เรื่องผีหอพักกลับมาอีกครั้ง เพราะ ศิษย์เก่าที่เคยศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยดังทางภาคเหนือได้ส่งเรื่องราวที่เจ้าตัวบอกว่าน่ากลัวกว่า เรื่องผีของเด็กหอย่านรังสิต ที่เราเคยนำเสนอไปแล้ว และอดีตนักศึกษาคนดังกล่าว ชื่อแอ้ สุภา จักรเพชร คือศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ว่า
แอ้บอกเธอเรียนจบมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว หลังจากเรียนจบก็มาทำงานที่กรุงเทพฯ ก็ไม่ค่อยได้เจอกับเพื่อนที่ต้องอาศัยหอพักสมัยเรียนด้วยกัน “เวลาคิดถึงเพื่อนๆ และบรรยากาศเก่าๆ สมัยเรียนก็อดยิ้มไม่ได้ทุกที”
“โดยเฉพาะเรื่องผีๆ ของเด็กหอที่เนี่ย ฮิตสุดเลย ไม่ว่าจะไปถามนักศึกษาคนไหนรับรองได้ว่าต้องรู้กิตติศัพท์ของหอพักที่นี่ดีทุกคน หอที่ว่านี้เป็นหอพักในมหาวิทยาลัย หอแบ่งออกเป็นตึกนักศึกษาชายและตึกนักศึกษาหญิง มีกี่ชั้นแอ้จำไม่ได้แล้ว ส่วนสภาพของห้องนั้น ก็เหมือนหอพักนักศึกษาทั่วๆ ไป ห้องหนึ่งพักได้ 4 คน มีตู้และโต๊ะเขียนหนังสือให้แต่ละคน ส่วนห้องน้ำเป็นห้องรวมที่ต้องใช้ร่วมกัน ซึ่งนักศึกษาปี1 ที่มาเรียนที่นี่ต้องอยู่หอในทุกคน”
จากนั้นแอ้เริ่มเล่าถึงเหตุการณ์สยองขวัญที่เกิดขึ้นกับเธอและเพื่อนๆ ถึงครั้งตอนที่เธอพักอยู่หอพักดังกล่าวช่วงเข้าเรียนปี 1 ใหม่ๆ
“เรื่องผี เรื่องแรกของหอพักที่จะเล่าเนี่ยมันเกิดขึ้นกับเพื่อนคนหนึ่งที่เรียนคณะเดียวกับแอ้ เขาชื่อว่า “เอก” ปกติแล้วเขาไม่ค่อยสนใจเรื่องผีๆ เท่าไหร่ ประมาณว่าใครเล่าก็ฟัง แต่ถ้าถามว่าเอกเชื่อไหม เอกมักจะบอกกับเพื่อนๆ ว่าเรื่องพวกนี้มันไร้สาระ แต่หลังจากนั้น 2 วันคำพูดของเอกนั้นก็เปลี่ยนไป”
แอ้บอกว่าเอกมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังว่าตามปกติแล้วหอพักชายจะนอนกันดึกมาก ประมาณตี 2 ตี 3
“คืนนั้นตี 3 แล้ว เอกเขาบอกเขาแยกย้ายกันกับเพื่อนๆ เข้าที่นอนของใครของมัน เพราะกลัวว่าพรุ่งนี้จะตื่นไปเรียนสาย แต่ทีนี้เอกเขานอนไม่หลับสิ ก็เลยเวลานอนมานานแล้วนี่จะทำยังไง เอกก็ไม่หลับเสียที จนกระทั่งเสียงนาฬิกาบอกเวลาตี 4 แล้วเขาข่มตายังไงก็ไม่หลับ คนเราเวลานอนไม่หลับเนี่ยก็จะลืมตาขึ้นมาก็เป็นอย่างนี้กันทุกคนใช่ไหม แต่ทีนี้พอเอกลืมตาเขาเห็นสิ่งผิดสังเกตที่ปลายเท้าเขา เอกพยายามเพ่งสายตาไปมอง ปรากฎว่าเอกเห็นเป็นร่างคนมานั่งอยู่ข้างๆ พัดลม”
“ที่เขาเห็นน่ะเอกบอกเป็นเด็กนั่งกอดเข่าอยู่ ตอนแรกเขาก็นึกว่าตาฝาดหรือเปล่า ก็ขยี้ตาหลายครั้ง แต่ก็ยังเห็นเหมือนเดิมเป็นเด็กผู้ชาย เขาบอกว่าพยายามตะโกนเรียกเพื่อนๆ ที่อยู่ในห้อง แต่ไม่มีใครตื่นเลย เหมือนกับไม่ได้ยินอย่างนั้นล่ะ ครั้นจะลุกขึ้นก็เรียกก็ลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้”
แน่นอน อาการแบบนี้เป็นใคร ก็ต้องนึกแล้วว่า โดนผีอำแหงๆ เอกก็เลยใช้วิธีสวดมนต์ ไม่รู้ว่ากี่บทต่อกี่บท เจ้าเด็กที่นั่งกอดเข่าก็ไม่มีวี่แววว่าจะหายไป
“เอกเขาบอกว่าทำยังไงๆ เด็กคนนั้นก็ไม่หายหน้าไป เขาก็เลยปิดตาให้แน่นสนิทเลย เพื่อไม่ให้เห็นเด็กคนนั้นไง เขาบอกหัวใจเขาเนี่ยเต้นตุ๊บๆ เลย กลัวว่าเด็กคนนั้นมันก็ลุกขึ้นมาหา”
พอเสียงนาฬิกาบอกเวลาตี5 ก็ใกล้เวลาฟ้าสางแล้ว เอกก็เลยลืมตาขึ้นมา ในใจหวังว่าคงไม่ต้องเห็นภาพอะไรอีก แต่เมื่อเอกลืมตาขึ้น ร่างของเด็กคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้หายไปไหน
“จากความกลัวเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ตอนนั้นมันกลายเป็นความเครียดเลย ในใจเขาคงคิดนะว่าเขาต้องเห็นเด็กคนนี้ไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย เอกก็ต้องข่มตาลงอีกรอบ แต่ด้วยความที่เอกอดหลับอดนอนมาทั้งคืนไง เลยทำให้เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้สึกตัว”
เอกเล่าให้แอ้ฟังว่าพอ 8 โมงเช้า เพื่อนตัวแสบทั้ง 3 ก็ลุกจากเตียง มาปลุกเอกให้ตื่นไปอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน โดยไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนบ้าง
“เขาบอกแอ้นะว่าพอได้ยินเสียงเพื่อนปลุกนะ เอกยังไม่กล้าลืมตาเลย กลัวจะเจอภาพแบบเดิมอีก พอเพื่อนมันเห็นว่าเอกไม่ยอมตื่นแน่ๆ มันตั้งท่าจะรุมอัด เอกเลยยอมลืมตาขึ้น โชคดีที่ไม่มีเด็กคนนั้นนั่งอยู่อีกแล้ว พอเขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนๆ ฟัง เพื่อนเองก็ตกใจกลัวกันมาก แต่ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้เลยว่าเด็กคนนั้นคือใคร แล้วมานั่งตรงนั้นเพื่ออะไร เรื่องของเขาก็กลายเป็นที่โจษจันไปทั้งหออยู่ระยะหนึ่ง”
นี่เป็นแค่เรื่องแรก ที่เรานำมาเรียกน้ำย่อยเท่านั้น ยังมีเรื่องสยองขวัญที่เกิดขึ้นในหอพักแห่งนี้อีกมากมาย
ภาคสองของเรื่องผีหอพัก สาวแอ้ สุภา ศิษย์เก่าจากมหา'ลัยดัง ภาคเหนือ เธอได้ถ่ายทอดประสบการณ์เขย่าขวัญของนายเอก เพื่อนร่วมรุ่นของเธอเล่าให้ฟังไปแล้ว ถึงคราวฟังเรื่องผีๆ ของสาวแอ้เธอดูบ้าง...
“หอนี้เค้าเจอกันบ่อย จนชินแล้วหล่ะ แอ้เองก็เคยโดนกับตัวเองเหมือนกัน ตอนนั้นเพิ่งเข้าปีหนึ่งใหม่ๆ เลย ก็โดนเจ้าของที่รับน้องเสียแล้ว”
หอในที่แอ้พูดถึงนี้ เขาเรียกกันว่า "หอแปด" แต่น่าเสียดายที่เธอจำไม่ได้ว่ามีกี่ชั้น แต่สำหรับเหตุการณ์เขย่าขวัญที่แอ้เจอนั้น อยู่ที่ชั้น 3 ห้อง 307 ซึ่งเป็นห้องพักของเธอในตอนนั้น
“คือแอ้กับเพื่อนพักอยู่ห้อง 307 แล้วหอที่นี่เค้าจะประมาณว่า ใช้ตู้เสื้อผ้ากั้นเป็นผนังห้องแทน ส่วนห้องนอนก็จะมีเตียงสองชั้น และโต๊ะเขียนหนังสือจำนวน 4 ชุด คงพอจะนึกภาพกันออกนะ หลังจากต้องมาใช้ชีวิตอยู่ที่หอนี้กับเพื่อนๆ แอ้จำได้เลยวันแรกที่เข้าเนี่ย ก็ได้ยินเรื่องผีๆ ของหอนี้แล้ว”
“จะว่าไปแล้วกิจกรรมเล่าเรื่องกับเด็กหอเนี่ยเป็นของคู่กันอยู่แล้ว ตกดึกทีไรก็ต้องจับกลุ่มกันเล่าเรื่องผีทุกคืน ตอนเล่าหน่ะไม่เป็นไรหรอก เพราะอยู่กันเยอะ แต่พอถึงเวลานอนสิมันเหลืออยู่แค่ 4 คน แอ้กับเพื่อนๆ เลยลากฟูกจากเตียงลงมานอนกองรวมกันที่กลางห้อง เพื่อสร้างความอุ่นใจจากความกลัวกันแทบทุกคืนเหมือนกัน”
หลังจากที่แอ้ฟังเรื่องเล่าจากเพื่อนคนอื่นๆ มานาน คราวนี้แอ้ก็มีประสบการณ์ของตัวเองไว้เล่าให้เพื่อนฟังแล้ว
“วันนั้นเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งของแอ้ เค้ากลับมาจากบ้านที่จังหวัดนครปฐม เครื่องมาลงที่สนามบินตอนประมาณตี 4 จึงทำให้เพื่อนอีกสองคนต้องไปรอรับ เพราะกลัวจะอันตราย ช่วงใกล้สว่างวันนั้นแอ้เลยต้องนอนอยู่ในห้องคนเดียว ซึ่งตอนที่เพื่อนๆ ออกไปนั้น แอ้ก็รู้สึกตัวนะ แต่ก็ขี้เกียจลืมตาขึ้นมามอง กลัวว่าจะนอนไม่หลับ แต่แล้วแอ้ก็ต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจ้องเราอยู่ แอ้เลยตัดสินใจลืมตาขึ้นมาดู ภาพที่แอ้เห็นคือ ผู้หญิงคนหนึ่ง ยืนหันหลังส่องกระจกอยู่ตรงปลายเท้าที่นอนของแอ้เลย”
“แอ้ไม่ได้ฝันหรือเมาขี้ตานะ เพราะลืมตามาทีไร เค้าก็ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน แอ้จำได้ติดตาเลย ผมเค้าจะสั้นๆ ยืนหันหน้าเข้ากระจก เงาที่สะท้อนออกมาทำให้แอ้จำหน้าเค้าได้ชัดเจน และน่าแปลกตรงที่เค้าก็ยืนมองเราเฉย ๆ ไม่ได้หลอกหรือทำหน้าน่ากลัวอะไรใส่เรา แต่แค่นี้แอ้ก็กลัวจนขนหัวลุกแล้ว แอ้ก็ได้แต่นอนนิ่งๆ เหมือนประมาณว่า โดนอำด้วยหล่ะ เพราะเราเหมือนขยับไม่ได้เลย ทำให้แค่หลับตา ลืมตา เท่านั้น"
"ความรู้สึกตอนนั้นอย่าให้บอกเลย ทั้งกลัว ทั้งหลอน ในใจได้แต่ภาวนาให้ร่างของผู้หญิงคนนี้หายไปเสียที เวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ ที่แอ้ต้องทนนอนดูร่างผู้หญิงคนนี้ยืนมองเราอยู่ สักพักเมื่อมีเสียงไก่ขัน บอกสัญญาณยามเช้า ภาพของผู้หญิงคนนั้นก็ค่อยจางหายไป ต่อหน้าต่อตาแอ้เลย”
หลังจากที่ภาพของหญิงสาวคนนั้นจางหายไป แอ้จึงรีบรวบรวมสติที่เหลืออยู่วิ่งไปห้องรุ่นพี่ที่ดูแลหอพักทันที เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่เธอประสบมาเมื่อสักครู่
“แอ้รีบวิ่งไปเล่าให้รุ่นพี่ฟัง ซึ่งเค้าอยู่ห้องติดกับแอ้ คือ ห้อง 308 พอแอ้เล่าให้พี่เค้าฟังจบนะ พี่เค้าบอกว่า เขาก็เคยเจอเหมือนกับแอ้เลย ที่นี้แอ้เริ่มแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่แอ้เห็นเป็นเรื่องจริงๆ อย่างแน่นอน หลังจากเรียนช่วงเช้าวันนั้นเสร็จ แอ้กับรีบชวนเพื่อนไปทำสังฆทานอุทิศส่วนกุศลให้ผู้หญิงคนนั้นทันทีเลย”
“ไม่ใช่ว่าห้องแอ้กับห้องรุ่นพี่จะเจอกันอยู่แค่สองห้องนะ ห้อง 303 ก็มีเหมือนกัน เพื่อนที่พักอยู่ห้องนั้นเล่าให้ฟังว่า ที่หน้าประตูห้องเค้ามีตะปูตอกไว้ ซึ่งถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตะปูนั่น มันหมายถึงอะไร แต่ไม่นานคำตอบก็ปรากฏขึ้น เมื่อคืนวันหนึ่ง ขณะที่ทุกคนแยกย้ายกันเข้าห้องนอน เพื่อนห้อง 303 นี้ก็อารมณ์เดียวกับห้องแอ้นั่นหล่ะ คือ ลากฟูกลงมานอนรวมกันที่พื้นห้อง นอนเรียงกัน 4 คน แล้วคนที่นอนอยู่ริมสุดเนี่ยจะต้องนอนติดกับโต๊ะเขียนหนังสือ"
"แต่พอปิดไฟนอนเท่านั้นหล่ะ ไอ้เพื่อนคนที่นอนคนสุดท้ายมันดันนอนไม่หลับ พลิกไปด้านซ้ายก็เจอเพื่อน พลิกมาด้านขวาก็เจอเก้าอี้ ตอนนั้นแอ้ว่ามันคงจะรู้สึกอึดอันน่าดู แต่แล้วช่วงจังหวะหนึ่งขณะที่มันหันมาทางเก้าอี้นั้น มันก็ได้เจอร่างผู้หญิงคนหนึ่งนั่งหันหลังอยู่บนเก้าอี้ ใส่ชุดสีขาว ผมยาว ค่อยๆหันหน้ามาหามัน หน้าเนี่ยเละ แบบสุดๆ เชื่อไหม มันถึงกับช็อคร้องกรี๊ดแทบลั่นหอเลย ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือว่าดังเหมือนกันของที่หอนี้"
ชิมรางกันไปถึงสองเรื่องแล้ว สำหรับความเฮี้ยนของหอพักแห่งนี้ เราจะเล่าถึงต้นเหตุของความเฮี้ยนของ
หอพักแห่งนี้ให้ฟังกัน
หลังจากที่เพื่อนๆ ได้ฟังเรื่องราวลี้ลับที่เกิดขึ้นกับเด็กหอมหาวิทยาลัยดังของจังหวัดเชียงใหม่ไปแล้วถึงสองภาค มาคราวนี้ก่อนที่จะฟังสาวแอ้ สุภา จักรเพชร ผู้ถ่ายทอดประสบการณ์สยองคนเดิมไขปริศนาของความลี้ลับต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น เรามาฟังเหตุการณ์ที่สยองเรื่องสุดท้ายกันก่อนดีกว่า
“เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนสนิทแอ้เอง เค้าชื่อไก่ ซึ่งไก่เนี่ยปกติเค้าเป็นคนแข็งแรง แถมเป็นนักกีฬาเสียด้วย เรื่องของสุขภาพไม่ต้องพูดถึง สำหรับไก่แล้วเต็มร้อย แต่หลังจากที่ไก่มาเรียนที่นี่ได้สักพัก เพื่อนๆ ก็เริ่มสังเกตเห็นว่าไก่ป่วยบ่อยขึ้น แถมร่างกายก็อ่อนแอลง มักจะหน้ามืดเป็นลมอยู่บ่อยๆ”
“ซึ่งพอเราพาไก่ไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอก็บอกว่าไก่ไม่ได้เป็นอะไร แค่อ่อนเพลียเล็กน้อย พักผ่อนมากๆ ก็หายเป็นปกติ แหมคุณหมอวินิจฉัยออกมาว่าไม่เป็นอะไร เป็นใครจะไม่เชื่อ....แต่พอไก่เล่าว่า ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่หอนี้ เค้ามักจะฝันว่ามีคนแก่ มาหาแล้วจะเอาไปเค้าอยู่ด้วยตลอดเนี่ยสิ ความคิดของแอ้และเพื่อนๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไป”
อาการป่วยแบบไร้สาเหตุของไก่สร้างความประหลาดใจให้กับเพื่อนๆ มาก จนในที่สุดอาการป่วยไก่ก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ขึ้น ถึงขั้นพูดจาเพ้อเจ้อ ควบคุมสติไม่ได้
“มีอยู่วันหนึ่ง ตอนนั้นประมาณ 3 - 4 ทุ่มได้แล้ว หลังจากกลับจากเรียนไก่ก็เกิดอาการหน้ามืดลมเหมือนกับทุกวันอีก เพื่อนๆ ก็พากลับขึ้นมานอนพักที่ห้องตามปกติ แต่คืนนี้มันไม่ธรรมดาเหมือนทุกครั้งเสียแล้ว ไก่อาการหนักขึ้นมาก ถึงขนาดจับไข้ ตัวร้อน เพื่อนๆ เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ได้สติ ปากก็เพ้อถึงคนแก่ที่ไก่ชอบฝันถึงอยู่บ่อย ๆ แอ้จำได้ว่าคืนนั้นวุ่นวายไปหมด รุ่นพี่ที่รับผิดชอบดูแลหอก็พลอยตกใจไปด้วย ไม่รู้ว่าจะช่วยไก่ได้อย่างไร”
“หลังจากที่เพื่อนๆ พยายามเขย่าตัวเรียกไก่ให้ได้สติขึ้นมา ก็ไม่เป็นผล สักพักไก่ก็ร้องเรียกหา ผึ้ง (เพื่อนสนิทของไก่) เข้ามาหา ไก่บอกว่า ให้ผึ้งช่วยไปไล่คนที่อยู่หน้าหอให้ที เค้าจะมาเอาไก่ไปอยู่ด้วย”
ผึ้ง รีบเข้ามาหาเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง และพูดคุยถามจนได้ความว่า “มีผู้ชายยืนรออยู่ข้างล่างตรงหอ เค้าบังคับให้ไก่ไปอยู่กับเค้าด้วย ไก่จึงอยากให้ผึ้งลงมาช่วยเรียกวิญญาณไก่ขึ้นมาที”
ซึ่งหอพักนี้ จะเป็นหอรูปยูไง ตรงกลางโหว่มองเห็นข้างล่างได้ ระหว่างที่ผึ้งวิ่งลงไปข้างล่างตามที่ไก่บอก เพื่อนกลุ่มหนึ่งก็อยู่เฝ้าดูอาการไก่อยู่ในห้อง ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็ชโงกดูผึ้งอยู่หน้าระเบียง คอยให้กำลังใจ
สักพักไก่ก็เพ้อขึ้นว่า “เห็นผึ้งแล้ว ผึ้งอยู่ตรงบันได แต่เข้าไปหาผึ้งไม่ได้ มีคนดึงเค้าไว้” ทุกคนขนลุกซู่ ไก่รู้ได้อย่างไรว่าผึ้งยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ หรือว่า วิญญาณของไก่อยู่ด้านล่างนั่น
จากนั้นเพื่อนๆ ตรงระเบียงให้สัญญาณกับผึ้งว่าไก่เห็นผึ้งแล้ว ผึ้งเรียกชื่อไก่ พร้อมออกคำสั่งให้ไก่ตามขึ้นหอมาเดี๋ยวนี้ แล้วผึ้งก็รีบวิ่งขึ้นบนหอพักทันทีด้วยความกลัว ส่วนด้านในห้องพักนั้นเสียงเพ้อของไก่สงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ เหลือแต่เพียงเสียงลมหายใจเหนื่อยหอบของไก่เท่านั้น
“พอผึ้งวิ่งมาถึงห้องนะ มันรีบเขย่าตัวเรียกไก่เลย เชื่อไหม ไก่มันกลับลืมตาได้สติขึ้นมาซะเฉยๆ พร้อมพูดเบา ขอบคุณที่ผึ้งช่วยชีวิตมันเอาไว้ ก่อนที่จะหลับไป”
พอรุ่งเช้าอาการของไก่ก็กลับมาเป็นปกติ เพื่อนๆ จึงอดสังสัยไม่ได้ที่จะถามหาเหตุผลของเหตุการณ์เมื่อคืนนี้
“ไก่เล่าว่า ตอนใกล้ค่ำเมื่อวานไก่ออกมายืนตากลมที่หน้าระเบียง พอมองไปที่ศาลร้างข้างๆ สะพานข้ามมาหอพัก ไก่เห็นเป็นผู้ชายแก่ๆ ยืนหันหน้ามามองเค้า ซึ่งไก่จำได้ว่าเป็นคนที่เค้าฝันเห็นอยู่บ่อยๆ ด้วยความกลัวไก่จึงรีบกลับเข้าห้องพัก และตั้งแต่นั้นไม่ว่าไก่จะมองไปทางไหนก็เห็นภาพชายคนนั้นอยู่ตลอดเวลา”
หลังจากที่เหตุการณ์ร้ายๆ ในคืนนั้นผ่านไป เพื่อนๆ ก็พาไก่ไปทำบุญที่วัดใกล้มหาวิทยาลัย พอไปถึงวัดพระท่านก็พรมน้ำมนต์ให้ และบอกว่า คนแก่ ๆ คนนี้เป็นเจ้ากรรมนายเวรของไก่ ที่ตามมาเจอกันที่นี่ จึงทำให้ไก่ป่วยอยู่เรื่อยๆ พระท่านแนะนำให้ไก่ทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลให้ชายคนนั้นบ่อยๆ เชื่อหรือไม่... เมื่อไก่ทำตามคำแนะนำนั้น อาการป่วยที่ไร้สาเหตุของไก่ก็หายเป็นปกติเลย จนถึงทุกวันนี้
หลังจากแอ้เล่าประสบการณ์ลี้ลับส่วนตัวเรื่องสุดท้ายจบลง เธอก็ไม่รีรอบอกถึงข้อสันนิษฐานที่เด็กหอของที่นี้เชื่อถือกันต่อทันที
“เหตุที่นักศึกษาหลายคนที่พักอยู่พักแห่งนี้ มักจะพบเจอกับเหตุการณ์แปลกๆ อยู่ตลอดเวลานั้น ก็เพราะเมื่อหลายปีก่อนที่บริเวณนี้ เป็นป่ารกร้าง ไม่มีใครเดินผ่าน หรือถ้าจะมาก็ต้องเดินข้ามสะพานเล็กๆ ข้ามคูน้ำ ประจวบเหมาะกับบริเวณข้างสะพานนั้นมีศาลไม้หลังเล็กๆ ตั้งอยู่ หลายคนจึงไม่ค่อยกล้าข้ามสักเท่าไหร่ ซึ่งหลายคนเรียกสะพานนั้นติดปากว่า “สะพานมรณะ”
“หลังจากทางมหาวิทยาลัยมีโครงการสร้างหอพักนักศึกษาหญิงเพิ่มขึ้น ที่ตรงนั้นจึงไม่ต้องกลายเป็นที่รกร้างอีกต่อไป ซึ่งแอ้เองก็โชคดี ได้อยู่หอนี้กับเค้าด้วย ปัจจุบันนี้ศาลร้างหลังนั้นก็ยังอยู่เคียงคู่กับสะพานมรณะ ที่เหล่าเด็กหอต้องเดินข้ามไปมาอยู่ทุกวัน จึงเหมือนเป็นการลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลหลังนั้น จึงมักมีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นในหอพักนี้อยู่เสมอๆ ”
และนี่เป็นเพียงแค่คำสันนิษฐานจากปากเด็กหอที่นั้นเท่านั้น ความจริงของเหตุการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นนั้นจะมาจากสาเหตุใด จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครหาข้อพิสูจน์ได้สักที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น