24 มี.ค. 2552

บัญญัติ 10 ประการ สู่ชีวิตยืนยาวและแข็งแรง

ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีการแพทย์ยุคปัจจุบัน ช่วยให้มนุษย์มีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น คำว่า "ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ" เป็นพรวิเศษสุดที่มนุษย์ทุกคนคงอยากให้กลายเป็นจริง แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะร่างกายย่อมทรุดโทรมไปตามกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขาดการออกกำลังกายและถูกโรครุมเร้าวิธีปฏิบัติตัวเพื่อรักษาชีวิตให้ยืนยาวอย่างแข็งแรงมีหลายรูปแบบ บางวิธียังเป็นเรื่องง่ายๆ ที่อาจมองข้ามไป แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้มองข้าม วันนี้ไปรวบรวมงานวิจัยเคล็ดลับยืดชีวิตมนุษย์มารายงานไว้ในบรรทัดต่อจากนี้

1. นอนพอดีๆ วันละ 6-7 ชั่วโมง

วารสารจิตเวชศาสตร์ทั่วไป ในสหรัฐอเมริกา ตีพิมพ์ผลการศึกษาที่พบว่า คนที่นอนเกินคืนละ 8 ชั่วโมงต่อวันมีความเสี่ยงเสียชีวิตเร็วกว่าคนอื่น อย่างไรก็ตาม คนที่นอนน้อยกว่าคืนละ 4 ชั่วโมงก็มีโอกาสตายเร็วเช่นกันทางออกดีที่สุด คือ นอนพอดีๆ วันละ 6-7 ชั่วโมง เพราะพบว่าคนกลุ่มนี้มีอายุยืนยาวที่สุด

2. มองโลกในแง่ดี

นักวิจัยประจำเมโย คลินิก เมืองโรชสเตอร์ รัฐมินเนโซตา สหรัฐ พบว่า "คนมองโลกในแง่ดี" มีแนวโน้มมีชีวิตยืนยาวกว่า "คนมองโลกแง่ร้าย" ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ข้อมูลรองรับสมมติฐานดังกล่าวก็คือ คนมองโลกแง่ดีมีความเครียดน้อยกว่าคนทั่วไป ไม่ปล่อยให้ร่างกายและใจตกต่ำยามต้องเผชิญกับปัญหา นอกจากนั้น ยังมีความดันโลหิตต่ำกว่าพวกชอบขวางโลกอีกด้วย

3. "เซ็กซ์เซอร์ไซส์"

เซ็กซ์ หรือ การมีเพศสัมพันธ์เป็นการออกกำลังที่ดีชนิดหนึ่ง (ถ้ามีความพร้อม)ถ้าเป็นเซ็กซ์ที่เต็มไปด้วยความรักก็จะยิ่งสร้างความผูกพันธ์ระหว่างคนสองคน ทำให้ชีวิตมีความสุข ไม่เครียด โอกาสป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจก็จะลดลง วารสารสมาคมการแพทย์อเมริกา รายงานไว้ว่า สำหรับคุณผู้ชาย การหลั่งน้ำอสุจิอย่างสม่ำเสมอช่วยลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก

4. สัตว์เลี้ยงเพื่อนใจ

นักวิจัยอเมริกัน ศึกษาพบว่า การเลี้ยง "สัตว์เลี้ยง" ส่งผลดีทางจิตวิทยาต่อคนเราหลายประการ เช่น ช่วยคลายความโดดเดี่ยว ป้องกันอาการซึมเศร้า ช่วยเรียกเสียงหัวเราะและบังคับให้เดินออกกำลังบ่อยขึ้นไปในตัว นอกจากนั้น คนที่มีสัตว์เลี้ยงจะเครียดน้อยกว่าคนที่ไม่มี

5. เลิกสูบบุหรี่

ข้อนี้คงแทบไม่ต้องบอกกันแล้วว่าการสูบบุหรี่ในระยะยาวส่งผลเสียต่อสุขภาพขนาดไหน สิงห์อมควันมักอ้างว่าไหนๆ การลงทุนสูบมาตั้งหลายสิบปีก็สูบต่อไปเถอะ เพราะคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว แต่ผลวิจัยชี้ว่า ถึงแม้คุณจะอยู่ในวัยกลางคน แต่ถ้าเลิกบุหรี่เสียตั้งแต่วันนี้ช่วยให้ความเสี่ยงป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากลดลง เช่นเดียวกับมะเร็งระบบทางเดินหายใจ

6. หัดพักผ่อน"ชิลล์ชิลล์"

ผลการศึกษาของวิทยาลัยการแพทย์ มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ ระบุว่า คนขี้โมโห ฉุนเฉียว โกรธง่าย เครียดง่าย มีโอกาสป่วยเป็นโรคหัวใจก่อนวัยอันควรถึง 3 เท่า และเสี่ยงหัวใจวายตายก่อนอายุ 55 ปีวิธีแก้ปัญหานี้ทำได้ง่ายๆ อย่าแบกโลกไว้บนบ่าจนทำให้รู้สึกย่ำแย่เกินไป หัดไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจบ้างที่สำคัญอย่าลืมคาถา "ยิ้มสู้โลก" เพราะขณะคุณหัวเราะนั้นระดับฮอร์โมนความเครียด เช่น คอร์ติซอลและอะดรีนาลีน ในร่างกายจะลดลง และปล่อยสารแห่งความสุขอย่าง "เอนโดรฟีน" ออกมาแทน ทำให้รู้สึกสบายและยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

7. อาหารต้านอนุมูลอิสระ

การรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ คือ หลักสำคัญในการดูแลสุขภาพอยู่แล้วแต่ควรเพิ่มการทานอาหารที่มี "สารต้านอนุมูลอิสระ" ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ร่างกายเสื่อมสภาพเร็วเกินไปสารต้านอนุมูลอิสระพบมากในอบเชย พืชตระกูลถั่วบางชนิด ได้แก่ ถั่วแดง ถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวัน งา ข้าวโพด ข้าวกล้อง ฝรั่ง ส้ม มะขามป้อม ส้ม ผลไม้จำพวกบลูเบอร์รี่ ผลเบอร์รี่ มะเขือเทศ เกรฟฟรุ้ต

8. วิวาห์พาสุข

"วิวาห์พาสุข" ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแต่งงานกับคนรวยจะได้มีเงินใช้เยอะๆ แต่ต้องการบอกว่าเวลาเลือกคู่ครองให้ลองดูเสียหน่อยว่า ญาติๆ ของคู่สมรส ไม่ว่าจะเป็นปู่ ย่า ตา ยาย ยังมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่ถ้ายังอยู่ก็ตีความได้ว่าทั้งคู่ของคุณและลูกที่กำลังจะเกิดมามีแนวโน้มอายุยืนเหมือนกัน ตามข้อมูลจากวารสารแมคคานิซึ่มส์ ออฟ เอจจิ้ง แอนด์ ดีเวลล็อปเมนต์ ในสหรัฐ ตีพิมพ์งานวิจัยที่ระบุว่า "ความมีอายุยืน" นั้นส่งผ่านกันได้ทางพันธุกรรมไปประมาณ 3 ชั่วอายุคน

9. "อ้วน"อันตราย

ดร.เดวิด เฟน ผู้อำนวยการการแพทย์ ศูนย์อายุยืนยาวพรินซ์ตัน ในนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐ กล่าวว่า ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป หรือเป็นโรคอ้วนก็เปรียบได้กับกำลังมีระเบิดเวลาอยู่ในตัวที่พร้อมจะทำให้เจ้าของร่างกายล้มป่วยด้วยสารพัดโรคตลอดเวลา ทั้งโรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน ฯลฯวิธีลดความอ้วนที่ดีที่สุด คือ ลดปริมาณการบริโภคอาหาร แต่ควบคุมไม่ให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็น ถ้าไม่ลดอาหาร ถึงจะออกกำลังกายเท่าไหร่ น้ำหนักจะลงยากมาก

10. พลังสมาธิ

ผลการศึกษาของดร.วู้ดสัน เมอร์เรลล์ แห่งโรงพยาบาลเบธอิสราเอล นครนิวยอร์ก สหรัฐ พบว่า การนั่งสมาธิเป็นเครื่องมือที่มีอานุภาพสูงสุดในการดูแลสุขภาพทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจการนั่งสมาธิเพียง 15 นาทีจะส่งผลดีเท่ากับการนอนหลับลึกกว่า 1 ชั่วโมง ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดความเครียด มีจิตใจแจ่มใสไม่วอกแวกง่ายๆ

ไม่มีความคิดเห็น: