18 ธ.ค. 2554

เมื่อภูมิแพ้กำเริบ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ สิ่งกระตุ้นเจ็ดอย่างต่อไปนี้อาจทำให้คุณมีอาการกำเริบหรือเกิดผลเสียต่อสุขภาพ มารู้จักสิ่งกระตุ้นเหล่านี้และแนวทางควบคุมจากผู้เชี่ยวชาญกันเถอะ



1. ยาปฏิชีวนะ


นี่คือสิ่งกระตุ้นอันดับหนึ่ง ปัญหาของยาปฏิชีวนะก็คือออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคอย่างไม่เลือกหน้า รวมถึง “เชื้อเจ้าบ้าน” ในร่างกายของเรา ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติโดยไม่ก่อให้เกิดโรค เช่น แบคทีเรียหลากชนิดในทางเดินอาหาร ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคแปลกปลอม หรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย เช่น ฝุ่น รังแค ละอองเกสร นอกจากยาปฏิชีวนะแล้ว ยาลดกรด ยายับยั้งการหลั่งกรด รวมถึงยาต้านการอักเสบ ยังมีฤทธิ์ทำลายภาวะสมดุลของแบคทีเรียในทางเดินอาหาร และเพิ่มความรุนแรงของอาการโรคภูมิแพ้

วิธีควบคุม

ศาสตราจารย์แกรี ฮัฟเนเกิลจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนกล่าวว่า “เมื่อยาปฏิชีวนะเข้าไปกำจัดโรคติดเชื้อในร่างกายจะทำให้เชื้อเจ้าบ้านถูกทำลายไปด้วย” แก้ไขได้ด้วยการกินโปรไบโอติกส์ หรือเชื้อจุลินทรีย์มีชีวิตที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งมีอยู่ในโยเกิร์ตหรือในรูปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โปรไบโอติกส์จะช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในทางเดินอาหารและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เคล็ดลับอีกประการที่ทำให้ลำไส้แข็งแรงและช่วยควบคุมโรคภูมิแพ้คือ การกินอาหารที่มีกากใยสูง ผัก และผลไม้



2. มลพิษในบ้าน

หากคุณพยายามอยู่แต่ในบ้านแล้วคิดว่าจะช่วยให้ห่างไกลจากอาการจามหรือคัดจมูกใช่ไหม ลองคิดดูใหม่ เพราะในบ้านมักเต็มไปด้วยมลพิษเช่น ฝุ่น ไรฝุ่น รังแคสัตว์เลี้ยง สปอร์เชื้อรา ควันจากการปรุงอาหาร รวมถึงละอองเกสรตามฤดูกาล ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งกระตุ้นอาการภูมิแพ้ ข้อมูลจากสำนักงานดูแลบ้านและสินเชื่อแคนาดา (CMHC) ระบุว่า บ้านที่มีอายุเกิน 25 ปีมักมีการระบายอากาศไม่ดี ทำให้มีมลพิษและสารระคายเคืองสะสมอยู่มาก บ้านเพิ่งสร้างหรือปรับปรุงใหม่ก็มีอากาศแย่เช่นกัน เพราะมีก๊าซสะสมหลายชนิดจากสารเคมีในสีทาบ้านและเฟอร์นิเจอร์

วิธีควบคุม

เครื่องฟอกอากาศชนิดเฮปา (HEPA-แผ่นกรองคุณภาพสูง) สามารถกรองฝุ่นชนิดละเอียด จึงช่วยลดมลพิษในห้องได้เป็นอย่างดี (หรือติดตั้งแผ่นกรองชนิดเฮปาเข้ากับเครื่องดูดอากาศที่มีอยู่แล้ว) หรือติดตั้งเครื่องจำกัดความชื้นในอากาศ เนื่องจากตัวไรฝุ่นชอบอากาศที่มีความชื้นสัมพัทธ์ประมาณร้อยละ 55 การลดความชื้นในบ้านทำให้ควบคุมสารก่อภูมิแพ้รวมถึงเชื้อราได้ดียิ่งขึ้น รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีสร้างอากาศสะอาดในบ้าน ลองคลิกดูที่เว็บไซต์ของสำนักงานดูแลบ้านและสินเชื่อของแคนาดา (Canada Mortgage and Housing Corporation-CMHC)



3. การแพ้ข้ามประเภท

บางครั้งระบบภูมิคุ้มกันของเราอาจทำงานสับสน เมื่อถูกกระตุ้นโดยโปรตีนจากอาหารหรือละอองเกสรบางชนิด ผู้ป่วยโรคแพ้อากาศ (แพ้ละอองเกสร) จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการ “แพ้ข้ามประเภท” หรือลามไปแพ้อาหารชนิดอื่นร่วมด้วย เช่น ถั่วเปลือกแข็ง ผัก และผลไม้สด

วิธีควบคุม

โปรตีนก่อภูมิแพ้ในผักและผลไม้ส่วนใหญ่จะถูกทำลายด้วยความร้อนจากการปรุงอาหาร ผู้ที่แพ้เกสรหญ้าแร็กวีด ควรเลี่ยงผลไม้สด เช่น กล้วย แตงโม แตงกวาญี่ปุ่น ความรุนแรงของอาการแพ้อาหารมักขึ้นกับปริมาณละอองเกสรที่ร่างกายได้รับ ผู้ป่วยภูมิแพ้จึงควรเพิ่มความระมัดระวังพิเศษหากมีอาการคันปากหลังกินอาหารบางชนิด ให้หยุดทันทีและรีบพบแพทย์เชี่ยวชาญ



4. ความเครียด

ข้อมูลจากการศึกษาล่าสุดระบุว่า ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จะมีอาการลุกลามมากขึ้นเมื่อทำแบบทดสอบที่กระตุ้นให้เกิดความกังวล ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮิสตามีนเข้าสู่กระแสเลือดเพิ่มขึ้น สารเคมีชนิดนี้มีฤทธิ์กระตุ้นปฏิกิริยาแพ้ของร่างกาย ทำให้อาการภูมิแพ้รุนแรงและยาวนานขึ้น

วิธีควบคุม

เอาใจใส่ตนเองเป็นพิเศษในช่วงเวลาที่เผชิญกับความเครียด ผู้ป่วยหลายคนไม่ทันสังเกตว่าอาการของตนกำลังลุกลามมากขึ้น กว่าจะรู้ตัวก็กลายเป็นอาการจามต่อเนื่องหรือน้ำตาไหลไม่หยุดไปเสียแล้ว อีกประเด็นที่ไม่ควรลืมคือ ยาต้านฮิสตามีนต้องใช้เวลาเกือบ 24 ชั่วโมงกว่าจะออกฤทธิ์ได้เต็มที่ “หากรู้ล่วงหน้าว่ากำลังจะเผชิญกับความเครียดครั้งใหญ่ เช่น ต้องเดินทางไปติดต่อธุรกิจสำคัญ หรือทำงานหนักต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์เรื่องการใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ชนิดพ่นจมูก ซึ่งสามารถควบคุมอาการภูมิแพ้ได้รวดเร็ว” นายแพทย์ไกเลน มาแชล ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้จากมหาวิทยาลัยมิสซิสซิปปี กล่าว สำหรับเรื่องเครียดที่ต้องเผชิญนั้น หมอมาแชลแนะนำให้ “ฝึกฝนวิธีควบคุมความเครียดที่มีประสิทธิภาพ” ดังนั้นพยายามนอนหลับเพิ่มขึ้น ออกกำลังกายทุกวัน และหาช่วงเวลาผ่อนคลาย






ไม่มีความคิดเห็น: