ไฟฟ้าช้อต สามารถทำให้เกิดอาการหมดสติ หยุดหายใจ และหัวใจหยุดเต้นทันทีก็ได้ ถ้าหากได้รับกระแสไฟฟ้าเข้าตัวเป็นเวลานาน แม้ว่าจะเห็นแผลขนาดเล็กเป็นจุดที่กระแสไฟฟ้าเข้าและออกจากร่างกาย แต่อาจมีการทำลายของเนื้อเยื่อภายในอย่างมากมาย
การปฐมพยาบาลฉุกเฉินผู้ป่วยที่ถูกไฟฟ้าช้อตในเบื้องแรก ท่านควรที่จะตัดกระแสไฟฟ้าภายในบ้าน อย่างรวดเร็วถ้าทำได้ หรือท่านอาจจะต้องพยายามเอาตัวผู้ป่วยให้ หลุดจากสายไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต้นเหตุ โดยใช้อุปกรณ์ที่ไม่นำไฟฟ้าเช่น ไม้ ผ้า หรือเชือก
หลังจากที่ท่านแยกเอาผู้ป่วยออกมาได้แล้ว ท่านอาจทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
1.ถ้าหากผู้ป่วยไม่หายใจ และคลำชีพจรไม่ได้ ให้เริ่มดำเนินการปฏิบัติการช่วยชีวิต ขั้นพื้นฐาน ขึ้นแรกคือการเป่าลมเข้าปากผู้ป่วย เพื่อให้มีอากาศผ่านเข้าไปในปอด โดยมือข้างหนึ่งจับที่หน้าผาก ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้บีบจมูกผู้ป่วย อีกมือหนึ่งจับที่คางผู้ป่วยให้เงยหน้าขึ้น หายใจเข้าปอดเต็มที่และแนบปากของท่าน ให้กระชับกับปากของผู้ป่วย เป่าลมเข้าไป เป่าลมเช่นนี้ช้า ๆ 2 ครั้ง โดยสูดหายใจเข้าปอดของท่านให้เต็มที่ก่อนทุกครั้ง ถ้าทำได้ถูกต้อง ท่านจะสังเกตเห็นหน้าอกของผู้ป่วยมีการเคลื่อนไหว แสดงว่ามีอากาศเข้าปอดของคนไข้ ท่านควรทำเช่นนี้ทุก ๆ 5 วินาที โดย1 นาทีจะเป่าปากได้ 12 ครั้ง แต่ละครั้งที่หน้าอกมีการเคลื่อนไหวขยายตัวขึ้น ให้รอให้ลมออกจากปอดก่อน โดยท่านอาจจะเอาหูแนบกับปากผู้ป่วยเพื่อฟังเสียงลมออกก่อนที่จะเป่าลมเข้าไปใหม่
2.ให้คลำชีพจรที่ข้อมือหรือบริเวณคอ ถ้าคลำชีพจรไม่ได้ให้ปฏิบัติการช่วยชีวิตขั้นต่อไป คือการปั๊มหัวใจ ควบคู่ไปกับการเป่าลมเข้าทางปาก ซึ่งผู้ที่จะทำควรจะได้ผ่านหลักสูตรการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานมาแล้ว และถ้าให้ดีควรจะได้รับการฝึกฝนมาก่อน
3.ถ้าหากผู้ป่วยหมดสติ แต่หายใจได้เองให้จับผู้ป่วยอยู่ในท่ากึ่งคว่ำ แขนและขาที่อยู่ด้านบน ให้งอพับพอสมควร พึงระวังเรื่องการอาเจียนซึ่งอาจมีเศษอาหารทำให้สำลักได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น