สิ่งที่เราอยากลืมจะคงอยู่กับเราเนิ่นนานเกินกว่าที่เราคาดคิด การตอบสนองของคุณต่อสถานการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า คุณจัดการกับความทรงจำในอดีตที่แสนเจ็บปวดอย่างไร
1.จำนวนขั้นบันได้ที่ทอดสู่ชั้นใต้ดิน บอกถึงอิทธิพลของรอยแผลในจิตใจที่มีต่อคุณขณะนี้
หากคุณตอบว่า ขั้นบันได้มีเพียงไม่กี่ขั้น คุณได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเพียงเล็กน้อย แต่หากคุณคิดว่าบันไดนั้นทอดยาวลึกลงไปสู่ห้องใต้ดิน คุณเป็นผู้ที่มีบาดแผลฝังลึก ในใจเฉกเช่นความลึกของบันได
2.เสียงที่คุณได้ยินมาจากความมืด บอกว่าคุณผ่านพ้นประสบการณ์อันเลวร้ายในอดีตมาได้อย่างไร
หากคุณตอบว่า ได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆ คุณมักจะได้รับการปลอบโยนจากผู้อื่นเมื่อมีปัญหา และหายจากความโศกเศร้าด้วยความช่วยเหลือจากคนเหล่านั้น
หากคุณตอบว่า ได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญจนฟังไม่ได้ศัพท์ คุณได้ผ่านความทุกข์ครั้งนั้นมาด้วยตนเองอย่างยากลำบาก เสียงครวญครางที่คุณได้ยินเป็นเสียงของความเจ็บปวดที่ฝังลึกของคุณเอง
หากคุณตอบว่า ได้ยินเสียงนั้นกำลังพูดกับคุณ คุณมีรอยแผลเป็นในใจซึ่งเป็นเสมือนเหรียญเกียรติยศ แต่คุณไม่ยอมรับว่านั่นเป็นบาดแผล นักปรัชญาผู้มีชื่อเสียงได้กล่าวว่า “สิ่งนั้นไม่ได้ทำให้เราตาย แต่มันทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น” แต่จงระวัง อย่าให้สิ่งนี้ทำให้คุณแข็งกระด้าง และไม่แยแสความรู้สึกของผู้อื่น
3.ปฏิกิริยาของคุณต่อเสียงในความมืด บอกว่าคุณจัดการกับความเจ็บปวดในอดีตอย่างไร
หากคุณค้นหาที่มาของเสียง แสดงว่า คุณมักจะทำอย่างนั้นเช่นกันในชีวิตจริง การเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างตรงไปตรงมาจะทำให้คุณพบกับทางออกอย่างแน่นอน
หากคุณวิ่งหนีขึ้นมาชั้นบนโดยไม่เผชิญหน้ากับเสียงนั้น คุณมักจะละเลยปัญหาโดยหวังว่าสักวันมันจะดีขึ้นเอง วิธีนี้อาจใช้ได้ในบางกรณี แต่อย่าประหลาดใจหากคุณพบว่าปัญหานั้นวนเวียนอยู่กับคุณนานกว่าที่คิด บางครั้งคุณก็ต้องยืนหยัด และหันไปเผชิญหน้ากับความกลัวเสียบ้าง
หากคุณยืนตัวแข็งด้วยความกลัวอยู่ตรงนั้น อาจหมายความว่าคุณมีความขัดแย้งในอดีตที่ยังไม่ได้แก้ไข มันยังตามหลอกหลอนคุณ และขัดขวางคุณไม่ให้คุณดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้าอย่างผาสุก
4.คนที่ปรากฏตัวที่บันไดขั้นบนสุด และเรียกชื่อคุณ คือ คนที่คุณคิดว่าสามารถพึ่งพาได้เมื่อมีปัญหา และคุณเชื่อว่า คนคนนั้นสามารถปลอบโยน และช่วยเยียวยาแผลในใจของคุณได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น