15 พ.ค. 2551

คุณค่าของวิตามินซี

วิตามินซี เป็นวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำ และเป็นวิตามินที่สลายตัวเร็วที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวต่อออกซิเจนมาก การตากลม ถูกแสง ความร้อนหรือความชื้น ล้วนมีผลต่อการสลายตัวของวิตามินซี การตากแห้งและการเก็บไว้นานๆ หรือผสมกับด่างแม้เพียงเล็กน้อย วิตามินซีจะไม่เหลือเลย

การล้างผักผลไม้โดยการแช่น้ำนานๆ ก็ทำให้สูญเสียวิตามินซี การแกะสลักและการปอกทิ้งไว้นานๆ ก็เป็นการทำลายวิตามินซีเช่นกัน
วิธีที่ดีที่สุดในการถนอมวิตามินซี ก็คือการรับประทานผักผลไม้สดๆ ใช้เวลาหุงต้มให้น้อยที่สุด และควรจะให้น้ำเดือดเต็มที่ก่อนใส่ผัก แล้วปิดฝาทันที ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรหั่นหรือสับ ผักบางชนิดควรต้มหรือนึ่งทั้งเปลือก เช่น มันฝรั่ง มันเทศ ฟักทอง และเผือก และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะที่ทำด้วยทองแดง

แหล่งที่พบ
วิตามินซีมีมากในผักและผลไม้สด ไม่จำเป็นต้องเป็นผลไม้รสเปรี้ยว ตัวอย่างเช่น ฝรั่ง ส้ม มะนาว มะขามป้อม มะเขือเทศ และผักใบเขียวต่างๆ เช่น บล็อคโคลี่ คะน้า

ประโยชน์ต่อร่างกาย
วิตามินซีจำเป็นสำหรับการทำงานหลายๆ อย่างของร่างกาย ช่วยในกระบวนการเผาผลาญอาหารเพื่อนำคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ไปใช้งาน จำเป็นสำหรับการเสริมสร้างเนื้อเยื่อและกระบวนการรักษาแผล ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กเข้าสู่ร่างกาย และมีบทบาทในการสังเคราะห์ฮอร์โมนและสารเคมีอื่นๆ ในร่างกาย

วิตามินซีมักจะถูกกล่าวอ้างว่ามีประสิทธิภาพในการช่วยชะลอความแก่ รักษาสิว บรรเทาอาการหวัด บำบัดอาการภูมิแพ้ โรคหืด โรคทางเดินหายใจ ป้องกันโรคเหงือก ฟันผุ โรคติดเชื้อ โดยระบุถึงสรรพคุณในการต่อต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นให้ร่างกายมีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์อย่างชัดเจน

และถึงแม้ว่าจะมีการใช้วิตามินซีในการลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ป้องกันหลอดเลือดแดงแข็งตัว ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ รวมถึงป้องกันมะเร็งบางชนิด อย่างไรก็ตาม ทางการแพทย์ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพดังกล่าว

ปริมาณที่แนะนำ

แรกเกิด - 3 ปี 30 - 40 มิลลิกรัม/วัน
เด็ก 4 - 10 ปี 45 มิลลิกรัม/วัน
วัยรุ่นและผู้ใหญ่ 50 - 60 มิลลิกรัม/วัน
หญิงตั้งครรภ์ 70 มิลลิกรัม/วัน
หญิงให้นมบุตร 90 มิลลิกรัม/วัน

กลุ่มบุคคลที่ต้องการวิตามินซีมากกว่าปกติ ได้แก่ ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้ที่สูบบุหรี่ ติดสุรา และสตรีที่รับประทานยาคุมกำเนิด เป็นต้น

เราสามารถได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอจากอาหารโดยไม่จำเป็นต้องได้รับวิตามินเสริม แต่หากต้องการรับประทานวิตามินซีเสริม ควรแบ่งรับประทานทีละน้อยตลอดวัน เช่น ทุกมื้อหลังอาหาร จะดีกว่าการรับประทานครั้งเดียวจำนวนมากๆ เนื่องจากร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินซีได้จำกัด การรับประทานครั้งเดียวจำนวนมากๆ อาจไม่เกิดประโยชน์เพราะร่างกายไม่สามารถดูดซึมไปใช้ได้หมด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น