15 ธ.ค. 2554

ทำความสนิทกับตกขาว

สาวๆ หลายคนมักมีปัญหากับ "œตกขาว" ซึ่งเจ้าสิ่งนี้ได้สร้างความกังวลใจให้กับพวกเธอ แต่ถามหน่อยซิว่า คุณผู้หญิงรู้จักกับตกขาวดีแล้วหรือยัง





ตกขาว คือ ของเหลวที่ไหลออกมาจากช่องคลอด เป็นของเหลวที่ถูกขับออกจากโพรงมดลูก ปากมดลูก ปากช่องคลอด และเซลล์ของเยื่อบุผนังช่องคลอดที่ตายและหลุดออกมา ซึ่งปริมาณของตกขาวจะขึ้นกับแต่ละคน โดยตกขาวจะมีมากในช่วงไข่ตกในระยะกลางของรอบเดือน นอกจากนั้น ขณะตั้งครรภ์จะพบว่า มีตกขาวมากจนบางครั้งอาจเหนียวหนืด การกระตุ้นทางเพศสัมพันธ์ก็จะมีการหลั่งน้ำออกมาหล่อลื่นมาก หลังจากมีกิจกรรมทางเพศอาจมีตกขาวปริมาณ การใช้ยาคุมกำเนิดทำให้มีตกขาวเพิ่มได้




ความสัมพันธ์ระหว่าง "œวัย" กับ "œตกขาว"

- วัยเด็ก มักเกิดจากความสกปรก สุขอนามัยไม่ดี ทำความสะอาดไม่เป็น มีสิ่งแปลกปลอมที่เด็กสอดใส่เข้าไป เช่น กระดาษทิชชู เมล็ดผลไม้

- วัยเจริญพันธ์ มักเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

- วัยหมดประจำเดือน มักเกิดจากการขาดฮอร์โมน ทำให้ช่อคลอดแห้ง ระคายเคืองง่าย



ตกขาวปกติ

ตามปกติแล้วในสตรีที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ (ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงอายุที่ยังมีประจำเดือน หรือมีฮอร์โมนเพศหญิงเจริญเต็มที่) จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนแตกต่างกันไปตามระยะของประจำเดือน การเปลี่ยนแปลงนี้ จะมีผลต่อการลักษณะของเหลวที่สร้างขึ้นมาจากอวัยวะต่างๆ ในระบบสืบพันธุ์สตรี เช่น ในช่วงกึ่งกลางรอบประจำเดือนหรือระยะใกล้เคียงกับการตกไข่ ซึ่งเป็นเวลาที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง ทำให้ในช่วงเวลานี้ จะมีตกขาวลักษณะค่อนข้างเหลวใสๆ ปริมาณมากกว่าระยะเวลาอื่น ส่วนตกขาวในระยะเวลาอื่นจะมีสีขาวขุ่นคล้ายแป้งเปียก นอกจากนั้นแล้ว ตกขาวที่ปกติควรจะไม่คัน และไม่มีกลิ่น ถ้าตกขาวมีลักษณะอย่างกล่าวมาถือว่าปกติ ไม่มีความจำเป็นต้องรักษา



อย่างไรก็ตาม สตรีแต่ละท่านจะมีปริมาณตกขาวแตกต่างกันไป บางท่านอาจมีปริมาณตกขาวมากจนเปื้อนชุดชั้นในอยู่หลายวันในแต่ละเดือน แต่สำหรับบางท่านอาจมีปริมาณน้อยจนไม่รู้ว่ามีตกขาวเลย



นอกจากนี้ ฮอร์โมนในสตรีในวัยดังกล่าว ทำให้เซลล์ในช่องคลอดสมบูรณ์ และมีการสร้างสารประเภทแป้งที่เรียกว่าไกลโคเจน ซึ่งจะถูกเปลี่ยนแปลงโดยแบคทีเรียชนิดหนึ่งให้เป็นกรดอ่อน ๆ ภาวะนี้จะช่วยป้องกันการรุกรานจากเชื้อโรคชนิดอื่นที่ก่อให้เกิดความผิดปกติได้



ตกขาวผิดปกติ

1. ตกขาวมีสีเหลืองปนเขียว น้ำตาล หรือปนเลือด

2. มีปัสสาวะแสบขัด

3. คันช่องคลอด

4. เจ็บท้องน้อย

หากมีอาการดังกล่าวควรจะต้องพบแพทย์เพื่อรับการรักษา ไม่ให้เชื้อโรคลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ ซึ่งสาเหตุของตกขาวผิดปกติอาจเกิดจาก

- เกิดจากการอักเสบภายในหรือมีการติดเชื้อ

- มีสิ่งแปลกปลอมตกค้างในช่องคลอด

- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

- มีเนื้องอก ซึ่งหากเกิดจากเนื้องอกแล้วมักมีเลือดปนด้วย

- สตรีวัยทอง มีภาวะขาดฮอร์โมน ทำให้ช่องคลอดแห้ง อักเสบง่าย



การรักษา

สำหรับการรักษาตกขาวที่ผิดปกติจะขึ้นอยู่กบเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ โดยแพทย์จะตรวจภายใน และนำตกขาวมาตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งจะพบลักษณะเฉพาะของการติดเชื้อแต่ละชนิด หรือย้อมสีเพิ่มเติมเพื่อตรวจหาเชื้อ จากนั้น จึงพิจารณาใช้ยาฆ่าเชื้อโรค เพื่อบำบัดรักษาการอักเสบติดเชื้อ ซึ่งยาที่ใช้มีหลายชนิด ทั้งยาสอดช่องคลอด ชนิดรับประทาน หรืออาจใช้ยาทาภายนอกร่วมด้วยตามความเหมาะสม



ดูแลร่างกายตามแบบฉบับหญิงสาว



1. รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศให้สะอาด ไม่จำเป็นต้องสวนล้างช่องคลอดด้วยน้ำยาที่โฆษณามากมาย เพราะอาจเกิดการระคายเคืองและอาจทำลายเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดตามปกติด้วย

2. ในการทำความสะอาดให้เช็ดอวัยวะเพศจากด้านหน้าไปยังด้านหลัง เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียจากทวารหนักเข้าสู่ช่องคลอด

3. หลีกเลี่ยงสเปรย์ดับกลิ่นหรือสบู่กลิ่นแรงที่ทำให้ระคายเคือง

4. ควรใส่กางเกงในที่ทำจากผ้าฝ้าย เพราะระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น

5. กางเกงใน ผ้าเช็คตัว ผ้าถุง ควรซักแล้วตากแดด ไม่ควรตากในร่มหรือในห้องน้ำ

6. หลีกเลี่ยงกางเกงรัดรูป

7. หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด ถ้าใช้ควรเปลี่ยนบ่อยๆ

8. แนะนำคู่นอนทำความสะอาดมือและอวัยวะเพศก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์

9. รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ




ไม่มีความคิดเห็น: