29 พ.ย. 2554

“รถถูกน้ำท่วม“ ระวังให้ดีงานนี้มีย้อมแมวขาย (ตอนที่ 1)

คงต้องเรียกว่าผ่านวิกฤติการณ์กันไปอย่างเป็นทางการเสียทีกับ "มหาอุทกภัยไทยแลนด์" ที่ล่อเราๆท่านๆ ลำบากไปตามๆกัน และหนึ่งในปัญหาที่ใหญ่สุดพาโกลาหลไปตามๆกันนั้นก็ไม่พ้นรถยนต์ที่พากันจอดหนีน้ำท่วม จนกลายเป็นมหกรรมแห่งความวุ่นวาย แต่นั่นก็ยังนับว่ายังดีกว่ารถที่โดนน้ำท่วมจนได้รับความเสียหายไปตามๆกัน

ที่ผ่านมา เรากล่าวถึงการดูแลรถยนต์หลังน้ำท่วมกันไปพอสมควร แต่ในห้วงเวลาดังกล่าวนี้หลายคนก็คงคิดจะเปลี่ยนรถยนต์ไปในตัว และมันเป็นที่มาของช่องทางหากินของพ่อค้าหัวใสบางคนที่จับรถโดนน้ำท่วมมาย้อมแมวขาย กันทำกำไรงามๆ เข้ากระเป๋า


ความจริงแล้ว "รถโดนน้ำท่วม" นั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่รถที่เสียหายในลักษณะนี้มักไม่เหมาะสมที่จะมาใช้งานต่อ โดยเฉพาะ รถที่เสียหายหนักๆ ซึ่งวันนี้เราจะไปรู้จักรถถูกน้ำท่วม และ การดูรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมว่า มันจะมีลักษณะเป็นเช่นไรกัน


รู้จักความเสียหาย

รถโดนน้ำท่วมนันไม่ว่าจะทางใดมากหรือน้อยเพียงใด เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่ารถโดนน้ำท่วมนั้น มักจะได้รับความเสียหายเสมอ แต่ทั้งหมดทั้งปวงนั้นต้องอาศัยการพินิจพิจารณา โดยเฉพาะการดูเป็นอย่างดี เพราะบางครั้งรถโดนน้ำท่วมบางคันก็อาจจะไม่เสียหายมาก ถ้าเงินถึงงบมีทำดีๆ กลับมาขับได้เหมือนใหม่เช่นกัน

หากพูดถึงรถโดนน้ำท่วมแล้วความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น โดยส่วนใหญ่เรามักจะต้องพิจารณาจากกระดับน้ำที่รถคันนั้นถูกแช่เอาไว้ก่อน ซึ่งโดยมากและรถที่ถูกนำมาย้อมแมวขายต่อนั้น มักจะผ่านระดับน้ำมาเพียง 3 ระดับเท่านั้น เพราะระดับที่ 4 ในระดับมิดคัน โดยมากเจ้าของรถมักจะได้รับเงินชดเชยจากประกัน และถูกตีขายเป็นอะไหล่สู่เชียงกง หรืออย่างแย่สุดก็ทุบทิ้งกลับบ้านเก่ากันไป


1.ระดับครึ่งล้อถึงใต้ประตู

ระดับครึ่งล้อหรือใต้ประตูนั้นเป็นระดับน้ำที่จะว่าไปก็ไม่อันตรายอะไรมากมายนัก รถเก๋งวิ่งใด้กระบะฉลุย ระดับน้ำ ไม่เกิน 1 ฟุตหรือ 30 ซ.ม. นั้น ถือว่าไม่น่าจะทำความเสียหายอะไรได้ แน่นอนนั่นคือเวลาที่คุณขับผ่านที่อาจจะพาเสียวๆบ้าง แต่เมื่อมันแช่ในน้ำเป็นคนละเรื่องกัน

รถที่จมน้ำระดับครึ่งล้อนั้นถือว่าเป็นความเสียหายที่น้อยที่สุดดูแล้ว จะว่าไม่เสียหายเลยก็คงไม่ใช่ เพราะ โดยมากยิ่งนานน้ำยิ่งซึม อาจจะเกิดสนิมใต้ท้องรถได้ ยิ่งจุดไหนเคยผ่านการกระแทกมานั้น ไม่ต้องพูดถึง น้องสนิมถามหา ส่วนในรถนั้นอาจจะเจอพรมแฉะอย่างมากก็เลาะพรมออกมาตากแดดถอดซักดูและพวกขาเบาะต่างๆ ตากแดด-2 แดด ไม่นานก็หายและไม่มีกลิ่นติด ถือเป็นรถที่ดูยากพอสมควร ยิ่งเจ้าของคนไหนเงินถึง ทำกลับดีๆ แทบไม่รู้ประวัติกันเลยทีเดียว

2. ระดับครึ่งประตูรถ / มิดล้อ

ระดับนี้เป็นระดับน้ำปานกลางถ้าเทียบกับเก๋งก็ประมาณไม่เกิน 50 ซ.ม. ระดับครึ่งประตูนี้ค่อนข้างเสียหายเริ่มจะรุนแรง ที่ประกันเขาว่าๆ เอาเงินมาให้ซ่อม 2- 3 หมื่นนั้น บอกตามตรงในทางปฏิบัติเลยว่ายาก เพราะ สิ่งที่เสียหายนั้น เกินกว่า 50 % ของตัวรถ กล่าวคือ น้ำเข้ารถ ได้ซักทั้งพรม ทั้งเบาะ และเมื่อน้ำเข้ารถท่วมแช่ ก็หมายถึงน่าจะเข้าในส่วนของเครื่องยนต์ ยิ่งรถเก๋ง ฟันธงได้เลยว่าเจอแน่ นี่ยังไม่นับพวกชิ้นส่วนพลาสติกต่างๆ ไปยันระบบปรับอากาศที่ต้องดูแลทำความสะอาดกันยกใหญ่ และที่ลืมไม่ได้จนเรียกว่า "เน่าใน" นั้น คงไม่พ้นระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะชุดปลั๊กต่างๆนั้นจะเกิดความชื่นเสียหายยากแก่การซ่อมแซม เว้นแต่ยกเปลี่ยนอย่างเดียว


ที่กล่าวมานั้นคือสิ่งที่รถโดนน้ำท่วมในระดับนี้จะต้องซ่อม ที่ยังมีพวกชุดลูกยางช่วงล่าง ระบบเบรค ที่ต้องไล่ความชื้นกันยกใหญ่ จึงกล้าพูดว่าไม่มีทางที่เงินน้อยขนาดนั้นจะซ่อมได้หมดอย่างแน่นอน และกับรถประเภทนี้สังเกตง่ายมาก เพราะถ้าเจ้าของเดิมหรือเต๊นท์ทำไม่ถึง มีจุดตำหนิมาให้เราได้ดูศึกษาเป็นวิทยาทานแน่นอน

3.ระดับมิดคอนโซลหน้า

ระดับนี้เป็นระดับที่เรียกว่าเสียหายหนักสุดๆ แล้วที่จะนำมาย้อมแมวขาย เพราะ เรียกว่ามีแต่โคลงรถมาให้ทำอย่างเดียว อย่างอื่นแทบจะต้องยกเซทเปลี่ยนใหม่หมด แต่ก็อีกนั่นแหละคนไทยหัวดัดแปลงก็น่าจะมีหลุดมาบ้าง แต่ความจริงแล้วความเสียในระดับนี้กับระดับมิดล้อนั้น แทบไม่ต่างกันเลย จะหนักกว่าก็ตรงเครื่องยนต์ ซึ่งในต่างประเทศนั้น ถ้ารถโดนน้ำท่วมเกินคอนโซลหน้า จะตีเป็นเสียหายทั้งหมดหรือ total lost ทันที เพราะซ่อมไม่คุ้ม แต่ในบ้านเรานั้นต้องขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท

เอาเป็นว่าในตอนนี้เราก็มารู้จักกับระดับน้ำความเสียหายที่มีต่อตัวรถกันไปแล้ว ในตอนต่อไปนั้น เราจะพาเพื่อนๆไปรู้วิธีดูรถย้อมแมวขายจากน้ำท่วมกันว่า ตรงไหนที่พอจะให้คุณช่วยสังเกตได้

ไม่มีความคิดเห็น: