มาดูกันว่าเมืองไหนในโลกนี้ที่จะมีอัตราการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของประชากร มากที่สุดภายในอีก 10 ปีข้างหน้า
อันดับที่ 10.
เมืองจิตตะกอง (Chittagong) สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ
จิตตะกอง เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองและเป็นเมืองท่าใหญ่ที่สุดของบังกลาเทศ อีกทั้งยังเป็นเมืองสำคัญทางธุรกิจ เป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติ โรงงานขนาดใหญ่ และ อีโคพาร์ค มีประชากรอาศัยอยู่ราว 4 ล้านคน อัตราความหนาแน่นของประชากรต่อตารางกิโลเมตรอยู่ที่ 15,276 คน และมีอัตราการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของประชากรในช่วงปี ค.ศ. 2006-2020 เท่ากับ 4.29% ต่อปี
อันดับที่ 9.
เมืองดาร์ เอส ซาลาม (Dar es Salaam) สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย
ดาร์ เอส ซาลาม (Dar es Salaam) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่และสำคัญที่สุดในประเทศแทนซาเนีย ทั้งยังเป็นเมืองท่าและศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของแอฟริกาตะวันออก ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของแทนซาเนีย แม้ว่าปัจจุบันเมืองหลวงของประเทศจะย้ายไปอยู่ที่กรุงโดโดมา (Dodoma) แต่หน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งยังคงตั้งอยู่ในเมืองดาร์ เอส ซาลาม
ปัจจุบัน เมืองดาร์ เอส ซาลาม มีประชากรราว 2.8 ล้านคน และคาดว่าน่าจะเพิ่มเป็น 5.12 ล้านคนในปี ค.ศ. 2020 โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของประชากรในช่วงปี ค.ศ. 2006-2020 เท่ากับ 4.39% ต่อปี
** 2 อันดับต่อไปนี้มีอัตราการการเพิ่มขึ้นของประชากรเท่ากัน **
(อันดับ7 มีสองอันดับเลยไม่มีอันดับ8นะค่ะ)
อันดับที่ =7.
เมืองฟาริดาบัด (Faridabad) สาธารณรัฐอินเดีย
ฟาริดาบัด เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงเดลี (Delhi) ถือเป็นศูนย์กลางทางด้านอุตสาหกรรมของรัฐหรยาณา มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในด้านการผลิตเฮนน่า ทั้งยังเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ โรงงานผลิตรถแทรกเตอร์ รถจักรยานยนต์ ยางรถยนต์ รองเท้า ตู้เย็น ฯลฯ
เมืองฟาริดาบัด มีประชากรทั้งสิ้นมากกว่า 1 ล้านคน อัตราการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของประชากรในช่วงปี ค.ศ. 2006-2020 เท่ากับ 4.44% ต่อปี
อันดับที่ =7.
เมืองลากอส (Lagos) สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย
ลากอส เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของทวีปแอฟริกา (รองจากกรุงไคโรของอียิปต์) ทั้งยังเป็นเมืองท่าและศูนย์กลางด้านธุรกิจ การบิน การพาณิชย์ และอุตสาหกรรมน้ำมัน ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกอีกด้วย ในอดีตลากอสเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศไนจีเรีย แต่เนื่องจากมีขนาดใหญ่มากและมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นเกินไป รัฐบาลไนจีเรียจึงได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่กรุง “อาบูจา” แทน อย่างไรก็ตาม ลากอส ยังคงได้ชื่อว่าเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของโลก เนื่องจากไนจีเรียเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่สุดในทวีปแอฟริกา
ลากอส เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นมากถึง 15.5 ล้านคน (อยู่ในเขตตัวเมือง 7.9 ล้านคน) และมีอัตราการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของประชากรในช่วงปี ค.ศ. 2006-2020 เท่ากับ 4.44% ต่อปี
อันดับที่ 6.
เมืองบามาโก (Bamako) สาธารณรัฐมาลี
บามาโก เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศมาลี ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไนเจอร์ (ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ) ในอดีตเคยเป็นแหล่งผลิตและค้าทองคำให้กับอาณาจักรต่างๆ ที่อยู่รายรอบแม่น้ำไนเจอร์ แต่ปัจจุบันเป็นเมืองท่าริมแม่น้ำ ตลอดจนศูนย์กลางการขนส่งทางเรือและอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งยังเป็นเมืองที่มีผู้คนในชนบทหนีภัยแล้งเข้ามาหางานทำและอาศัยอยู่เป็น จำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาหางานทำโดยผิดกฏหมายและลูกจ้างชั่วคราวอีกนับ ไม่ถ้วน ส่งผลให้มีปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย อาทิ ปัญหาด้านการจราจร สุขอนามัย และปัญหาด้านมลภาวะ เป็นต้น
เมื่อปีที่แล้วมีรายงานว่า ประชากรในเมืองบามาโกมีมากกว่า 1.8 ล้านคน แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าปัจจุบันนี้ประชากรในเมืองดังกล่าวมีมากกว่า 2 ล้านคนแล้ว โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของประชากรในช่วงปี ค.ศ. 2006-2020 เท่ากับ 4.45% ต่อปี
อันดับที่ 5.
เมืองคาบูล (Kabul) สาธารณรัฐอิสลามอัฟกานิสถาน
กรุงคาบูล เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของอัฟกานิสถาน ตั้งอยู่บนความสูง 5,900 ฟุต (1,800 ม.) เหนือระดับน้ำทะเล ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของประเทศ ที่ผ่านมา ชาวอัฟกานิสถานต้องเผชิญกับภาวะสงครามอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 ส่งผลให้ประชาชนในชนบทอพยพหนีความอดอยากเข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงคาบูลเป็น จำนวนมากตลอด 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา แต่เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่กันอย่างไม่เป็นหลักแหล่ง หรือไม่ได้จดทะเบียนที่พักอาศัยอย่างถูกต้อง จึงทำให้การสำรวจจำนวนประชากรที่แท้จริงเป็นไปได้ยาก
อย่างไรก็ตาม คาดว่ากรุงคาบูลน่าจะมีประชากรอาศัยอยู่ราว 3-4 ล้านคน โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของประชากรในช่วงปี ค.ศ. 2006-2020 เท่ากับ 4.74% ต่อปี
อันดับที่ 4.
เมืองสุรัต (Surat) สาธารณรัฐอินเดีย
เมืองสุรัต เป็นศูนย์กลางทางด้านการพาณิชย์ของรัฐคุชราต มีชื่อเสียงทางด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอและเพชร จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงแห่งสิ่งทอของอินเดีย (คุณภาพระดับเวิลด์คลาส) และเป็นเมืองหลวงแห่งเพชรของโลก เนื่องจากมีเพชรจำนวนมากถึง 92% ของโลกที่ถูกส่งมาเจียระไนและขัดเงาในเมืองสุรัต
อย่างไรก็ตาม สุรัตยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในโลก โดยมีบ้านพักที่ถูกสร้างขึ้นอย่างผิดกฏหมายและสลัมหลายแห่ง ประกอบกับมีอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงมาก (โดยเฉพาะในหมู่ผู้อพยพ) จึงเชื่อว่าในปีที่ผ่านมา น่าจะมีประชากรอาศัยอยู่ในเมืองสุรัตมากกว่า 5.4 ล้านคน หรือกว่า 1.6 หมื่นคนต่อตารางกิโลเมตร โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของประชากรในช่วงปี ค.ศ. 2006-2020 เท่ากับ 4.99% ต่อปี
อันดับที่ 3.
เมืองซานอา (Sana’a) สาธารณรัฐเยเมน
ซานอา เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่สุดของประเทศเยเมน นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่โตเร็วสุดเป็นอันดับ 3 ของโลกแล้ว ยังเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 2,500 ปี และมีสถาปัตยกรรมโบราณมากมาย อาทิ มัสยิดเก่าแก่ 103 แห่ง และบ้านอีกราว 6,500 หลัง ที่ถูกสร้างขึ้นก่อนศตวรรษที่ 11 (หลายอาคารมีอายุยาวนานกว่า 1,400 ปี) จึงได้ รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529)
เมืองซานอา มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 2 ล้านคน และมีอัตราการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของประชากรในช่วงปี ค.ศ. 2006-2020 เท่ากับ 5% ต่อปี
อันดับที่ 2.
เมืองคาเซียบัด (Ghaziabad) สาธารณรัฐอินเดีย
คาเซียบัด เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่กำลังเฟื่องฟู ตั้งอยู่ในรัฐอุตระประเทศ ห่างจากกรุงเดลลีเพียง 19 ก.ม. อุตสาหกรรมที่สำคัญของเมืองนี้ คือ การผลิตโบกี้รถไฟ เครื่องยนต์ดีเซล แหวนและลูกสูบรถยนต์ ยารักษาโรค เหล็ก สุรา จักรยาน เครื่องแก้ว ดินเผา น้ำมันพืช สี ฯลฯ ทั้งยังเป็นเมืองที่มีการวางผังและวางแผนก่อสร้างโครงการต่างๆ มาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างถนนหนทาง ห้างสรรพสินค้า ทางยกระดับ และระบบรถไฟใต้ดิน เป็นต้น แต่ก็มีโบราณสถานและหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ (สมัย 2,500 ปีก่อนคริสตกาล) ให้ได้เที่ยวชมและศึกษากัน
ปัจจุบัน คาเซียบัด มีประชากรมากกว่า 1.5 ล้านคน
และมีอัตราการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของประชากรในช่วงปี ค.ศ. 2006-2020
เท่ากับ 5.20% ต่อปี
อันดับที่ 1.
เมืองเป๋ยไห่ (Beihai) สาธารณรัฐประชาชนจีน
เมืองเป๋ยไห่ ตั้งอยู่ในมณฑลกวางสี อดีตเคยเป็นท่าเรือที่สำคัญของจีน แต่ปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญและมีสถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจหลายแห่ง แต่ที่มีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยว คือ หาดเงินเป๋ยไห่ (Silver Beach) ที่มีหาดทรายยาวถึง 24 กิโลเมตร ด้วยความที่ทำเลดีเพราะอยู่ใกล้ประเทศเวียดนาม ฮ่องกง และมาเก๊า จึงมีส่วนช่วยผลักดันเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเมืองให้เจริญ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
เป๋ยไห่ เป็นเมืองที่ถูกคาดการณ์เอาไว้ว่าน่าจะ “โตเร็วที่สุดในโลก”
เนื่องจากมีอัตราการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของประชากรในช่วงปี ค.ศ. 2006-2020
สูงถึง 10.58% ต่อปี ซึ่งหมายความว่าภายในปี ค.ศ. 2020
หรือในอีก 10 ปีข้างหน้า เมืองเป๋ยไห่ จะมีประชากรราว 1,250,000 คน
จากเดิมที่มีเพียง 306,000 คนในปี ค.ศ. 2006
** กรุงเทพฯ อยู่ในอันดับที่ 244
มีอัตราการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยของประชากรในช่วงปี ค.ศ. 2006-2020
เท่ากับ 1.11 % ต่อปี (ส่วนจังหวัดอื่นๆ ของไทยไม่ติด 1 ใน 300 อันดับ) **
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น