ซักผ้าให้นื้อนุ่มละเอียดด้วยน้ำส้มสายชู
วิธีการที่จะเสนอแนะนี้จะสามารถช่วยทำให้เนื้อผ้าที่ซักอย่างเช่นผ้าขนหนูหรือผ้าเช็ดตัว นั้นนุ่มพองเนื้อละเอียดขึ้นน่าใช้อย่างน่ามหัศจรรย์ทีเดียว โดยไม่ต้องอาศัยไปใช้น้ำยาที่สามารถทำให้ เนื้อผ้านุ่มที่มีวางขายทั่วไป วิธีของเราใช้ของที่มีอยู่ประจำบ้านของเราอยู่แล้วประหยัดเงินและผล ที่ออกมาก็แทนกันได้หรืออาจจะดีกว่าก็เป็นได้นั่นเองค่ะ
สิ่งที่สามารถจะบรรดาลให้เนื้อผ้านุ่มละเอียดอ่อนได้นั้นก็คือน้ำส้มสายชูค่ะ
( ในรูปที่ 2 )....เราจะใช้โดยประมาณ... น้ำ 45 ลิตร ต่อน้ำส้มสายชู 50 cc
(สำหรับเครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติ )นั้นให้ใส่ส่วนผสมทั้งหมดของน้ำส้มสายชู ลงไปตั้งแต่ตอนแรกพร้อมกับผงซักฝอกแต่แรกก่อนเดินเครื่องเลยค่ะ
(สำหรับเครื่องซักผ้าแบบธรรมดา )นั้นให้ใส่ส่วนผสมของน้ำส้มสายชูลงไปในน้ำ ที่ 2 หรือน้ำสุดท้ายคือก่อนที่เราจะนำไปใส่ในที่บิดผ้าสลัดน้ำให้แห้งนั้นค่ะ
ก็ให้เป็นน่าสงสัยนะคะว่าผ้าที่ซักด้วยวิธีใส่น้ำส้มสายชูนี้จะไม่มีกลิ่นของน้ำส้มสายชูหลงติด อยู่หรือ ?...เราได้ทำการทดสอบโดยใช้แม่บ้านถึง 10คนมาทำการซักและพิสูตรดมกลิ่นว่ามีติด อยู่หรือปล่าวนั้นแล้วค่ะ ผลปรากฏว่า ไม่มีกลิ่นของน้ำส้มสายชูติดอยู่ให้เป็นที่น่ารังเกียดเลยสักนิด เดียว....
แล้วสำหรับความนุ่มของผ้านั้นก็นุ่มนวลอย่างกับได้ใช้และใส่น้ำยาซักผ้านุ่มลงไปด้วยเหมือนกัน เลยค่ะ (ในรูปตัวอย่างที่เห็นในรูปที่ 3 ) เป็นข้อแตกต่างและแสดงให้เห็นว่าผ้าที่ซักธรรมดากับผ้าที่ซัก โดยใส่น้ำส้มสายชูลงไปนั้น ( ด้านขวามือ ) ดูสิค่ะของเราพองนุ่มน่าใช้แตกต่างกว่ามากเลยจริง ๆ
วิธีนี้ไม่แต่ว่าจะซักแต่ผ้าขนหนูหรือผ้าเช็ดตัวอย่างเดียวนะคะ ยังสามารถนำมาใช้หรือซักเสื้อ ผ้าที่เป็นเสื้อถักแบบนิตติ้งก็ได้ด้วยค่ะ
ทำไมถึงแค่ใส่น้ำส้มสายชูลงไปแล้ว เนื้อผ้าถึงได้นุ่ม และพองฟู ขึ้นมาได้ ..
ท่านผู้สัดทัดกรณีได้กล่าวว่า...แต่เดิมทีนั้นผ้าที่ผ่านการซัก เนื้อผ้าหรือใยผ้าจะถูกสารจำพวกที่เป็นด่าง ที่ผสมรวมอยู่ในผงซักฝอก เข้าไปรัดให้เนื้อผ้าหรือใยผ้านั้นแข็งตัว บวกกับความแรงของน้ำที่จำเป็นจะต้องใช้ปั่น และซักให้สะอาดนั้นหลายครั้งหลายหน ใยผ้าจะรวมตัวกันแน่นจนไม่มีช่องและสามารถให้อากาศเข้าไปแทรกตรง กลางได้ ใยของผ้าที่ซักด้วยผงซักฟอกอย่างเดียวนั้นจึงนอนราบและแข็งกระด้างนั่นเอง ( ตัวอย่างในรูปที่ 1-2 )
แต่ตรงนี้...เมื่อเราได้ใส่น้ำส้มสายชูลงไป น้ำส้มสายชูซึ่งมีความสามารถมีค่าเป็นกรดนั้นจะเข้าไปช่วย ละลายสารจำพวกที่เป็นด่างที่ผสมอยู่ในผงซักฝอก และเมื่อสารจำพวกด่างโดนทำลายลงไปแล้ว พวก อากาศที่อยู่รอบๆจึงสามารถที่จะเข้าไปแทรกอยู่ตามช่องต่าง ๆในเนื้อใยของผ้าได้อย่างสะดวกและอิสระ นั่นเอง ผ้าที่ซักออกมาจึงพองฟูและเนื้อนิ่มขึ้นค่ะ ( ตัวอย่างในรูปที่ 3-4 )
คือเมื่อได้ใส่น้ำส้มสายชูลงไปในเครื่องซักผ้าแล้วนั้นแม้ผ้าที่ซักจะเสร็จหมดแล้ว ตัวสารที่มีค่าเป็นกรดที่อยู่ในน้ำส้มสายชูก็ยังจะคงหลงเหลืออยู่ภายในตัวเครื่องซักผ้า และตัว กรดที่หลงเหลืออยู่นี้ จะเข้าไปช่วยล้างพวกคราบสกปรกจำพวกเชื้อราต่าง ๆที่เกาะติดอยู่ ข้างในตัวเครื่องซึ่งมองไม่เห็นและได้ปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานปีเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าจำเป็นที่จะ ต้องล้างข้างในเครื่องด้วยในทุก ๆ 2-3 เดือนนั้นให้กับเราเป็นรางวัลอีกด้วยค่ะ
และตรงนี้ก็ยังมีคำถามเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่างนะคะ คือว่าเมื่อน้ำส้มสายชูมีสารที่ มีค่าเป็นกรดแล้วผ้าที่ซักจะไม่ตกหรือสีจางลงหรือ?อะไรทำนองนี้...ผู้สันทัดกรณีท่านก็ได้บอกว่า ในน้ำ 45 ลิตร ( 45000 cc ) ผสมกับน้ำส้มสายชูแค่ 50 cc บวกลบคูณหารแล้วจะเทียบได้เท่ากับ ผสมน้ำถึง 900 เท่าทีเดียว จึงมีส่วนที่เป็นกรดเจือจางมากจะไม่สามารถทำให้ผ้าสีตกหรือสี จางลงแต่อย่างใด สบายใจได้ค่ะ
ข้อควรระวัง.. ก็มีอยู่นิดหนึ่งตรงที่ว่า เมื่อใส่น้ำส้มสายชูลงไปในเครื่องซักผ้า และซักเสร็จแล้ว ก่อนจะดับเครื่องขอให้ลาดน้ำปล่าวลงไปสักหนึ่งขันเพื่อล้างเครื่องนิดหนึ่ง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเพราะว่าตัวเครื่องซักผ้าส่วนมากจะทำมาจากเหล็กหรืออาลูมีเนียมเป็นส่วนมาก ในน้ำส้มสายชูมีค่าเป็นกรด ดังนั้นถ้าปล่อยทิ้งค้างไว้นาน ๆ บางทีอาจจะทำให้ขึ้นสนิมขึ้นมาก็ อาจเป็นได้ในบางครั้งหรือบางกรณีค่ะ ทั้งหมดเพื่อความสบายใจนะคะ กรุณาลาดน้ำลงไปล้าง ปิดฉากสักหนึ่งขันเป็นใช้ได้ค่ะ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น