13 มิ.ย. 2553
ไขมัน... ไม่ร้ายไปทุกเรื่อง
โดย : ชฎาพร นาวัลย์
แม้ไขมันจะเป็นจำเลยของสังคม เป็นตัวการทำให้เกิดโรคอ้วน เป็นตัวยี้ของหนุ่มสาวหุ่นดีทั้งหลาย แต่อย่าลืมว่าร่างกายของเราขาดไขมันไม่ได้
ถ้าพินิจพิเคราะห์กันให้ดี ยังมีไขมันที่อยู่ในกลุ่ม นามไขมันชนิดไม่อิ่มตัว หรือไขมันชนิดดี (HDL) ที่เราต้องหันมาใส่ใจและบริโภคให้ถูกวิธี
กฤช วสุธาร ชายหนุ่มผู้ครองน้ำหนัก 168 กิโลกรัมในอดีต หลังจการีดน้ำหนักส่วนเกินออกไปจนเหลือ 100 กิโลกรัม บอกว่า ไขมันยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกาย แต่ควรบริโภคให้พอเหมาะ
เขาต้องคำนึงว่าจะรับประทานอย่างไรไม่ให้น้ำหนักขึ้นอีก และไม่มีเอฟเฟคกับร่างกาย นั่นแปลว่าเขาต้องเลือกไขมันชนิดดี สำหรับช่วยขับไขมันเสียๆ เช่น ไขมันสัตว์ หรือเนยขาว ซึ่งอยู่ในหมวดไขมันชนิดทรานซ์ออกไป
หนุ่มคนนี้จัดลำดับความสำคัญของน้ำมันในดวงใจ โดยให้อันดับหนึ่งคือ "น้ำมันเมล็ดชา"
คุณสมบัติของน้ำมันเมล็ดชา คือกลิ่นหวานหอม มีสีทองออกเขียวอ่อน ได้รับความนิยมในต่างประเทศมานานกว่า 1,000 ปีทางใต้ของประเทศจีน ชาวหูหนาน สกัดจากเมล็ดของดอกชาคามิเลียโอลิเฟร่า โดยวิธีการหีบเย็น (Cold pressed) ส่วนในประเทศญี่ปุ่นใช้น้ำมันชาที่สกัดมาจากชาพันธุ์ Camellia japonica
ผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์พบว่า น้ำมันเมล็ดชามีสัดส่วนของกรดไขมันชนิดต่างๆ ในปริมาณที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เพราะมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวในรูปโอเมก้า มีวิตามินอีสูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และช่วยยืดอายุการใช้งานของน้ำมันให้นานขึ้น และยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ บีและดี มีสารแคททีซินซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูง ในรูปสารโพลีฟีนอล ซึ่งมีส่วนช่วยลดระดับของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) จึงช่วยป้องกันหลอดเลือดตีบตัน และป้องกันการอักเสบของเนื้อเยื่อ
แม้ว่าน้ำมันเมล็ดชายังไม่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย เพราะมีข้อเสียที่ราคาสูงลิบลิ่ว และหายากเอาเรื่อง แต่ด้วยคุณประโยชน์ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เหมาะกับผู้มีภาวะเสี่ยงและผู้ป่วยโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน รวมทั้งยังดีต่อสตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกปรุงอาหารได้หลากหลายชนิด เช่น ทอด ผัด ทำน้ำสลัด หรือผสมซอสหมักเนื้อสัตว์ ก็ได้
ตามติดๆ ด้วยอันดับสองคือ "น้ำมันดอกคำฝอย" ราคาไม่แพงมากเท่าน้ำมันเมล็ดชา ใช้ทดแทนน้ำมันทุกชนิดได้ และเหมาะกับการปรุงอาหารไทยเป็นที่สุด เพราะทนความร้อนได้สูง ใช้ในการทอดและประกอบอาหารต่างๆ ได้ดี
น้ำมันในเมล็ดของดอกคำฝอยมีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ที่ชื่อว่า กรดไขมันไลโนเลอิค ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน และ กรดไขมันโอเลอิค ซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว จึงช่วยลดคลอเลสเตอรอล ตัวการของหลอดเลือดอุดตัน
ส่วนอันดับสาม ยกให้น้ำมันยอดฮิตในหมู่อาหารเพื่อสุขภาพ อย่าง "น้ำมันมะกอก" ซึ่งยังมีราคาแพง แถมเอาไปปรุงอาหารไทยได้ยาก เพราะจุดเดือดต่ำจึงไม่สามารถทอดของกรอบได้ และมีกลิ่นแรง แต่ถ้าคิดกันในเชิงบวก กลิ่นของมันทำให้เราไม่เจริญอาหาร
น้ำมันมะกอก เป็นน้ำมันจากพืชที่แม้จะมีแคลอรีสูง แต่มีข้อดี คือมีกรดไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์กับร่างกายสูง เป็นตัวควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด จึงช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจได้ และยังประกอบด้วยวิตามินเอ และอี ที่เป็นสารแอนติออกซิแดนท์ ทำให้น้ำมันมะกอกไม่เหม็นหืน
กริชแนะนำต่อว่า น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน หรือน้ำมันถั่วเหลืองเป็นตัวเลือกที่ไม่ขี้เหร่เท่าไรนัก แม้จะมีไขมันชนิดดีน้อยกว่าสามตัวแรก แต่พวกมันราคาย่อมเยา และมีคุณสมบัติไม่สะสมคอเลสเตอรอลชนิดเลวเช่นกัน
อย่าเพิ่งตัดสินว่ากะทิเป็นมารร้าย ถ้าต้องการบริโภคกะทิจริง ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม ส่วนแกงกะทิ อาหารประจำชาติไทยให้กินมะเขือพวงตามไปด้วย ถึงมันจะไม่มีรสชาติ แต่ก็มีประโยชน์เรื่องการดักไขมัน
หรือถ้าจะให้ดีที่สุด เราควรรับประทานน้ำมันที่ได้จากปลาทะเลน้ำลึก ซึ่งจะสกัดเฉพาะน้ำมันออกมา หรือรับประทานสดๆ เพื่อให้ได้โอเมก้า 3 ก็ได้ หรือเลือกน้ำมันในท้องตลาดที่กำลังสร้างจุดขายว่าใส่โอเมก้า 3 ก็ไม่ผิด
ส่วนวิธีบริโภค กริชบอกให้สังเกตปริมาณแคลอรีข้างขวด เพื่อนำไปปรุงอาหารให้เหมาะสมในแต่ละมื้อ หรือจะเลือกสูตรใช้น้ำมัน 2 ช้อนชาต่อการปรุงอาหารหนึ่งจานของหนุ่มคนนี้ก็ได้ นอกจากนั้นยังเลือกใช้ภาชนะกระทะเคลือบเพื่อลดปริมาณน้ำมันลงอีกด้วย
ทั้งนี้ ต่อให้เผาผลาญมากเพียงใดก็ต้องรับประทานให้พอเหมาะ กินให้ต่ำกว่าที่เบิร์นออกไป กริชเล่าให้ฟังว่าตอนลดน้ำหนักช่วงแรก นักโภชนาการอาหารจะกำหนดให้กินได้ไม่เกิน 600 กิโลแคลอรีต่อวัน และต้องเผาผลาญออกให้ได้ 1,000 กิโลแคลอรีเพื่อดึงเอาไขมันส่วนเกินออกมาใช้เพื่อให้เกิดสมดุล
และทิ้งท้ายสำหรับผู้ที่ต้องการจะเพิ่มน้ำหนัก แล้วหวังว่าการบริโภคไขมันจะเป็นคำตอบ เขาบอกว่า มันอาจทำให้เกิดโรคร้ายตามมา เช่นไขมันอุดตันในเส้นเลือด หรือเบาหวาน ทางที่ดี ควรเลือกอาหารกลุ่มโปรตีน ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ปลาทะเลน้ำลึก ควบคู่กับการออกกำลังกาย เพื่อช่วยให้เมตาบอลิซึ่มเหมาะสม และทำให้เป็นคนสุขภาพดีที่สมบูรณ์แบบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น