สำหรับท่านที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำดำจำทนจนน่ารำคาญเวลาต้องแต่งหน้าทุกคราไปนั้น ความจริงแล้วเรื่องของใต้ตาดำคล้ำนี้มีวิธีรักษาง่ายนิดเดียว.. เคล็ดสำคัญคือต้องหาสาเหตุที่แท้จริงให้เจอกันก่อน เพราะตราบใดที่ยังแก้ที่สาเหตุไม่ได้ ไม่ว่าจะใช้เครื่องสำอางพรางตาอย่างไรก็คงไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร วันนี้เราจะมาดูกันว่าใต้ตาคล้ำจะทำอย่างไรได้บ้างกัน
อย่าเพิ่งไปคิดว่าเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญวุ่นวายขนาดต้องไปยิงเลเซอร์หรือลอกหน้าลอกตา เรามาเริ่มพิจารณาสาเหตุก่อน ซึ่งมีอยู่หลายเหตุ แบ่งเป็นได้เป็นสองสาเหตุหลัก ได้แก่
สาเหตุภายใน ประกอบด้วย อายุที่มากขึ้นทำให้ผิวใต้ตาบางลงและหลวมขึ้น, การใช้สายตาเป็นระยะเวลานาน, โรคไซนัสและโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้เรื้อรัง (นี่เป็นเหตุว่าทำไมคนเป็นภูมิแพ้ถึงมักมีใต้ตาคล้ำทั้งที่ไม่ได้อดนอนเสมอไป)
สาเหตุภายนอก ประกอบด้วย “แสงแดดและบุหรี่” ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จที่ทำให้ผิวแก่อย่างประสบความสำเร็จที่สุดมาตลอดกาล
เทียบกันแล้ว ปัจจัยภายนอกหาจังหวะเลี่ยงได้ง่ายกว่า แต่ปัจจัยภายใน ถ้าบางท่านรู้ตัวเองได้เร็วก็จะดีมาก เช่น เรื่องของภูมิแพ้ขึ้นจมูกสั่งน้ำมูกกันครืดคราดกระดาษเปลืองนั้น อย่าปล่อยไว้ให้เป็นนานครับ เพราะยิ่งภูมิแพ้นานเท่าใดก็จะยิ่งทำให้เป็นไซนัสอักเสบได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
ส่วนเรื่องของความแก่หรืออายุที่มากขึ้นทำให้ผิวหนังบางลงนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่แก้ยากขึ้นมาอีกสักนิด โดยเฉพาะท่านที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำอยู่แล้ว
ดังนั้น การปฏิบัติตัวที่สำคัญที่ช่วยได้มากจริงๆ ก็คือหลัก “3 อ” ครับ เริ่มจาก
1) อาหาร ที่สำคัญคือกลุ่มวิตามินซี เพราะอย่าลืมว่าหนังรอบดวงตาที่ยิ่งแก่ตัวยิ่งหลวมขึ้นนั้นเกิดจาก “โครงกระดูกของผิว” หายไป ซึ่งโครงนั้นที่สำคัญก็คือคอลลาเจนครับ ยิ่งมีคอลลาเจนมากยิ่งทำให้ผิวคุณไม่อ่อนยวบหลวมไปราวกับไก่ถูกถอดกระดูก อาหารวิตามินซีที่ควรกินมากได้แก่ ฝรั่ง (ฝรั่งหนึ่งขีดให้วิตามินซีราว 200 มิลลิกรัมครับ) วันละ 4 ขีด นอกจากนั้นก็ยังมีแหล่งของวิตามินเอที่ช่วยรักษาผิวที่ควรกินคือ มะเขือเทศผลเล็กสักวันละ 10 ผล หรือถ้าผลใหญ่ก็จะเป็น 5 ผล ส่วนแหล่งวิตามินอี ที่มีผลต่อความชุ่มชื่นรอบตานั้นก็คือถั่วต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นถั่วลิสง, เมล็ดทานตะวัน, เมล็ดฟักทองหรือน้ำมันพืชส่วนใหญ่
2) ออกกำลังกาย จะช่วยขับล้างพิษอนุมูลอิสระและน้ำส่วนเกินออกไปไม่ให้คั่งรอบดวงตา และที่สำคัญยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกายไม่ให้เป็นไซนัสคัดจมูกน้ำมูกอุดตันได้ด้วย
3) อารมณ์ ประการนี้สำคัญ ไม่นานมานี้ ผมมีโอกาสไปพูดเรื่องทางออกของความเครียดในรายการ “ตาสว่าง” ของคุณ สัญญา คุณากร ก็ได้พูดกันถึงสัญญาณหนึ่งของอารมณ์เครียดว่าทำให้หน้าดำคล้ำ ใต้ตาดูหมองไปไม่สดใสอิ่มเอิบ เพราะเมื่อเครียดมากก็มักจะอดนอนและก็มีสนิมอนุมูลอิสระมากขึ้น ทำลายให้ผิวโดยรวมแก่ลงไปมีขยะเม็ดสีคล้ำมาจับมากขึ้นทำให้หน้าหมองดั่งต้องราคีมากขึ้น ดังนั้นวิธีง่ายๆ ในข้อนี้คือให้เข้านอนตั้งแต่สี่ทุ่มและตื่นหกโมงเช้าอย่างสม่ำเสมอครับ จะทำให้ฮอร์โมนหนุ่มสาวหลั่งออกมาเองและไม่แก่เร็วด้วย
ส่วนวิธีอื่นที่ช่วยลดใต้ตาหมองคล้ำแบบทันใจ ยังมีการใช้ “ความเย็นประคบลบรอยใต้ตา” ไม่ว่าจะเป็นถุงชาแช่เย็น, สำลีชุบนมเย็น (ซึ่งก็ไม่ต้องใส่พร้อมถุงชาเพราะจะกลายเป็นชาเย็นไป), มันฝรั่งฝานแช่เย็น, แตงกวาฝานแช่เย็น หรือแม้แต่หลังช้อนเย็นก็ตาม นำมาวางทับบนหนังตา ไม่ต้องไปกด ไปเค้น อาจนวดเบาๆ ให้เลือดดำรอบตาถ่ายออกไปไหลเวียนได้ดีขึ้น
ความเย็นจะช่วยหดหลอดเลือดลง ทำให้เลือดดำไม่ไปคั่งรอบตาให้ดูคล้ำดำจำทนทุกข์เหมือนเดิมอีก
สิ่งที่อยากฝากไว้ก็คือว่าควรจะหาสาเหตุที่แท้จริงของใต้ตาดำคล้ำให้เจอด้วยครับ เพราะจะช่วยให้การลบตาคล้ำเป็นไปได้อย่างง่ายดายและไม่กลับมาเป็นใหม่อีก
สุดท้ายนี้สำหรับท่านผู้อ่านที่รัก หากมีคุณสมบัติครบที่จะพบกันเป็นชมรมคนตาคล้ำเช่นว่านี้แล้วล่ะก็ ขอให้จำขึ้นใจไว้ง่ายๆ ครับว่า “เสริมวิตามินซี มีออกกำลังกาย คลายอารมณ์เครียด” เป็นเคล็ดที่ใช้ได้อย่างแท้จริงและยั่งยืนที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น