เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง และเผื่อเป็นอุทาหรณ์ใหักับใครบ้าง?
เช้าตรู่วันที่2 ต.ค. แฟนชวนไปทำบุญด้วยกัน แต่ไม่ไปเพราะ 1.)
ต้นเดือนไม่อยากปิดร้าน 2.) จะไปว่ายน้ำนัดครูไว้แล้วกลัวกลับมาไม่ทัน
แต่ก็ตื่นเช้ากว่าปกติ เพราะอะไรไม่รู้ รู้สึกขยันขึ้นมาซะงั้น ปกติตื่น10โมง
เปิดร้าน11โมง วันนี้ตื่น7.45 ซักผ้า อาบน้ำ เปิดร้าน ว้าว..
มีแต่คนแซวขยันอะไร
เปิดร้านแต่เช้าเลยวันนี้ สายๆ ประมาณ9โมงกว่า
มีลูกค้าผู้หญิงเข้ามาซื้อ...เทสเตอร์ 1 ขวด ปกติขาย100 ลดให้เค้าเหลือ 90 บาท
นั่งเล่นเกมส์ เข้าFacebook คุยกับเพื่อนๆ ปกติ ชิวๆ บ่าย2โมง เบ๊น แบม
เข้ามาหา สั่งก๋วยเตี๋ยวมากินกัน ก่อนไปว่ายน้ำ บ่าย2ครึ่ง
ไปเข้าห้องน้ำปรากฏว่า มีประจำเดือน ว้า! ไปว่ายน้ำไม่ได้แล้ว
โทรไปบอกครูว่าเสาร์นี้ไม่ได้ไป เพราะกลัวครูจะรอเก้อ
เตรียมหนังไดโนเสาร์กะจะเอามานั่งดูกับเบ๊นท์+แบม
บ่าย3โมงเศษ มีลูกค้าผู้หญิงคนเดิมที่มาเมื่อเช้าเดินเข้ามาในร้าน... ขอซื้อ..
ทั้งหมดเลย ก็เอาวางไว้หน้าเคาร์เตอร์คิดเงิน แต่..ทันใดนั้น
ก็มีผู้ชาย2-3คนกรูเข้ามา ถ่ายรูป พร้อมกับมีตำรวจเดินตามเข้ามาแสดงหลักฐาน
ใบแจ้งความว่าร้านคุณจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ โอ้แม่เจ้า!
มีหลักฐานอยู่ตรงหน้าเราทั้งหมด 5 ชิ้น (ที่ตกลงขายให้เค้าในราคา 90*5=450บาท)
ตำรวจบอกขอเชิญตัวคุณไปที่โรงพัก เราก็มึนค่ะ คุณตำรวจคะให้เอาอะไรไปมั่ง...
ฝากร้านให้เด็กๆเฝ้าไว้ก่อน เดี๋ยวน้ามาน๊า...
ไปถึงโรงพักเค้าก็เชิญตัวไปนั่งคุยที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างๆโรงพัก
ผู้หญิงคนนั้นก็เอาแลปท็อป พริ้นเตอร์ พร้อมกับเอกสารมีจำนวนหนึ่งมานั่งพิมพ์
ขอบัตรประชาชนเราไปด้วย แอบแว๊บไปโทรศัพท์หาพี่สาวแฟน
ขอเบอร์พี่โรจน์พี่เขยที่เป็นทนายความ แล้วก็เล่าเรื่องให้พี่โรจน์ฟัง
พร้อมกับขอคำแนะนำ พี่โรจน์บอกว่าให้เซ็นรับสารภาพไปตามจริง
แล้วหาคนมาประกันตัว เพื่อไปสู้คดีในชั้นศาล (ขอความเห็นใจจากศาล
ว่าเรื่องมันเป็นงี้ งี้ ก็อธิบายไป)
พวกมัน(ผู้ติดตามของผู้หญิงคนนั้น) มาตามบอกอย่าเพิ่งคุยโทรศัพท์
ให้มานั่งตรงนี้ก่อน ไปนั่งกับเค้าก็ไม่มีอะไร... บ่าย4โมง เซ็นรับสารภาพ
จากนั้นตำรวจก็อธิบายว่าคดีของพวกคุณสามารถยอมความกันได้ ให้ตกลงกันก่อน
ผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับเพื่อนชายก็เข้ามาพูด บลา บลา บลา
บอกเค้าได้รับมอบอำนาจมาจากบ. อีกที เพื่อมาจับสินค้าคุณ เพราะคุณขาย...ปลอม
เราก็บอกว่าเราไม่ได้ปลอม สินค้าของเราเป็นของนำเข้ามาจากเกาหลี
เค้าก็อธิบายว่า นั่นแหละคือของปลอม
เพราะสินค้าของเค้านำเข้ามาจากประเทศ..ก็จริง
แต่ก็เอามาปรับให้ใช้ได้กับผิวคนไทย เพราะสินค้าตัวนี้ที่...ใช้ดี
แต่มันไม่เหมาะกับสภาพผิวคนไทย เค้าก็เลยเอามาปรับสูตร
เพราะฉะนั้นถ้าคุณเอาของจากประเทศ...มาขาย มันก็อาจไม่ดีกับผิวบางคน
และคนส่วนที่ใช้สินค้าแล้วไม่ดีก็จะโทษว่าของเค้าไม่ดี อะไรประมาณนั้น
สรุปท้ายสุด เค้าจะไกล่เกลี่ยกับเรา ที่ 30,000 บาท ร้านเล็กร้านน้อย
จับได้มากได้น้อย ก็คดีละ 30,000 บาท เราก็นะ. .. ต่อรองขอลดได้ไหม
เค้าบอกลดไม่ได้ ราคานี้เป็นราคามาตรฐานเท่ากันทุกที่
เราบอกไม่มีตังค์เยอะขนาดนั้นหรอก งั้นละขอยื่นประกันตัวละกัน ขอตัวก่อนนะ
ก็เดินหนีจากมา พยายามติดต่อโทรศัพท์หาแฟน(แต่ติดต่อไม่ได้เลย
คาดว่ากำลังอยู่ในช่วงอับสันญาน) ตำรวจมาเชิญตัวเข้าห้องขัง ตายละหว่า
ได้นอนคุกกันละคืนนี้..
แม่เจ้าเบ๊นท์&แบมโทรมาถามว่าพี่ต้องเตรียมเงินไปด้วยเท่าไหร่
พี่กำลังจะเข้าไปหา (ไอ้แบมบอกแม่..ไปประกันตัวน้า...ด่วน! น้า...ถูกจับ)
ก็บอกพี่เค้าไปว่า 10,000 บาท ค่าประกันตัว แต่วานพี่ไปคุยกับพวกนั้นให้หน่อย
ว่าจาก 30,000 น่ะ ขอต่อเหลือ 5,000 ตอนนั้นอยู่ในคุกแล้วนี่
จากนั้นผู้ชายที่มากับผู้หญิงคนนั้นเดินมาบอกพี่ผมลดให้เหลือ 8,000
เราบอกยืนยันจ่ายที่ 5,000 ถ้าไม่ได้ก็จะยื่นประกันตัว
เค้าก็บอกว่าลดไม่ได้แล้ว จากนั้นก็ให้พี่ไปยื่นประกันตัว แต่...
จนท.ไม่มีใครทำเรื่องให้ ไล่ให้ไปไกล่เกลี่ยกันให้จบ
พี่เราบอกน้องเค้าไม่ไกล่เกลี่ยแล้ว จะประกันตัว จนท.ก็บอกรอก่อน
(นอนรออีกต่างหาก ทุเรศไหม) พี่เรานั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องขัง
ขณะที่พวกที่มาจับเราในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ก็ไปไล่บี้เอากับอีกร้านที่โดน
จับมาพร้อมกัน พวกมันไม่สนใจเราแล้วเพราะเราสรุปเอง จบเองที่ 5,000
ถ้าไม่ได้ก็ไม่จ่าย
2ทุ่มกว่าคดีของน้องอีกร้านหนึ่งยอมไกล่เกลี่ย
มารู้ทีหลังว่าเค้าจ่ายให้พวกนั้นไป 12,500 บาท เกือบๆ3ทุ่ม
ถึงได้ทำเรื่องประกันตัว 3ทุ่มกว่าออกจากโรงพัก
** ประกันตัวได้เพราะแฟนไปขอผู้ใหญ่ให้ความอนุเคราะห์โทรหาผกก ให้ ผกก
โทรบอกร้อยเวรให้ดูแลให้ประกันด่วน+แก้สำนวน 4ข้อหา เหลือ
1ข้อหาทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นพยามประกันตัวแต่ก็ยืดเยื้อมาเรื่อยๆ
จนท.ตำรวจนัดให้ไปอีกที วันจันทร์ที่ 4 ต.ค. ก่อน9โมงเช้า
วันที่ 4 ต.ค. 53 ไปตามนัดที่สภ.9โมง คุณตำรวจก็นั่งอ่านสำนวน
(คนละคนกับคนเมื่อวาน : คนนี้ดี 555+) ถามอยู่ไม่กี่คำ
ก็สรุปว่าให้เรากลับบ้านไปก่อนก็ได้ แต่ให้ไปที่ศาลก่อนบ่าย2โมง
เข้าไปถึงไม่ต้องถามใครๆแถวนั้น ให้นั่งรอเรียกตัวที่หน้าห้องประชาสัมพันธ์
มีการบอกนั่งดูทีวีไปพลางๆก่อน
บ่าย2โมงตรง เราไปถึงศาลนั่งรอตามคุณพี่ตำรวจบอกทุกประการ คริ คริ บ่าย2ครึ่ง
มีผู้หญิงถือแฟ้มออกมาเรียก เราก็เดินตามเค้าไป เค้าพาไปหยุดที่หน้าห้องขัง
มองเข้าไปมีพวกนักโทษ(ที่รู้เพราะพวกเค้าใส่ชุดสีน้ำตาลแบบที่เคยเห็นในทีวี
ง่ะ) พวกตำรวจศาลก็ขู่ใหญ่ว่า เดี๋ยวน้องก็ได้เข้าไปนั่งในนั้นกับพวกเค้านะแหละ
(อีกแล้วง่า) ตำรวจศาลซักเราว่าไปทำความผิดอะไรมา เราก็บอก บลา บลา
เค้าก็ให้เซ็นเอกสารที่มีอัยการเป็นผู้เซ็นไว้ก่อนแล้ว
จากนั้นก็เอาสำเนาให้เราเก็บไว้หนึ่งชุด คุณตำรวจศาลคนหนึ่งพูดเปรยๆว่า
คดีแบบนี้มันต้องมีค่ากาแฟซักหน่อยนะ เราก็นะ... ทำไมเค้าต้องพูดแบบนี้ด้วยล่ะ
มานั่งเซ็งอยู่ตรงม้านั่งรอแถวหน้าห้องขัง คุณตำรวจศาลบอกรอเรียกตัวขึ้นศาล
ประมาณ2โมงครึ่ง ก็ถูกเรียกตัวไปพร้อมกับผู้ต้องหารายอื่นๆ
คนที่1)คดีเสพยาบ้า แล้วขับรถ
คนที่2) ยาบ้า 20เม็ด
คนที่3) ต่างด้าวมีใบแต่ข้ามเขต
คนที่4) คือเรา
คนที่5) คดีมีสลากกินรวบไว้ในครอบครอง
เอาเป็นว่าคดีคนอื่นเราไม่สาวความมากละกัน เข้าไปนั่งฟังคำพิพากษาในห้อง
เมื่อถึงตาของเรา ผู้พิพากษาตัดสินว่า จำเลยมีความผิดงี้ งี้ งี้
จำเลยรับสารภาพไหม เราก็"รับสารภาพค่ะ" ศาลตัดสินว่าให้จำคุก 10เดือน โทษปรับ
2,000 บาท แต่จำเลยรับสารภาพ ลดโทษเหลือกึ่งหนึ่ง คือ จำคุก 5 เดือน โทษปรับ
1,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา1ปีมั่ง จำไม่ได้ละ มัวแต่ดีไจ๊ ดีใจ
สรุปว่างานนี้เราไม่เสียซักกะบาท เสียแค่เวลานิดหน่อย แลกกับประสบการณ์ฯ 555+
เพราะ 1,000บาทที่จ่ายค่าปรับแฟนเป็นคนจ่าย เราก็ไม่เสียจริงไหม
จากนั้นก็กลับมาที่สภ.อีกที เพื่อมาถอนเงินประกัน
ยื่นเอกสารจากศาลเรียบร้อยแล้ว จนท.ตำรวจนัดให้มารับเช็ควันพรุ่งนี้แทน
แปลกแฮะ ตอนประกันไม่เห็นรับเช็คเลย 555555+
ที่นำเรื่องนี้มาเล่าให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หรือใครก็ตามแต่ที่หลงเข้ามาอ่าน
ไม่ใช่ว่าเราจะสนับสนุนให้ท่านทำอะไรแบบนี้นะ แต่เราอยากให้ทุกคนรู้
เผื่อจะช่วยนำเรื่องนี้ไปบอกคนที่ท่านๆ รู้จัก
จะได้เตรียมรับมือกับสถานการณ์แบบที่เราเจอได้ถูก
จะได้ไม่เป็นเหยื่อของพวกมิจฉาชีพ และใครที่ขายสินค้าประเภทนี้อยู่ก็นะ
คิดกันเอาเอง ว่าจะขายต่อไป หรือ อะไรยังไง จบข่าว...
อ้อ.. เราไม่จ่ายค่ากาแฟพี่ตำรวจศาลเค้านะ ถ้าจะให้เราจ่ายจริงๆ
ก็จะถามว่าขอใบเสร็จด้วยได้ไหม? จะเอาไปเก็บไว้เป็นที่ระลึก หุ หุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น