2 พ.ย. 2550

ทำไมต้องใช้ "ฟักทอง" ในวันฮัลโลวีน

ในวัน "ฮัลโลวีน" ซึ่งเป็นวันปล่อยผีของฝรั่ง เรามักจะเห็นสัญลักษณ์ที่เป็นฟักทองมาเจาะหน้าตาให้ดูน่ากลัวเหมือนผี ส่วนเหตุที่ฟักทองกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของวันฮัลโลวีนก็มีที่มาจากเรื่องเล่านิทานปรัมปราของชาวไอริชที่ว่า ซาตานกำลังจะไปรับวิญญาณของคนเจ้าเล่ห์ที่ชื่อว่าเเจ็ค แจ๊คจึงชวนให้ซาตานดื่มเหล้าด้วยกัน และหลอกล่อให้ซาตานแปลงร่างเป็นเหรียญเพื่อนำไปจ่ายค่าเหล้า และแจ็คก็นำเหรียญนั้นไปใส่รวมไว้กับไม้กางเขน ทำให้ซาตานแปลงกลับมาเป็นร่างเดิมไม่ได้ ซาตานจึงต้องสัญญากับเเจ๊คว่าจะไม่มายุ่งกับเขาอีกเป็นเวลาหนึ่งปี และถ้าเขาตายเมื่อไหร่ ซาตานก็ไม่มีสิทธิเอาวิญญาณของเขาไป จากนั้นหนึ่งปีผ่านไป ซาตานก็กลับมาอีก คราวนี้เเจ็คหลอกล่อให้ซาตานปีนไปเก็บแอปเปิ้ลบนต้น และแอบสลักรูปกางเขนไว้บนต้นแอปเปิ้ล ซาตานจึงลงมาไม่ได้ และถูกบังคับให้สัญญาอีกตามเคยว่าจะไม่มายุ่งกับแจ๊คไปอีกสิบปี

สิบปีผ่านไป นายแจ๊คตายลง แต่สวรรค์ก็ไม่ต้อนรับเพราะเป็นคนเจ้าเล่ห์ นรกก็ไปไม่ได้เพราะดันบังคับให้ซาตานสัญญาไว้ จึงต้องกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน มีเพียงก้อนถ่านที่ซาตานให้ไว้คอยส่องแสงนำทาง และเพื่อรักษาถ่านให้ส่องสว่างนานที่สุด วิญญาณของนายแจ็คจึงคว้านหัวผักกาดแล้วใส่ก้อนถ่านลงไป คนไอริชจึงเรียกผีแจ็กกับตะเกียงว่า Jack of Lantern (และเพี้ยนมาเป็น Jack O'Lantern)

ต่อมาเมื่อถึงวันฮัลโลวีนชาวเมืองจึงทำตะเกียงแจ็กด้วยการแกะสลักหัวผักกาดให้เป็นหน้าตาน่ากลัว นำไฟใส่ไว้ด้านในเพื่อขับไล่ผีแจ็กและวิญญาณต่างๆ จนภายหลังก็เปลี่ยนจากการใช้หัวผักกาดมาเป็นฟักทองเพราะหาได้ง่ายกว่า

แต่เมืองไทยเรานั้นไม่จำเป็นต้องหาฟักทองมาทำเป็น Jack O'Lantern เพราะไม่มีเทศกาลฮัลโลวีนเหมือนฝรั่ง เพราะฉะนั้นเราเอาฟักทองมากินกันดีกว่า เพราะฟักทองนี้เป็นที่รวมของสารอาหารต่างๆ ที่สำคัญได้แก่ วิตามินเอ บี ซี และธาตุฟอสฟอรัส มีเบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีอยู่ในเนื้อสีเหลืองของฟักทอง มีส่วนช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งได้ และหากกินฟักทองทั้งเปลือกจะได้ฤทธิ์ทางยา สามารถกระตุ้นการหลั่งอินซูลินซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ในเส้นเลือด ป้องกันการเกิดเบาหวาน ความดันโลหิต นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงตับ ไต นัยน์ตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตายไป

ไม่มีความคิดเห็น: