2 เม.ย. 2551

มี ลูก หลาน ภรรยา ญาติพี่น้องช่วยบอกต่อกันไปด้วย

> > ภัยรายวัน สำหรับ ผู้หญิงเรา
> > ญาติพี่น้องช่วยบอกต่อกันไปด้วย
> > ผมมีตัวตนแต่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อ
> > เรื่องต่อไปนี้จะเป็นตัวบอกว่าทำไมผมจึงบอกไม่ได้
> > ประมาณสองสัปดาห์หลังปีใหม่ ภรรยาผมลางานเพื่อไปติดต่องานราชการ
> > เสร็จแล้วแวะ Central ลาดพร้าว เพื่อหาซื้อหนังสือแนวที่เธอชอบอ่านที่ B2S
> > ระหว่างที่กำลังเลือกหาซื้อหนังสืออยู่นั้น
> > ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ
> > สามสิบเข้ามาทักทาย
> > บอกว่าชอบหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนเช่นกันและ
> > มีหนังสือที่น่าสนใจหลายเล่มที่น่าอ่านมาก การสนทนาก็เป็นไปอย่างมี
> > มิตรไมตรีต่อกัน เพราะจากลักษณะท่าทางและการแต่งตัวดูเหมือนเป็น
> > คนทำงานทั่วไป แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ให้นามบัตรภรรยาผมมา ส่วนภรรยาผม
> > ก็ให้เบอร์มือถือเธอไปเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงด้วยกัน การต ิดต่อพูดคุยก็
> > มีขึ้นเป็นระยะๆ
> > และมีนัดเจอกันเพื่อให้หนังสือภรรยาผมมาอ่านแล้วก็บอกว่า
> > จะรีบไปทำงาน
> > แต่หนังสือที่ให้มาเป็นหนังสือแนวสืบสวนธรรมดาที่ภรรยาผม

> > เคยอ่านมาแล้ว
> > จึงอยากจะคืนกลับไป
> > การนัดเจอกันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
> > แต่คราวนี้ผู้หญิงคนนั้นชวนทานข้าวเพราะเป็น
> > ช่วงเกือบเที่ยงวันแล้ว
> > และได้แนะนำให้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ที่ Food Center
> > เธอบอกว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานชอบอ่านหนังสือแนวนี้เช่นกัน ผู้ชายคนนั้น
> > ถามภรรยาผมและผู้หญิงคนนั้นว่า จะทานอะไรจะไปซื้อมาให้ ด้วยความเกรงใจ
> > จึงทานเหมือนกันเป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู แต่ภรรยาผมก็พยายามจะขอตัวไปซื้อ
> > น้ำมาให้แต่ทางผู้หญิงคนนั้น ชิงเดินไปซื้อมาให้ก่อน
> > พอนั่งทานไปได้ประมาณ
> > ครึ่งชามและดื่มน้ำไปหน่อย
> > ภรรยาผมก็เกิดอาการมึนๆ และเริ่มง่วงนอน เพียงอีก
> > ไม่กี่นาทีต่อมา
> > เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นก็เข้ามาประคองตัว๓รรยาผม
> > แล้วพูดบอกผู้ชายว่า คงเป็ นลมช่วยพาออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย ตอนนั้น

> > ภรรยาผมบอกว่าไม่สามารถพูดอะไรได้ ร่างกายยืนแทบไม่ไหว ระหว่างเดินผ่าน
> > ตัวห้างมาลานจอดรถเห็นผู้ชายโทรศัพท์เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที
> > รถตู้สีขาวก็มาจอด
> > แล้วทั้งคู่ก็พาภรรยาผมขึ้นรถ
> > วินาทีนั้นภรรยาผมบอกว่าเธอพยายามขัดขืนแต่
> > ทั้งคู่ก็ใช้กำลังพาเธอขึ้นรถแล้วปิดประตูรถ
> > บนรถมีผู้ชายสองคนนั่งมาในรถด้วย เมื่อรถวิ่งออกจากห้างภรรยาผมพยายาม
ร้องขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีเสียงและผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเอามือมาปิดปากเธอ­ไ ว้

> > พอรถวิ่งออกมาระยะหนึ่งผู้ชายที่เจอกันที่ Food Center
> > เริ่มปลดเสื้อผ้าภรรยาผม
> > เธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือและต่อสู้แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรง
> > ผู้ชายอีกสองคนที่นั่ง
> > รออยู่บนรถก็ช่วยกันถอด
> > สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปคงไม่ต้องบรรยายกันอีก
> > โดยมีผู้หญิงเป็น
> > คนเก็บภาพเป็นระยะๆ เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่ทราบ
> > รู้สึกตัวอีกที่ภรรยาผมถูกนำ
> > มาทิ้งที่ห้องน้ำหญิงของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวสุขาภิบาลสองย่า นบางกะปิ
> > ผมไปรับเธอแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น
> > เธอไม่พูดอะไรได้แต่ร้องไห้และไม่ไปทำงานอีกเลย
> > นั่งซึมอยู่กับบ้าน
> > สามวันต่อมาคุณแม่ของภรรยาโทรมาบอกว่ามีจดหมายลงทะเบียนส่งมาที่
> > บ้านให้ไปรับผมก็ไปรับ แล้วเปิดออกดู
> > มีภาพถ่ายพร้อมขอเงินสดสี่แสนบาทเป็นค่าฟิล์มและ

> > ภาพถ่ายทั้งหมด
> > ผมพูดไม่ออก ทุกความรู้สึกวิ่งพุ่งเข้ามาในใจ สับสน เสียใจ
> > แค้นใจ
> > เจ็บใจ
> > ผมปรึกษาเรื่องนี้กับคุณพ่อและเพื่อนท่านที่เป็นนายตำรวจ
> > มีความเห็นเหมือนกันว่าต้องแจ้ง
> > ความกับตำรวจ
> > เพราะเงินสี่แสนครอบครัวเราคงหามาให้ได้ยาก
> > ผมกับภรรยาเป็นเพียงลูกจ้าง
> > กินเงินเดือนเท่านั้น
> > ในวันส่งเงินตามนัดหมายตำรวจกองปราบวางแผนอย่างดีและสามารถจับ
> > พวกเดนสังคมได้สองคนได้ฟิล์มและภาพจำนวนหนึ่ง
> > และตำรวจกำลังตามจับพวกที่เหลืออีก
> > สามคน
> > แต่ก็ไม่แน่ใจว่าภาพถ่ายยังคงมีเหลืออยู่อีกหรือเปล่า
> > ซึ่งหลังจากพวกมันถูกจับผมก็
> > ได้รับโทรศัพท์ขู่ว่าจะภาพลง internet

> > สองครั้ง
> > ทุกวันนี้ภรรยาผมไม่ได้ทำงานอีกแล้ว
> > อยู่บ้านด้วยอาการซึมเศร้าและไม่ต้องการ
> > พบปะกับใครเลย
> > ส่วนผมก็ไม่กล้าออกไปไหนเช่นกันทำงานเสร็จก็กลับบ้าน
> > ชีวิตความเป็นอยู่
> > มีแต่ความกลัว ระแวง คิดมาก เหมือนเป็นโรคประสาท
> > ผมจึงอยากฝากบอกเรื่องราวของ
> > ผมให้เป็นข้อมูลกับทุกคน
> > ทุกวันนี้การหากินบนความทุกข์ร้อนของคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดา
> > ไปแล้วครับ ขอบุญกุศลในการให้ข้อมูลนี้ ทำให้ชีวิตครอบครัวผมดีขึ้นด้วยเถอะ
> > อย่าลืมบอกต่อๆกันไปด้วยครับ

ไม่มีความคิดเห็น: