24 ก.ค. 2553

ระวังโจรในคราบของตำรวจ แถว สีดา จ.นครราชศรีมา

ก่อนอื่นขอเริ่มเล่าเท้าความตั้งแต่แรกเลยนะคะเสียเวลาอ่านนิดนึง เมื่อวันที่ 1 เมย. 53 ดิฉันได้เดินทางกลับขอนแก่นเพื่อที่จะไปงานบวชแฟน ณ ตอนแรกการเดินทางก็ไม่มีอะไรติดขัด(อันนี้ต้องขอชมตำรวจแถวสระบุรีด้วยที่ไม่เคยตั้งด่านรีดไถประชาชน) ในการเดินทางกลับขอนแก่นแต่ละครั้งดิฉันจะรู้ดีว่าจะมีด่านไหนบ้างที่ชอบตั้งด่าน ส่วนมากจะอยู่ในเขต โคราช ที่ฮอตๆคือ 1.บ้านส้ม 2. สีดา ที่ชอบทำตัวเหมือนโจร ในเครื่องแบบของตำรวจ

ในการเดินทางครั้งนี้ปัญหาได้เกิดในจุดแรกเมื่อเข้าสู่เขตโคราชคือมีตำรวจทางหลวงโบกให้รถจอด ข้อหาคือขับรถ เลนขวา ซึ่งดิฉันได้ดูความเร็วของคนขับรถแล้วไม่เกิน 120 กม/ชม. แน่นอน ดิฉันจึงจ่ายเงินไป100บาทเค้าก็อวยพร ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ(กรูจะไม่เดินทางโดยสวัสดิภาพเพราะเมิงขาวงทางนี่แหละ คิดในใจ)ซึ่งจริงๆแล้วนะคะทุกท่านตามกฏหมายคือ ห้ามวิ่งเกิน 80 กม./ชม.ในเขตเทศบาล และห้ามเกิน 90 กม./ชม. นอกเขตเทศบาลซึ่งตำรวจจะเอาข้อนี้มาจับเราซึ่งคนขับส่วนมากจะคิดว่าเราวิ่งได้ไม่เกิน 120 กม/ชม. ซึ่งสามารถวิ่งได้บน มอเตอร์เวย์เท่านั้น ดิฉันเพิ่งศึกษามาเพราะโดนเรียกบ่อยมาก หลังจากจ่ายเงินเสร็จสรรพก็ได้เดินทางต่อ

พอมาถึงจุดฮอตจุดที่สองคือ สีดา ซึ่งรถของดิฉันกำลังติดไฟแดงอยู่ ก็มีตำรวจคนนึงเดินมาขอดูคู่มือรถ พี่คนขับก็หาแต่ไม่พบ หลังจากนั้นทีนี้งานเริ่มมาแล้วค่ะ มันก็ให้รถไปจอดข้างทาง ให้จอดรอนานมากเกือบ 30 นาทีได้ ดิฉันทนไหวจึงเดินไปตะโกนต่อว่าที่เกาะกลางถนน ไอ้ตำรวจคนนั้นมันเลยเดินมาเคลียร์บอกให้ไปหามันที่ป้อม หน้าตานี่ ขู่สุดยอดเลยอะค่ะ และมันก็เรียกพี่คนขับรถไป มันบอกว่ามันจะตรวจปัจสาวะ มันก็เอาน้ำในถังส่วนตัวของมันมาให้พี่เค้ากิน แต่กินเท่าไหร่แกก็ไม่ปวด จนเวลาล่วงเลยไปจนถึง 8 โมงเช้า ซึ่งรถของดิฉันมาถึงที่ สีดา ตั้งแต่ตี4 พี่คนขับก็ของร้องว่าให้แกไปส่งคนบนรถก่อนได้มั้ย เพราะเค้ามางานกัน มันก็ไม่สน บอกว่ากลัวหนี เค้าก็บอกว่าจะหนีทำไม หลังจากนั้นพี่เค้าก็ฉี่ออกมารอบแรกซึ่งตอนนั้นดิฉันได้เดินมาเข้าห้องน้ำเพราะไม่ไหวแล้ว

เมื่อดิฉันกลับมาที่ป้อมพี่คนขับก็บอกว่าตำรวจมันเทฉี่ทิ้งบอกว่าฉี่เย็น ทั้งที่มันยืนดูอยู่ตลอดเวลา ดิฉันเลยเดินไปโวยวาย มันหาว่าพี่คนขับเอาน้ำผสมฉี่ ดิฉันเริ่มไม่ไว้ใจน้ำที่ตำรวจเอามาให้กิน เพราะน้ำแต่ละขวดมีร่องรอยการเปิดแล้วทั้งนั้น จึงไปซื้อน้ำขวดใหม่มา ที่นี้พี่คนขับก็ปวดฉี่อีกครั้ง ดิฉันเลยบอกว่ายืนดูให้ดีเดี๋ยวจะหาว่าผสมน้ำอีก ตำรวจมันก็มองหน้าเหมือนอยากจะต่อยหน้าดิฉัน มันก็นำฉี่ของพี่คนขับไปตรวจ ที่ตรวจของตำรวจเหมือนกับที่ตรวจคนตั้งครรภ์อะค่ะ ดิฉันเลยถามว่ามาตรฐานแค่ไหน เค้าก็บอกว่ามาตรฐานแน่นอน

แต่ที่ดิฉันสังเกตใครที่มันเรียกตรวจขึ้น2ขีดทุกคนเลย มันก็ให้พี่คนขับเซ็นต์รับข้อกล่าวหา ดิฉันไม่ยอมให้เค้าเซ็นต์ ตำรวจเลยบอกว่าต้องไปตรวจที่บัวใหญ่ แต่ถ้าตรวจเจอเรื่องยาวแน่ ดิฉันก็บอกว่าได้ ตำรวจเลยพาดิฉันและคนขับ กับพี่สะใภ้ของดิฉันเดินทางไปที่ อ.บัวใหญ่ ในขณะที่เดินทางเข็มขัดนิรภัยมันก็ไม่คาด ดีแต่จับชาวบ้านหึหึ ซึ่ง ณ ตอนที่เกิดเรื่องดิฉันก็โทรประสานงานกับลุง ที่เป็นตำรวจ แล้วทางรองผู้กำกับนายของมันก็โทรหามัน เพราะลุงของดิฉันได้โทรมาคุยกับทางรองผู้กำกับ มันพูดได้ไงว่าไม่ทราบว่าดิฉันเป็นหลานของลุง ซึ่งถ้ากรูไม่มีลุงเป็นนายตำรวจเมิงจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ

พอมาถึงคลีนิก ก็นำพี่คนขับเข้าไปตรวจ ผลออกมาคือ Negative NO Amfatamin น่าขำมากเลยค่ะ ตำรวจอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก แปลไม่ได้ ดิฉันเลยตะโกนกรอกหูให้ได้ยินว่า ไม่มีแอมเฟตามินในร่างกาย มันก็หน้าเจื่อน ขณะที่เดินทางกลับไปสู่ สีดา ดิฉันบอกว่าดิฉันจะแจ้งความ และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ตำรวจสองนายนั้นเหงื่อแตกพลั๊กๆ และรีบบอกเลยว่าผมไม่รู้เรื่องนะทำตามคำสั่งนาย สุดยอดเลยค่ะมันรักนายมันมากเลย พอกลับมาถึงจุดจอดรถดิฉันเลยถามว่าต้องลงบันทึกประจำวันมั้ย มันบอกว่าไม่ต้องกลับได้เลย ดิฉันเลยเดินทางไป สภอ.สีดา

เพื่อที่จะแจ้งความจับตำรวจชุดนี้ แต่มันไม่รับแจ้งบอกว่า ร้อยเวร ไม่อยู่ โอ้วแม่เจ้าประชาชนเดือดร้อนมาแจ้งความบอก ร้อยเวร ไม่อยู่ ดิฉันนั่งรอร้อยเวร เกือบชั่วโมง เลยต้องกลับบ้านไปก่อนเพราะพี่คนขับเพลียมาก เวลา ณ ขณะนั้นคือ 11.20 น. ดิฉันต้องอยู่กะพวกมัน ตั้งแต่ 4.00น.-11.20 น.คิดดูนะคะว่าควรแจ้งขอหาอะไรมันบ้าง แต่ชั่วโมงนั้นต้องกลับบ้านก่อนเพราะทั้งเพื่อนๆทั้งคนขับก็แย่แล้ว กะว่าจะมาแจ้งความอีกที ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็ ยังไม่ได้แจ้ง เพราะที่บ้านบอกว่าเดี๋ยวจะเป็นปัญหาต้องมาสืบพยานอะไร อีกมากมายเราทำงานเดี๋ยวต้องลางานอีก เสียเวลา และก็ไม่รู้ว่าหมดอายุความหรือยัง

ไม่มีความคิดเห็น: