ของใช้สาธารณะ โรคใกล้ตัว สุขอนามัยที่ไม่ควรมองข้าม (เดลินิวส์)
ด้วยภาวะสังคมขณะนี้ที่สลับซับซ้อนทั้งชีวิต และความเป็นอยู่ของมนุษย์ จึงเกิดการพัฒนาต่าง ๆ มากมาย ไม่ต่างจากเชื้อโรค ที่วันนี้ได้คืบคลานเข้าใกล้มนุษย์เพียงแค่เอื้อมมือหรือปลายจมูก ยิ่งในบางสถานการณ์บังคับให้ต้องใช้สิ่งของสาธารณะ ที่เป็นส่วนรวม ซึ่งอาจไม่มีความสะอาดเพียงพอ ยังผลให้ติดเชื้อก่อให้เกิดโรคภัยต่าง ๆ กับผู้ใช้ได้
ทางกลับกัน เมื่อเชื้อโรคก่อให้เกิดโรคร้ายอยู่รอบตัวก็ย่อมมีทางป้องกันได้เช่นกัน โดยเฉพาะของใช้ที่ตอบสนองความสะดวกสบาย เช่น เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ, หมวกกันน็อก, ห้องน้ำสาธารณะ สิ่งเหล่านี้เชื่อว่า หลายคนอาจใช้อยู่เป็นประจำโดยไม่ได้สังเกตถึงภัยร้าย.... แต่อย่าเพิ่งตื่นตระหนก...! ทุกอย่างมีทางแก้
ส่วนใหญ่ผิวหนัง คือ ปราการด่านแรกของมนุษย์เมื่อเจอกับเชื้อโรค ซึ่ง พญ.พู่กลิ่น ตรีสุโกศล หัวหน้ากลุ่มงานผื่นแพ้สัมผัสและอาชีวเวชศาสตร์ สถาบันโรคผิวหนัง จะเป็นผู้ไขความลับถึงโรคที่อาจจะเกิดขึ้น เมื่อใช้สิ่งของสาธารณะไม่สะอาด
พญ.พู่กลิ่น กล่าวว่า ตอนนี้มีเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกมากมาย บางครั้งสิ่งที่อำนวยความสะดวกเหล่านี้ เมื่อไม่ได้รับการดูแลให้มีความสะอาดจะส่งผลร้ายกับผู้บริโภคได้ ซึ่งโรคทางผิวหนังอาจไม่มีความรุนแรงมาก แต่หากปล่อยไว้นานอาจลุกลามไปยังผิวหนังส่วนอื่น ๆ ได้
เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เกือบทุกพื้นที่ในประเทศ มีการให้บริการอย่างคึกคัก แต่หากไม่มีการดูแลทำความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ จะทำให้ผู้ใช้เกิดการระคายเคืองได้ เช่น ช่องใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มมีคราบเชื้อรา เนื่องจากเมื่อใช้ไปนาน ๆ อาจเกิดการปนเปื้อนในผ้าที่ซัก ทำให้เกิดเชื้อราบนผิวหนังเมื่อใส่เสื้อผ้าที่ตากไม่แห้ง หรือหูด เกิดจากคนที่ใช้ก่อนหน้านำผ้ามาซัก แล้วคนมาใช้ทีหลังตากเสื้อผ้าเหล่านั้นไม่แห้งแล้วนำมาใส่
"อาการของเชื้อราจะทำให้ผิวหนังส่วนที่ติดเชื้อเป็นผื่น และมีอาการคัน ส่วนหูดจะขึ้นเป็นวงบนผิวหนังไม่มีอาการเจ็บหรือคัน แต่หากปล่อยไว้อาจลุกลามไปตามผิวหนังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ซึ่งเมื่อเกิดโรคเหล่านี้ขึ้น ผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์เพื่อไม่ให้อาการลุกลาม" พญ.พู่กลิ่น แนะนำ
ดังนั้นผู้บริโภคที่ใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ควรสังเกตภายในตัวถังเครื่องว่ามีขี้โคลนหรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ หลงเหลืออยู่หรือไม่ ขณะเดียวกันก็ต้องดมดูกลิ่นภายในตัวถัง ว่ามีความอับชื้นมากเกินไปหรือเปล่า เพราะหากมีความชื้นมาก ๆ อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้ ตลอดจนควรตรวจสอบช่องใส่ผงซักฟอก และน้ำยาปรับผ้านุ่มไม่ให้มีคราบเชื้อรา ที่มีลักษณะดำ ๆ เกาะบริเวณภาชนะ
"เครื่องซักผ้าตามบ้านเรือนก็อาจมีลักษณะที่ไม่เหมาะสมได้ หากเจ้าของไม่มีการทำความสะอาด" ด้วยกฎระเบียบจราจรที่มีความเข้มงวดในปัจจุบัน หมวกกันน็อกจึงมีส่วนช่วยป้องกันอันตราย ซึ่งหลายคนคงได้ใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่ต้องสวมหมวกกันน็อกที่เป็นเสมือนของสาธารณะ พญ.พู่กลิ่น กล่าวว่า หมวกกันน็อกที่ไม่รักษาความสะอาดทำให้ผู้ที่ใช้ต่อเกิดการติดเหาได้ เนื่องจากผู้ที่ใช้มาก่อนมีเหาอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน หมวกกันน็อกที่มีความชื้นก็จะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการอยู่อาศัย นอกจากนี้หากมีความชื้นมาก ๆ จะทำให้ผู้ใช้ติดโรคเชื้อราบนหนังศีรษะ
อาการเมื่อเกิดการติดเชื้อบนหนังศีรษะ จะรู้สึกคันและมีผื่นแดงขึ้นบนหนังศีรษะ เมื่อผู้ป่วยเกิดอาการเหล่านี้หนักขึ้นควรไปพบแพทย์ทันที
แนวทางป้องกันคือ ก่อนจะสวมหมวกควรตรวจดูว่ามีไข่เหาที่มีลักษณะก้อนเล็ก ๆ สีขาวหรือไม่ ขณะเดียวกันก็ใช้มือสัมผัสภายในหมวกว่า มีความชื้นมากเกินไปหรือเปล่า และควรมีการดมภายในหมวกไม่ให้มีกลิ่นเหม็นมากเกินไป หรือผู้ที่โดยสารรถมอเตอร์ไซค์อยู่เป็นประจำ อาจเตรียมหมวกกันน็อกของตัวเองก็เป็นการช่วยได้เช่นกัน
ส่วนผู้ประกอบการเอง ควรจะดูแลทำความสะอาดโดยหงายภายในหมวกกันน็อกตากแดด อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ควรทำความสะอาด โดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดบริเวณยางและเชือกที่รัดหมวกกันน็อก
นอกจากนี้การใช้ส้วมสาธารณะ ยังคงเป็นอีกปัจจัย ที่ทำให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายได้ จากการที่ผู้ใช้ไม่ล้างมือให้สะอาดแล้วไปจับกลอนประตู, ก๊อกน้ำ และสุขภัณฑ์ต่าง ๆ แล้วไปจับอาหารกินทำให้เกิดอาการท้องร่วงได้
ขณะเดียวกันตอนนี้หลายคนใช้ห้องน้ำสาธารณะแบบมีชักโครกผิดวิธี โดยใส่รองเท้าที่เปื้อนดินขึ้นไปนั่งบนฝารองนั่ง ทำให้ผู้ที่มาใช้ต่อไม่สามารถใช้ต่อได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่มาใช้ต่อเกิดโรคติดเชื้อราในดินได้ เนื่องจากในดินมีเชื้อราต่าง ๆ ทำให้ผู้ที่มาใช้ชักโครกที่เปื้อน อาจเกิดอาการติดเชื้อได้หากมีรอยบาดแผล ทำให้เกิดเป็นผดผื่นคัน ซึ่งเมื่อเกิดอาการเหล่านี้ผู้ป่วยควรพบแพทย์ทันที
"ผู้หญิงมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรค จากการใช้ห้องน้ำสาธารณะมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากต้องใช้ชักโครก ตอนนี้มีบริการกระดาษรองนั่งบนฝาชักโครกโดยจะเป็นอีกตัวช่วยได้ ซึ่งแผ่นกระดาษรองนั่งไม่ควรเปียกน้ำ"
แนวทางป้องกันเชื้อโรคที่แฝงอยู่ในห้องน้ำสาธารณะ ควรตรวจดูฝารองนั่งชักโครกก่อนทุกครั้งว่ามีความสะอาดหรือไม่ ขณะเดียวกันหลังเข้าห้องน้ำเสร็จควรล้างมือให้สะอาดทั้งหน้ามือ หลังมือ และตามซอกนิ้ว
พญ.พู่กลิ่น ทิ้งท้ายว่า การใช้สิ่งของสาธารณะนอกจากจะคำนึงถึงสุขลักษณะของตัวเองแล้ว ควรคำนึงถึงความสะอาดสำหรับผู้ที่มาใช้ต่อด้วย เนื่องจากตอนนี้เชื้อโรคต่าง ๆ มีการพัฒนาสายพันธุ์มากมาย ที่ไม่แน่อนาคตอาจส่งผลร้ายได้ ดังนั้น เมื่อทุกคนรู้เท่าทันโรคที่อาจจะเกิดขึ้น ย่อมนำไปสู่สังคมที่มีสุขอนามัยที่ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น