9 ต.ค. 2553

การฝึกทักษะการคิดนอกกรอบ


ทักษะการคิดนั้น เราคิดว่าเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดในการเรียนรู้ของผู้เรียนทุกคน และยิ่งสำคัญมากขึ้น ผู้เรียนได้เรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น

ปัจจุบันนี้สถานศึกษา ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของการพัฒนาทักษะการคิดของผู้เรียน โดยเฉพาะครูที่สามารถออกแบบวิธีสอนให้เด็กมีการฝึกทักษะการคิด เพื่อให้เด็กพัฒนาไปสู่การคิดสิ่งใหม่ได้

และผู้เรียนสามารถทำความฝันให้เป็นความจริงได้จากการฝึกทักษะความคิด จนสามารถจินตนาการสิ่งต่างๆได้ จนสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

เรื่องของการพัฒนาทักษะในการคิดนั้น จริงๆ แล้วควรจะพัฒนากันตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลเลย ไม่ใช่มาทำกันตอนโต เพราะยิ่งโตมุมมองต่างๆ ตลอดกรอบความคิดก็จะมากขึ้น ก็จะยิ่งคิดและจินตนาการเกิดขึ้นได้ยากมากยิ่งขึ้น


ที่สำคัญก็คือปัจจุบันนี้หลักสูตรการเรียนการสอนของบ้าน ไม่มีวิชาที่ว่าด้วยทักษะการคิด แต่เรากลับต้องคิด คิด และคิด ในการเรียนทุกวิชา โดยที่ไม่รู้เลยว่า วิธีการคิดของเรานั้น ถูกต้อง หรือเหมาะสมหรือไม่

นักวิชาการเรื่องของทักษะการคิดที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลกเลยก็คือ Edward De Bono ซึ่งได้วางแนวทางและวิธีการคิดให้กับชาวโลก และเป็นผู้ให้กำเนิดคำว่า Lateral Thinking หรือการคิดนอกกรอบ ก็พยายามสอนให้คนเรารู้จักวิธีคิดที่เหมาะสม และคิดได้มากขึ้น หลากหลายขึ้น


ปกติเป้าหมาของการคิด ก็คือ การทำให้สุดท้ายแล้วไม่ต้องคิด

แปลกดีใช่ไหมค่ะ สมองคนเรานั้นจะคิดครั้งแรก จากนั้นก็จะแปรความคิดนั้นเป็นการรับรู้ และเป็นกรอบความคิด

ซึ่งเมื่อพบกับเหตุการณ์แบบเดิมอีก สมองก็จะไปดึงเอากรอบนั้นมาใช้ได้เลย โดยไม่ต้องคิดใหม่


ตัวอย่างก็คือ เวลาเราขับรถมาทำงาน เราเคยถามตัวเองว่า เราคิดใหม่หรือเปล่า เราไม่เปลี่ยนเส้นทางใหม่ เราจะไม่ได้คิดใหม่เลย มันเป็น Pattern ของมันปกติ เราจะรู้เลยว่า ข้างหน้าจะมีหลุมนะ จะมีถนนขรุขระ และมีจุดกลับรถที่เราต้องหลบ เราจะขับอย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องคิดอะไรเลย นี่ก็คือกรอบความคิดที่เป็นตัวอย่างหนึ่ง และ คนเราจะมีกรอบความคิดแบบนี้เยอะแยะมากมายในสมองของเรา

เมื่อไรที่เราประสบกับเหตุการณ์ที่เคยประสบมาก่อน หรือมีปัญหาที่เคยแก้ไขได้มาก่อนแล้ว สมองเราก็จะดึงเอากรอบความคิดเดิมๆ ออกมาใช้ ซึ่งนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้เราไม่คิดอะไรใหม่ๆ และมักจะอ้างว่า นี่คือวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วอาจจะมีวิธีการอื่นมากกว่านี้ก็ได้


ลองพิจารณาสมการสองอันนี้นะค่ะว่า สองสมการนี้มีความแตกต่างกันหรือไม่ค่ะ
5 + 5 = 10

10 = 5 + 5


ท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้คงจะเห็นได้ว่า ถ้าเราดูเผินๆ ก็คือเหมือนกัน นี่คือกรอบความคิดเดิมๆ


แต่จริงๆ แล้วบรรทัดล่างที่เป็น 10 = 5 + 5
นั้นแสดงให้เราเห็นถึงทางเลือกที่มากขึ้น จากกรอบความคิดเดิมๆ


เพราะว่า 10 ไม่ใช่แค่ 5+5 อาจจะเป็น 4+6 หรือ 2+8 หรือ 2×5 ฯลฯ


นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่า Lateral Thinking ก็คือคิดหาทางอื่นๆ ที่สามารถสร้างผลได้เช่นกัน


ตัวอย่างของ Lateral thinking ที่เห็นชัดมากๆ และเราเชื่อว่าหลายท่านอาจจะเคยอ่าน หรือเคยพบมาก่อนก็ได้ก็คือ


ตัวอยางที่ 1

มีเรื่องของมีคนบ่นวาทำไม ลิฟท์ช้ามาก จะขึ้นไปชั้นที่ 24 ใช้เวลานานมาก อยากให้เจ้าของสถานที่ปรับปรุง

ถ้าเราเป็นเจ้าของอาคารสถานที่ เรามีวิธีคิดก็คือเราก็จะพยายามหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามา หรือไม่ก็ทำการเปลี่ยนลิฟท์ใหม่เสียเลย

แต่ถ้าท่านเป็นเจ้าของอาคาร และอยากคิดนอกกรอบที่นอกเหนือจากความคิดนี้ ท่านจะทำอย่างไรคะ

คำตอบก็คือ (ลองฝึกทักษะในการคิดนะคะ)

..........................................................................
..........................................................................

จะเห็นว่าความคิดนอกกรอบเกิดขึ้นได้มากมายใช่ไหมคะ


ตัวอย่างที่ 2

เป็นเรื่องขององค์การนาซ่า ที่นักบินอวกาศไม่สามารถใช้ปากกาหมึกแห้งเขียนได้ในอวกาศ ซึ่งเป็นปัญหาเรื่องของการบันทึกข้อความระหว่างที่อยู่บนอวกาศ

ถ้าเป็นความคิดในกรอบเดิมก็คือ เราจะพยายามคิดค้นหาส่วนผสมของหมึกที่สามารถใช้ในอวกาศได้ ทดลองเท่าไรก็ไม่ได้

ถ้าเป็นท่าน ท่านคิดว่าจะแก้ปัญหาในการจดบันทึกนี้ได้อย่างไรคะ

คำตอบก็คือ (ลองฝึกทักษะในการคิดนะคะ)

...................................................................................
...................................................................................



ตัวอย่างที่ 3 เป็นเรื่องราวให้ลองฝึกคิดดูนะค่ะ
มีนักโทษประหารคนหนึ่ง ซึ่งได้รับการตัดสินประหารชีวิต ซึ่งผู้พิพากษาก็ให้เลือกวิธีการตายของตัวเอง โดยมีอยู่ 3 ห้องให้เลือก ก็คือ

ห้องที่หนึ่ง เป็นห้องชุมนุมของนักฆ่ามืออาชีพจำนวน 5 คน
ห้องที่สอง เป็นห้องของนักวางยาพิษซึ่งจะทำให้ตายโดยไม่รู้ตัวได้
ห้องที่สาม เป็นห้องของฝูงเสือโคร่งใหญ่ที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาเป็นเวลา 1 ปี
แล้ว นักโทษคนนี้ควรจะเลือกห้องใด ที่จะทำให้ตนเองมีโอกาสรอดได้มากที่สุด


ท่านลองตอบด้วยตัวเองดูนะคะ

............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................


สิ่งที่ท่านได้อ่านมาถึงบรรทัดนี้ ก็คือ
ตัวอย่างของการคิดแบบ Lateral Thinking ก็คือพยายามไม่คิดตามกรอบความคิดเดิมๆ ที่เรามีอยู่ แต่ให้คิดออกจากกรอบให้ได้ ซึ่งต้องอาศัยการฝึกฝนพอสมควรเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น