กลับมาอีกแล้วกับเรื่องราวลี้ลับ ของเหล่าสถาบันการศึกษา คราวนี้ เราย้ายทำเลไปแถวย่านบางเขนบ้าง ซึ่งเราได้ หนุ่มไฟแรง ใหม่-สิทธา เลิศศรีมงคล ที่ก้าวมาจากเวทีการประกวด มิสเตอร์ยูนิเวอร์ซิตี้ จนได้หลายคนรู้จักเขาเป็นอย่างดี ในภาพยนตร์แนวคอมมิวดี้ เรื่อง ชื่อชอบ..ชวนหาเรื่อง ซึ่งนายใหม่ บอกเราว่า เรื่องที่เขาจะเล่าต่อไปนี้ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ของเหล่าเด็กคณะวิศวะฯ ของที่นี่ ซึ่งไม่ว่าจะไปถามใคร ก็ย่อมรู้กิตติศัพท์ความอาถรรพ์เป็นอย่างดี
อย่างที่ทราบกันดีแล้วว่านายใหม่ เพิ่งเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเป็นบัณฑิตจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ไปเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ อดีตศิษย์เก่าอย่างนายใหม่ จึงขอเล่าเรื่องลี้ลับ เพื่อเป็นการรำลึกถึงความทรงจำในวัยเรียนกันสักหน่อย
ไม่รอช้า นายใหม่ ตั้งท่าเริ่มเล่าถึงเหตุการณ์นั้นๆ ทันที “เรื่องลี้ลับที่มหาวิทยาลัยผม ต้องยกให้เรื่องเกี่ยวกับตึกวิศวะเลยครับ ซึ่งจากคำบอกเล่าต่อๆ กันมา ก็คือ ตึกวิศวะทุกตึกจะมีคนตาย ซึ่งนิสิตทุกคนจะทราบกิตติศัพท์กันเป็นอย่างดี เป็นตึกที่เฮี้ยนที่สุดก็ว่าได้”
“เมื่อก่อนนี้ตึกเขาจะเปิดให้เด็กอยู่อ่านหนังสือกันได้ เด็กวิศวะส่วนใหญ่ก็เลยอยู่อ่านหนังสือกันจนดึกจนดื่น บางคนอยู่ถึงเช้าก็มี ไอ้พวกที่อยู่กันดึกๆ ส่วนใหญ่ก็เจอดีกันทั้งนั้น ตึกที่ว่านี้สูงประมาณ 7-8 ชั้น พอมืด คนจะไม่ค่อยเดินผ่านกันเท่าไหร่นัก วันนั้นเพื่อนผมมันอ่านหนังสืออยู่จนดึก พอคนอื่นเริ่มทยอยกลับบ้านกัน มันก็เลยไม่อยากอยู่ต่อแล้ว พอระหว่างที่เดินกลับนั้นต้องผ่านหน้าตึกนี้ด้วย มันรู้สึกว่าเหมือนมีคนยืนอยู่ที่ยอดตึก มันก็เงยหน้าขึ้นไปมอง มันก็เห็นเหมือนมีเงาคนยืนอยู่บนนั้นจริงๆ ซึ่งความมืดบวกกับแสงไฟหลอดเล็กๆ จึงทำให้มันไม่ติดใจอะไร คิดว่าตาคงจะลายนึกเป็นภาพไปเอง มันจึงเดินหน้าต่อไป สักพักได้ยินเสียงหล่น ดังตุ๊บ...ซึ่งมันเล่าว่าดังเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างใหญ่ๆ ตกลงมาบนพื้นด้านหลังของมัน อารมณ์นั้นมันไม่กล้าที่จะหันหลังไปมองว่าคืออะไร... โกยแน่บอย่างเดียวเลยครับ
บางคนก็เล่าว่า มักจะเห็นเป็นรูปร่างคนยืนอยู่บนยอดตึกเลย เหมือนกำลังก้มมองมาด้านล่างเฉยๆ ซึ่งมันก็ไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนขึ้นไปบนดาดฟ้าของตึกได้ เพราะเขาห้ามขึ้นไปด้านบนนั้นตั้งนานแล้ว อีกอย่างยามก็เอากุญแจมาล๊อคปิดประตูทางขึ้นไว้ ไม่มีใครสามารถขึ้นไปยืนตรงนั้นได้แน่นอน
แต่ก็มีบางคนที่ไม่เคยเห็นเหตุการณ์แปลกๆ บนยอดตึกนี้ก็มี เขาเล่าให้ฟังว่า เวลามานั่งอ่านหนังสือบนตึกนี้ ก็รู้สึกว่าเหมือนคนเดินผ่านไป ผ่านมาที่หน้าประตูห้องประจำ วันนั้นเขานั่งกันอยู่กลุ่มใหญ่ เพื่อนคนหนึ่งลุกออกไปเข้าห้องน้ำ สักพักกลุ่มเพื่อนที่นั่งอ่านหนังสือกัน ก็เห็นเหมือนมีคนเดินผ่านหน้าห้องไป ซึ่งเขานึกว่าเป็นเพื่อนที่ลุกไปเข้าห้องน้ำเมื่อสักครู่ แต่พอเพื่อนคนนั้นกลับมา เขาก็บอกว่า เขาไปอีกทางหนึ่ง ไม่ได้เดินไปทางนั้นเลย ซึ่งช่วงนั้นก็มีกลุ่มเขาอยู่กลุ่มเดียวที่นั่งอ่านหนังสือกันอยู่ที่ชั้นนี้ แล้วใครกัน...ที่เดินผ่านไปเมื่อครู่นี้
จากคำบอกเล่าจากรุ่นพี่หลายๆ รุ่น เขาเล่ากันว่า มีนิสิตคนหนึ่งเคยกระโดดตึกนี้ลงมาตาย เพราะมีปัญหาเรื่องเรียน กำลังจะถูกให้ออกจากมหา'ลัยอะไรประมาณนั้น เลยตัดสินใจคิดสั้นโดดตึกฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหา ความเฮี้ยนของตึกนี้ ทางคณะจึงมีการทำบุญที่ตึกแทบทุกปี
แต่ความน่ากลัวก็ไม่ได้หมดแค่นั้น ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมขอเรียกว่า เป็นความอาถรรพ์ของคณะนี้แล้วกัน เขาว่ากันว่าเมื่อครบรอบ 1 ปีจะมีเด็กวิศวะของที่นี่ได้รับประสบอุบัติเหตุอย่างหนักทุกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ผมค่อนข้างเชื่อนะ เพราะว่า ตั้งแต่ผมเรียนที่นี่มา 4 ปี ก็มีเหตุเกิดขึ้นกับเด็กวิศวะที่นีทุกปีเลย บางปีเดินข้ามถนนก็ถูกรถชนตายเฉยเลย บางปีเด็กเขานั่งเล่นอยู่บนระเบียงหอพัก แล้วก็ตกลงมาซะอย่างนั้น แต่คนนี้ไม่ถึงตายแต่ก็อาการสาหัส ซึ่งหลายคนก็หาคำตอบไม่ได้ว่ามันเกิดจากความบังเอิญหรือความอาถรรพ์ของคณะนี้กันแน่
แต่สำหรับตัวผมเอง ถ้าว่ากลัวไหม ผมไม่กลัวเท่าไหร่นะ แต่เกรงใจเขามากกว่า ถ้าจะเจอก็ขอให้มาแบบสภาพดี ถ้ามาแบบเละ ๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน จะว่าไปแล้วผมก็เคยเจอเหตุการณ์แปลกๆ ของตึกนี้เหมือนกัน แต่มันก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าเราเจอจริงๆ หรือตาฝาดกันแน่...
“วันนั้นผมอ่านหนังสืออยู่บนตึกนั้นจนดึกเหมือนกัน เวลาตอนนั้นประมาณ 2 ทุ่มได้มั้ง แม่ผมโทรมาตาม ผมก็เลยต้องขอเพื่อนกลับบ้านก่อน ช่วงที่ผมจะก้าวลงบันไดลงมา ตาผมมันเหลือบขึ้นไปมองบนคานด้านบน ผมเห็นเหมือนกับว่ามีคนนั่งอยู่บนนั้น ด้วยความตกใจเลยละสายตาลงมา ช่วงนั้นมันแว๊บเดียวจริงๆ... ด้วยความสงสัย พอตั้งสติได้ก็เหลือบตาขึ้นไปมองอีกที มันก็ไม่มีอะไรแล้ว คือ เรามั่นใจไงว่าเราเห็นจริง แต่ช่วงเวลามันสั้นมาก ตาของเรามันอาจหลอกไปเองก็ได้ ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก แค่รู้สึกขนลุกเล็กๆ เท่านั้น”
และนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวลี้ลับที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นพี่มาสู่รุ่นน้อง ซึ่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถหาข้อพิสูจน์เหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นเหล่านั้นได้ มันยังคงเป็นปริศนาให้กับเด็กวิศวะรุ่นต่อรุ่นได้ค้นหากันต่อๆ ไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น